แฉตำรวจปืนจ่อกบาลค้นตัวฉก 3 พัน บิ๊กสีกากียันลูกน้องทำจริงแต่ปัดฉกเงิน (คลิป)

19 ก.พ. 67

จากกรณีมีผู้ใช้เฟซบุ๊กโพสต์คลิป พร้อมข้อความขอความเห็นในเพจ 'หนองแคมีดี (รักษ์หนองแค)' ระบุว่า "ขอสอบถามความคิดเห็นพี่ๆ ในกลุ่มหน่อยครับ พอดีวันและเวลาที่ลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.หนองแค ผมได้โดนชายฉกรรจ์สามคนอ้างตัวว่าเป็นตำรวจโดยไม่แสดงบัตรหรือเอกสารใดๆ ได้สไลด์ปืนขึ้นลำจ่อมาที่หัวบังคับค้นรถ ได้ค้นรถไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย และค้นตัวเงินที่ตัวได้หายไป ก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่าชายที่ค้นตัวผมเป็นตำรวจจริงหรือไม่ หรือว่าเป็นมิจฉาชีพซึ่งได้แจ้งความไว้แล้ว เรียกพยานและสอบพยานแวดล้อมแล้ว แต่คดียังไม่คืบ หรือมีพี่คนไหนโดนแบบผมบ้างในเขตหนองแค รบกวนขอคำแนะนำหน่อยครับผมควรทำยังไงต่อ"

587246

ล่าสุดวันที่ 19 ก.พ. 67 ทีมข่าวอมรินทร์ทีวี เดินทางไปพูดคุยกับ นายวีรชาติ พัฒเกตุ หรือ แป๊ะ อายุ 32 ปีผู้เสียหาย เผยว่า ตนเองขับเข้าไปในจุดดังกล่าวเพื่อที่จะไปซื้อถ่านและนำไปขายต่อเพราะชุมชนดังกล่าวเผาถ่านขายได้กำไร ถุงละ 5-10 บาท ขณะที่จอดรถคุยกับลูกชายนายแดง (นามสมมติ) พยานในที่เกิดเหตุ

217855

จู่ๆ ก็มีรถกระบะรีโว่ 4 ประตูสีดำ เข้ามาจอดที่ท้ายรถของตนเองโดยมีชายฉกรรจ์ 3 คน ลงมาจากรถและชักปืนออกมาจ่อมาที่ตนเองและบังคับให้ลงจากรถ

ยอมรับตอนนั้นตกใจมาก ไม่กล้าขยับไปไหน และชายฉกรรจ์ 3 คนก็อ้าวว่าตัวเองเป็นตำรวจแต่ไม่แสดงบัตรอะไรให้ดูเลย

ตนเห็นท่าไม่ดีก็พยายามถามว่า “พี่ๆ จะทำอะไรผม“ แต่ก็ไม่ได้คำตอบบังคับให้ลงรถอย่างเดียว หลังจากนั้นตนก็ลงจากรถถูกสั่งให้นั่งหมอบและเอาปืนจ่อหัว ก่อนจะมีคนบอกว่า จะขอค้นรถโดยไม่ได้บอกเลยว่าค้นหาอะไร ทำไปทำไม
ก่อนจะค้นรถของตนต่อ ทั้งหน้ารถภายในรถรื้อค้นจนหมดแถมจะมาค้นตัวในเวลาเดียวกันตนเลยบอกไปว่า ”ผมไม่สะดวกให้ค้นพร้อมกันหากมายัดยาผมจะทำยังไง

สุดท้ายตำรวจก็ค้นรถเสร็จ แต่ก็ไม่เจออะไร  ก่อนจะหันกลับมาค้นตัวและให้ถอดเสื้อผ้าจนหมดไม่เหลือแม้แต่กางเกงใน แต่ก็ไม่เจออะไรสุดท้ายก่อนกลับยังข่มขู่ตนอีกว่า “ถ้ากูเจอมึงที่ไหนกูเล่นมึงแน่“

หลังจากนั้นตนเองก็ใส่เสื้อผ้าเช็คของภายในรถและเช็กเงินในกระเป้ากางเกงที่มีอยู่ 6,500 บาท แต่ก็ตกใจเพราะเงินดันหายไป 3,000 บาท คิดไว้ตำรวจน่าจะเอาไปแน่ๆ

ยืนยันไม่รู้จักกลุ่มชายฉกรรจ์ทั้ง 3 คน ไม่มีปัญหาอะไรกับใครและตนก็ไม่เคยค้ายาเสพติดสามารถตรวจสอบได้ ตอนนี้ 2 เดือนแล้วตนเองไม่ได้รับความเป็นธรรมจะมาให้ไกล่เกลี่ยยกมือขอโทษละจบตนเองมองว่าไม่ใช่ หากวันนั้นปืนลั่นใส่ตนเสียชีวิตใครจะดูแลครอบครัว

662383

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับนายแดง (นามสมมติ) พยานในที่เกิดเหตุ ขณะที่ทีมข่าวเดินทางไปถึงก็เห็นรถของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจอดอยู่บริเวณหน้าบ้านหนึ่งคัน หลังจากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหนึ่งนายเดินออกมาจากบ้านนายแดงก่อนขึ้นรถไป

นายแดง (นามสมมติ) พยานในที่เหตุการณ์เผยว่า วันที่เกิดเหตุตนเห็นรถของผู้เสียหายมาจอดที่หน้าบ้านนานพอสมควรคุยกับลูกชายอยู่ตนก็ไม่ได้สนใจอะไร นึกว่ารู้จักกันมาหากันปกติ  จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันเสียงดังต่างคนต่างยั่วยุกันตัวเองเลยออกมาดูก็เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซักปืนมาออกมา

ส่วนผู้เสียหายก็หมอบอยู่กับพื้นโวยวายเสียงดังตนเลยพูดไปว่า “เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจซักปืนออกมาแบบนี้ได้หรอ“ กลุ่มชายฉกรรจ์ก็ไม่พูดอะไรกับตน แต่หันกลับไปพูดกับผู้เสียหายว่า “ของอยู่ไหน“ ตนเห็นแบบนั้นเลยพูกไปว่า “มึงไม่ต้องกลัวเหตุเกิดหน้าบ้านกู ให้ค้นไปเลยกูเป็นพยานให้ถ้าตำรวจยัดยากูจะเป็นพยานให้“ ระหว่างนั้นตัวเองก็เดินเข้าไปใกล้ๆ รถของผู้เสียหายเพื่อจะยืนดู 5-10 นาที

หลังจากนั้นไม่เจออะไร แยกย้ายกลับก่อน ตนก็เดินไปบอกชายฉกรรจ์กลุ่มดังกล่าวว่าถ้าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจต่อไป เวลาไปไหนมาไหนติดบัตรไว้ด้วยว่าเป็นตำรวจ

หลังจากนั้นทั้งชายฉกรรจ์และผู้เสียหายก็ต่างคนต่างด่าทอกันขึ้นมาอีก ส่วนข่มขู่หรือไม่นั้นตนเองก็รู้อยู่แหละแต่ตนเป็นพยานพูดได้แค่นี้ ถามว่าตอนนี้กลัวหรือไม่ยอมรับไม่กลัวเพราะตนเองไม่ผิดจะให้ตำรวจคนไหนมาพูดตนเองก็ยืนยันว่าจะเป็นพยานให้ผู้เสียหาย

548359

หลังจากนั้นทีมข่าวเดินทางต่อไปที่บ้านของนายเท่ (นามสมมติ) อายุ 24 ปี วัยรุ่นในพื้นที่หลังมีข้อมูลว่า ในวันเดียวกันตำรวจชุดดังกล่าวได้เข้าตรวจค้นบ้านของนายเท่เช่นเดียวกัน ทีมข่าวได้สอบถามนายเท่ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยอมรับว่า ในวันดังกล่าวทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ 3 คนซึ่งเป็นชุดเดียวกันกับที่จับกุมนายแป๊ะ มาหาตนที่บ้านจริงพร้อมบอกกับตนว่า รถตนตอนกลางคืนเสียงดัง ซึ่งไม่เป็นความจริงตนเองก็บอกไป

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้บอกกับตนว่า จะขอเข้าไปค้นภายในบ้าน ตนเองก็ให้ไปค้นพร้อมกับเดินตามไปดู คนทั้งภายในห้องพักบริเวณครัวและหลังบ้านสุดท้ายก็ไม่เจออะไร

ตนเองยังงงอยู่เลยว่า มาค้นทำไมค้นเพื่ออะไรแต่ก็ยอมรับว่าตนเองนั้นเคยมีประวัติเรื่องยาเสพติดมาก่อนคงอาจจะตกเป็นเป้า แต่ตนเองก็ยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่าเลิกนานแล้ว ไม่ได้ยุ่งเกี่ยว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังจะเข้าไปค้นดีที่ตอนนั้นตนเองไม่ได้โดนอะไร 

ส่วนเรื่องยาเสพติดในพื้นที่ตนเองนั้นไม่รู้จริงๆ หากใครมาถามว่า มียาเสพติดหรือไม่หรือให้นัดสถานที่ให้หน่อยตนเองจะโกรธมากและจะเตะให้เพราะตนไม่ยุ่งนานแล้ว

917168

ขณะที่ สภ.หนองแค พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ แสนวงศ์สิริ ผกก.สภ.หนองแค เรียกพนักงานสอบสวนพร้อมทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาประชุมติดตามความคืบหน้าทางคดีหลังมีกระแสข่าวแจ้งความไป 2 เดือนคดีไม่คืบหน้า

พ.ต.อ.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า วันที่เกิดเหตุตนเองพึ่งมารับตำแหน่งใหม่ๆ เรียกตำรวจทั้งโรงพักประชุม หลังประชุมเสร็จเห็นว่ามีสายรายงานว่าจะมีการส่งยาเสพติดและมีรถต้องสงสัยขับเข้าออกพื้นที่น่าจะมีอาวุธปืนด้วย จึงลงพื้นที่ไปตรวจสอบ

ยอมรับว่า มีตำรวจใน สภ.หนองแค 2 นายส่วนอีก 1 คนเป็นอาสาสมัครตำรวจซึ่งออกปฏิบัติหน้าที่ด้วยกัน พอไปถึงก็เข้าตรวจค้น แต่ไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย

จากคำให้การของตำรวจทั้ง 2 นายบอกว่าที่ ชักอาวุธปืนออกมาเพราะฝ่ายผู้เสียหายเองมีท่าทีโมโหและด่าทอเจ้าหน้าที่ตำรวจ ส่วนประเด็นเรื่องเงินเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 2 นายยืนยันว่าไม่ได้เอาไป ซึ่งต้องสอบปากคำเพิ่มเติมอีกครั้งว่าจริงหรือไม่

ส่วนเรื่องพฤติกรรมการตรวจค้นหรือแสดงตัวตรวจค้นเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่นั้น ต้องสอบปากคำทั้งตำรวจในวันดังกล่าวและผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์เพิ่มเติม ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปในส่วนดังกล่าว ยืนยันผิดว่าไปตามผิดให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย หากตำรวจผิดอาจจะได้รับโทษสูงสุดถึงขั้นให้ออกจากราชการ

ส่วนเรื่องที่ดำเนินการล่าช้ายอมรับว่า เป็นขอผิดพลาดจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองและต้องขอโทษทางผู้เสียหายด้วยในส่วนนี้ตัวเองจะรับผิดชอบและเร่งรัดให้เร็วที่สุด แต่เบื้องต้นพนักงานสอบสวนส่งสำนวนไปที่รองผู้กำกับแล้ว แต่วันนี้ต้องกลับมาทบทวนอีกรอบว่าสำนวนคดีครบหรือไม่หากไม่ครบตนก็จะเพิ่มเติมหลังสอบปากคำทุกฝ่ายแล้ว

ส่วนอาสาสมัครตำรวจตอนนี้ต้องพิจารณาเช่นกันว่าผิดหรือไม่หากผิดก็ว่าไปตามกระบวนการ  หลังจากนี้การปฎิบัติหน้าที่ของอาสาสมัครตำรวจจะต้องได้รับอนุญาตเป็นเคสๆ ไปไม่ใช่ติดตามไปทุกเคสต้องได้รับอนุญาตเท่านั้น

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส