กู้ภัยสาวโผล่จับโป๊ะ พิรุธสาวพรตอนดูร่างผัว

9 ก.พ. 67

กู้ภัยสาวโผล่จับโป๊ะ พิรุธ สาวพร ตอนดูร่าง ใหม่ ยืนยันว่าเป็นผัวตัวเองทั้งๆที่ศพถูกผ้าคลุมไว้มิดชิด 

 

ความคืบหน้าคดี นายธนาสันต์ เตอั้น หรือ ใหม่ หนุ่มโรงงานอายุ 33 ปี ที่ถูกช่างกิต ฆ่าแล้วนำศพไปทิ้งข้างมอเตอร์เวย์ ก่อนที่สาวพร ภรรยาของนายใหม จะยอมรับว่ามีความสัมพันธ์ชู้สาวกับช่างกิต 

ล่าสุดวันนี้ (9 ก.พ.67) ที่สำนักงาน ทนายไพศาล อาคารมาลีนนท์ ถ. พระรามที่ 4 แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ พร้อม น.ส.กุ๊ก กู้ภัย ที่อยู่ในเหตุการณ์วันที่พบศพนายใหม่ ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน

โดย น.ส.กุ๊ก ระบุว่า ที่ออกมาพูดวันนี้ เพราะว่าพรให้ข้อมูลไม่ตรงกันเลยสักครั้ง ทั้งที่ไปออกรายการดัง ทั้งที่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน หรือแม้กระทั่งกับตำรวจ โดยวันที่ พร มาจุดที่พบศพพร้อมช่างกิต นั้น พร ยืนยันว่าศพคือ สามีตนเอง อ้างว่าจำรอยสัก และจำเท้าได้ ทั้งๆที่ศพถูกผ้าคลุมหมดเลย แต่พรกลับบอกว่าจำได้  

นอกจากนี้ยังพบว่าคำพูดของ พร เวลาให้การกับเจ้าหน้าที่ เป็นการพูดจาฉะฉานคล่องแคล่ว ไม่มีความเศร้าแม้แต่น้อย ทั้งที่ตัวเองสูญเสียสามี น่าจะมีความเศร้าบ้าง แต่พรให้การกลับไปกลับมา ตอนแรกให้การกับตำรวจสืบสวนชุดแรกว่า สามีติดต่อมา ก่อนจะติดต่อไม่ได้ แต่ให้การกับตำรวจชุดสืบอีกชุดว่าสามีทักแชตมาบอกทำผู้หญิงท้อง ก่อนจะหายไป

ส่วนพฤติกรรมพรกับช่างกิตวันมาเจอศพ พรดูปกติ แต่พอตำรวจถามว่าคนที่มาด้วยคือใคร พร อึกอักก่อนตอบว่า ลูกพี่ลูกน้อง รวมทั้งข้อมูลที่พรบอกเพื่อนว่าขี่รถตามหาใหม่ ก็พูดถึงรถอีกคัน เพราะรถที่พรถ่ายรูปส่งให้เพื่อนวันตามหาใหม่ เป็นรถที่มีตะกร้าด้านหน้า

ด้านทนายไพศาล ระบุว่าคดีนี้สังคมให้ความสนใจ และ สังคมตั้งคำถามว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเอาผิดพรได้หรือไม่ เชื่อว่าตรงนี้ตำรวจทำงานอยู่ ซึ่งกู้ภัยที่มาวันนี้ก็เป็นข้อมูลที่เกิดจากการตั้งข้อสังเกตเพราะอยู่ในเหตุการณ์จริงๆ และได้ติดตามข่าวการให้ข้อมูลของพร ที่ไม่ตรงกันจึงต้องออกมาพูด รวมถึงกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าจุดที่พบศพใหม่นั้น การเดินทางค่อนข้างซับซ้อน แต่พรกับกิตไปถึงจุดเกิดเหตุได้เร็ว

ทนายไพศาล ระบุอีกว่า โดยส่วนตัวมองว่าเรืองนี้อาจเข้าข่ายมาตรา 189 ก็คือ ผู้ใด ช่วยผู้อื่น ซึ่งเป็นผู้กระทำ ความผิด หรือเป็นผู้ต้องหาว่ากระทำความผิด อันมิใช่ความผิดลหุโทษ เพื่อไม่ให้ต้องโทษ โดยให้พำนักแก่ผู้นั้น โดยซ่อนเร้น หรือโดยช่วยผู้นั้นด้วยประการใด เพื่อไม่ให้ถูกจับกุม ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

ซึ่งองค์ประกอบความผิดนี้ คือต้องรู้ว่าคนที่ช่วยเหลือเป็นผู้ต้องหา ต้องไปดูว่าวันที่พบศพ พร รู้หรือไม่ว่ากิต ฆ่าผัว

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องพิสูจน์ว่าท้ายที่สุดแล้ว พร มีส่วนรู้เห็นกับการเสียชีวิตของสามีหรือไม่ และปมเหตุของการฆาตกรรมมาจากอะไรกันแน่.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส