แถลงรวบต่างด้าวแสบ ลักเงินนายจ้าง -ปล่อยกู้โหด-หนีคดียาเสพติด

9 ก.พ. 67

แถลงรวบต่างด้าวแสบ ลักเงินนายจ้าง -ปล่อยกู้โหด-หนีคดียาเสพติด

ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. รวมทั้ง พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร./ผอ.ศูนย์ปราบปรามคนร้ายข้ามชาติและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย

สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ สตม. สกัดกั้น ตรวจสอบ ระดมจับกุมคนต่างด้าวที่เข้ามาประกอบธุรกิจผิดกฎหมายในประเทศไทย รวมทั้งให้ดำเนินการตรวจสอบ ชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทยกระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือ กลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุ หรือโดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิดภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม., พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ประพันธ์ศักดิ์ ประสานสุข ผบก.สส.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.ภาณุภาคยณ์ จิตต์ประยูรตี รอง ผบก.สส.สตม., พ.ต.อ.ชิตเดชา สองห้อง รอง ผบก.สส.ภ.7 ปฏิบัติราชการ บก.สส.สตม., พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3,พ.ต.อ.ธวัชชัย นรินรัตน์ ผกก.1 บก.สส.สตม.ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหารายสำคัญ ดังนี้

s__19882641_01.สตม.รวบแม่บ้านต่างชาติแสบร่วมกับหญิงไทยแอบลักเงินนายจ้างกว่า 7 แสนบาท บก.สส.สตม. ร่วมกับ กก.สส.ภ.จว.สิงห์บุรี, ตม.จว.สิงห์บุรี และ สภ.เมืองฉะเชิงเทรา จับกุมนางมะคิ่น (นามสมมติ) อายุ 53 ปี สัญชาติเมียนมา ตามหมายจับศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ 394/2566 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2566 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม ริมถนนสาธารณะ หน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน ต.ต้นโพธิ์ อ.เมืองสิงห์บุรี จว.สิงห์บุรี พฤติการณ์แห่งคดี ก่อนเกิดเหตุผู้เสียหายได้รับนางมะคิ่น ผู้ต้องหาที่ 1 เข้าเป็นพนักงานในร้านซักผ้าหยอดเหรียญซึ่งตั้งอยู่ภายในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งใน ต.บางขวัญ อ.เมืองฉะเชิงเทรา จว.ฉะเชิงเทรา ในตำแหน่งแม่บ้าน โดยมี น.ส.ขนิษฐา (นามสมมติ) สัญชาติไทย ผู้ต้องหาที่ 2 ทำหน้าที่เป็นพนักงานประจำออฟฟิศ มีหน้าที่ดูแลเปิดตู้เก็บเงินเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ และนำเงินไปฝากเข้าบัญชีของผู้เสียหาย แต่ในบางครั้ง ผู้ต้องหาที่ 2 ก็จะใช้ให้ นางมะคิ่น ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นผู้เปิดตู้และเก็บเงินมาส่งให้ผู้ต้องหาที่ 2

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ผู้เสียหายได้ตรวจสอบพบว่ามียอดเงินที่ทางร้านต้องได้รับกับจำนวนที่ปรากฏในรายการบัญชีรายรับของทางร้าน ไม่ตรงกัน ซึ่งเมื่อตรวจสอบแล้วพบว่าระหว่างเดือน มกราคม 2566 ถึงเดือน พฤศจิกายน 2566 มีเงินสูญหายไปเป็นจำนวน 761,978 บาท ซึ่งหลังจากผู้เสียหายทราบเรื่อง ในช่วงคืนของวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 นางมะคิ่น ได้เก็บข้าวของแล้วหลบหนี จากการตรวจสอบภายหลังพบว่า ช่วงเดือน กันยายน 2565 ถึงเดือน พฤศจิกายน 2566 นางมะคิ่น ได้มีการวานให้ ผู้ต้องหาที่ 2 โอนเงินเป็นจำนวนหลายครั้งซึ่งยอดเงินที่โอนเกินกว่าจำนวนเงินเดือนที่ตนได้รับทุกเดือน รวมถึงรายการเดินบัญชีของผู้ต้องหาที่ 2 ก็มีเงินเข้าในลักษณะต้องสงสัย

เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2566 ผู้เสียหายจึงมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ต่อมาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2566 พนักงานสอบสวนได้ยื่นคำร้องขอหมายจับ ผู้ต้องหาที่ 1 และที่ 2 ต่อศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ซึ่งศาลได้อนุมัติหมายจับที่ จ.394/2566 และ ที่ จ.395/2566 ลงวันที่ 3 ธันวาคม 2566  ในความผิดฐาน ร่วมกันลักทรัพย์ที่เป็นของนายจ้าง
โดยเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2566 เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา ได้จับกุมผู้ต้องหาที่ 2 นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายก่อนแล้ว จากการสืบสวนของชุดจับกุมทราบว่า หลังจากที่นางมะคิ่น ได้หลบหนีออกจากร้านซักผ้าหยอดเหรียญ ได้ไปสมัครเข้าทำงานกับนายจ้างรายใหม่ในพื้นที่ ต.ต้นโพธิ์ อ.เมืองสิงห์บุรี จว.สิงห์บุรี จึงได้ไปเฝ้าสังเกตการณ์ เพื่อสืบสวนติดตามจับกุม จนกระทั่งพบนางมะคิ่น ในบริเวณริมถนนสาธารณะ หน้าธนาคารแห่งหนึ่งใน ต.ต้นโพธิ์ อ.เมืองสิงห์บุรี จว.สิงห์บุรี จึงได้แสดงหมายจับและจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองฉะชิงเทรา ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ในชั้นจับกุมจากการสอบถามนางมะคิ่น ให้การว่าสาเหตุที่หนีออกจากงานที่ร้านซักผ้าหยอดเหรียญเนื่องจากต้องการไปหางานที่มีค่าจ้างสูงกว่า และปฏิเสธว่าไม่ได้ลักเงินของผู้เสียหายไป บก.สส.สตม. ขอแจ้งเตือนและฝากเป็นอุทาหรณ์ผ่านสื่อต่างๆ ไปยังนายจ้างที่รับสมัครคนงานเข้ามาทำงาน โดยเฉพาะคนงานที่เป็นแรงงานต่างด้าว ต้องเป็นแรงงานที่เข้ามาทำงานโดยถูกต้องตามกฎหมาย ขอให้ระมัดระวัง ไม่ควรไว้ใจลูกจ้างมากเกินไป และต้องทราบข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมหมายเลขโทรศัพท์ของลูกจ้าง เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการติดตามกรณีมีการกระทำผิด

1254792.สตม.ปูพรม X-ray พื้นที่เข้ม ปราบเงินกู้นอกระบบดอกเบี้ยโหด รวบ!! 7 ต่างด้าว 4 คนไทย ดำเนินคดีบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนตามที่ พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.สตม. สั่งการให้ทุกหน่วยในสังกัด สตม. ตลอดจน ด่าน ตม. ทั่วประเทศ ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ดำเนินมาตรการเข้มเพื่อป้องกันเหตุร้าย X-ray ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ สร้างความเชื่อมั่น สร้างความปลอดภัย แก่พี่น้องประชาชน พร้อมทั้งสืบสวน จับกุม การกระทำผิดกฎหมายของคนร้ายที่จะสร้างความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน บก.ตม.3 ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่จังหวัดในภาคตะวันตก ภาคกลาง ภาคตะวันออก ของประเทศไทย รวมจำนวน 25 จังหวัด ได้ดำเนินการสืบสวน รวบรวมข้อมูล การกระทำผิดกฎหมายของคนต่างด้าวรวมถึงคนไทย ซึ่งมีพฤติการณ์ปล่อยเงินกู้โดยผิดกฎหมาย เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และการกระทำผิดกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบเพื่อวางแผนระดมกวาดล้างจับกุมผู้กระทำความผิด

หลังได้รับรายงาน พล.ต.ต.พันธนะ นุชนารถ รอง ผบช.สตม., พล.ต.ต.ณัฐกร ประภายนต์ ผบก.ตม.3, พ.ต.อ.เพลิน กลิ่นพยอม รอง ผบก.ตม.3 ได้สั่งการให้ทุกหน่วยสังกัด บก.ตม.3 ดำเนินการสืบสวน จับกุมผู้กระทำผิดกฎหมายอย่างเด็ดขาด     เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งในห้วงเดือน มกราคม – กุมภาพันธ์ 2567 มีผลการจับกุมรวมทั้งสิ้น 11 ราย แบ่งเป็น คนต่างด้าวสัญชาติอินเดีย 6 ราย สัญชาติเมียนมา 1 ราย และคนไทย จำนวน 4 ราย ซึ่งผู้กระทำผิดทั้ง 11 รายข้างต้น ถูกจับกุมและดำเนินคดีในข้อหา ให้บุคคลอื่นกู้ยืนเงินโดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด, ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง

ในส่วนของคนต่างด้าวยังถูกดำเนินคดีในข้อหา เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน และเป็นคนต่างด้าวเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (Overstay) ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด และจะยังคงดำเนินมาตรการเข้มข้น ต่อเนื่องในการป้องกัน ปราบปราม สืบสวน จับกุม การกระทำผิดกฎหมายในทุกรูปแบบ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่พี่น้องประชาชน ตามนโยบายของรัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่อไป

screenshot2567-02-07at11.3.สตม.รวบหนุ่มรัสเซีย หนีหมายจับรัสเซีย คดียาเสพติด แอบกบดานในไทยจน OVERSTAY กว่า 10 ปี ตม.จว.ชลบุรี จับกุม MR.MIK (นามสมมติ) อายุ 34 ปี สัญชาติรัสเซีย โดยกล่าวหาว่า เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด นำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย สถานที่จับกุม บริเวณหน้าบ้านแห่งหนึ่งใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี เมื่อประมาณต้นเดือน ตุลาคม 2566 ตม.จว.ชลบุรี ได้รับแจ้งข้อมูลจากอาสาสมัคร (volunteer) ว่ามี คนต่างด้าวสัญชาติรัสเซีย มีพฤติการณ์น่าสงสัย ซึ่งอาจเป็นผู้กระทำผิดกฎหมาย จึงได้สืบสวนข้อมูลในเชิงลึก

เบื้องต้นพบว่าคนต่างด้าวดังกล่าวคือ MR.MIK (นามสมมุติ) สัญชาติรัสเซีย ซึ่งการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรได้สิ้นสุดแล้ว (Overstay) โดย MR.MIK มักจะไปพักอาศัยอยู่ในพื้นที่ จว.ภูเก็ต และ จว.ชลบุรี นอกจากนี้ยังพบว่า MR.MIK เป็นบุคคลตามหมายจับที่ทางการรัสเซียต้องการตัวกลับไปดำเนินคดีในความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และองค์การตำรวจสากลได้ออกประกาศสีแดง (INRETPOL Red Notice) ตม.จว.ชลบุรี จึงได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ สืบสวน ติดตามจับกุม MR.MIK จนกระทั่งสืบทราบว่า MR.MIK ได้เดินทางเข้ามากบดานอยู่ที่บ้านพักแห่งหนึ่งใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้ไปวางแผนจับกุม จนกระทั่งได้พบ MR.MIK ในบริเวณหน้าบ้านใน ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี จึงได้แจ้งข้อหา "เป็นคนต่างด้าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด (2,971 วัน) และจับกุมนำตัวส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เมืองพัทยา จว.ชลบุรี ดำเนินคดีตามกฎหมาย

33

สตม. ขอเรียนให้ท่านทราบว่า สตม. มีมาตรการในการตรวจสอบ กวดขัน และปราบปรามการกระทำความผิดในด้านต่าง ๆ รวมถึงการเฝ้าระวังบุคคลทั้งสัญชาติไทยและสัญชาติอื่น ๆ ที่มีหมายจับ และการเดินทางเข้า-ออกประเทศไทย

หากประชาชนท่านใดพบเห็นเบาะแสการกระทำความผิด กรุณาแจ้งมายัง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อาคารเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร พระชนมพรรษา 60 พรรษา เลขที่ 904 หมู่ที่ 6 ต.บ้านใหม่   อ.ปากเกร็ด จว.นนทบุรี 11120 หรือติดต่อตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดในพื้นที่ หรือที่ www.immigration.go.th จักขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส