"เรืองไกร" จ้องร้อง ดิจิทัล วอลเล็ต โต้ปมรถเบนซ์ป้ายแดง เมียซื้อให้และเสียภาษี

8 ก.พ. 67

 

"เรืองไกร" จ้องร้อง ดิจิทัล วอลเล็ต บอกเคยเตือนนายกฯ ทบทวนแล้ว พร้อมโต้ปมรถเบนซ์ป้ายแดง เมียซื้อให้ แถมโชว์หลักฐานเสียภาษี 

วันที่ 8 ก.พ. 67 นาย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงความคิดเห็นของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ตว่า 

มีโอกาสร้องเรียนได้ง่าย ซึ่งต้องรอดูในมติ ครม.และจากความเห็นของ ป.ป.ช. ถ้ากล้าทำก็ไม่รู้ ตนเตือนแล้ว จะออก พ.ร.บ.กู้เงินไม่ได้หรอก ขอบคุณที่ ป.ป.ช.เตือน  รัฐบาล และกกต. ว่าเรื่องนี้ไม่ควรปล่อยให้พรรคการเมืองสักแต่จะหาเสียง จะพูดอะไรก็ได้ สัญญากับประชาชนยังไงก็ได้  พอถึงเวลาก็มาอ้างว่าจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ ถ้าตระบัดสัตย์ หรือโกหกประชาชนได้ แล้วจะไม่ทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องอย่างอื่นได้เหรอ เอาแต่อำนาจ รวมหัวกันหาอำนาจ ทรยศเพื่อน ฉีก MOU 

การทำหน้าที่ต่างๆ เหล่านี้จึงฝากให้ตระหนักว่า ตนยังเป็นนักร้อง และนักตรวจสอบอยู่ ถ้าตนว่างจะทำให้ ทั้งเรื่องการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของ  สส. และรัฐมนตรี 

ส่วนเรื่องโครงการดิจิทัล วิลเล็ต ใครที่อยากร้องเรียนก็สามารถร้องได้ แต่ต้องเข้าใจนโยบายของรัฐบาลก่อน รวมถึงต้องเข้าใจกฎหมายวินัยการเงินการคลังที่มี 3-4 มาตรา เข้าใจกฎหมายวิธีงบประมาณ กฎหมายหนี้สาธารณะ กฎหมายเงินคงคลัง ตนเขียนเรื่องนี้ เตือนนาย เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีไปแล้ว 4 แผ่น เป็นข้อกฎหมายล้วนๆ ซึ่งตนไม่แปลกใจที่คณะกรรมการกฤษฎีกา และคณะกรรมการ ป.ป.ช.ให้ความเห็นครั้งนี้ เงินแผ่นดินจะเอาไปทำอะไรต่างๆ เราทุกคนจะต้องเป็นคนใช้หนี้ ซึ่งโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต อาจจะทำให้ขาดทุนเหมือนโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งโครงการรับจำนำข้าว แม้ขาดทุนก็ยังมีข้าวเปลือก แต่โครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต หากขาดทุนจะไม่เหลืออะไรเลย ตนเตือนแล้ว ด้วยความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของตน ไม่ได้ตั้งท่าว่าจะร้องอย่างเดียว ก็ต้องรอให้มีการทบทวนก่อน 

ส่วนตัวยังไม่ได้จะไปร้องเรียน เพราะ "แผลยังไม่เกิด ก็ยังไม่ต้องทายา" แต่ถ้าเริ่มดำเนินการโครงการนี้ ก็เข้าข่ายความผิดรัฐธรรมนูญ กฎหมาย ป.ป.ช.เลย ไม่ต้องห่วงตนทำให้ ยืนยันไม่ได้กล่าวหาโดยใช้อารมณ์  ส่วนรัฐบาลก็มีสิทธิ์แก้ข้อกล่าวหา และเจ้าหน้าที่มีหน้าที่ตรวจสอบ จะผิดจะถูกก็ฟังคำตัดสิน  เตือนแล้วนะจากความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ไม่จะรอทำอะไรท่านอย่างเดียว ขอให้ไปทบทวนเอา ถ้าภาษาพระเรียกว่าสังวร ส่วนภาษาชาวบ้านเรียกว่าสำเนียก ว่าควรจะปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติ วันนี้ตนอาจจะ นำคำพระไตรปิฎกมาพูดมากหน่อย รออ่านครบทุกเล่มไม่ได้ตัดตอน หรือเป็นคำแต่งใหม่ ทุกคนจะได้หลุดพ้นด้วยปัญญาวิมุตติ จะทำอะไรให้ เหตุมีผล 

ขณะเดียวกัน นายเรืองไกร ยังชี้แจงถึงกรณีที่นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ ร้องเรียนว่า นายเรืองไกรได้รับรถเบนซ์จากผู้ใหญ่ใจดีในช่วงที่เป็นกรรมาธิการงบประมาณที่ผ่านมาว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องเก่า และตนก็เคยชี้แจงไปแล้วว่า รถเบนซ์ดังคันดังกล่าวผู้ใหญ่ใจดีซื้อให้ ซึ่งผู้ใหญ่ใจดีคนนั้นคือภรรยาของตนเอง ขณะนี้ตนมีรถเบนซ์ถึง 4 คัน ภรรยา 1 คัน ตนเอง 1 คัน และลูกสาวคนละคัน เป็นเงินที่ซื้อเอง ไม่ได้ไปตบทรัพย์ใคร กรรโชกทรัพย์ใคร หรือข่มขู่คุกคามใคร และการดำเนินการร้องเรียนก็ทำคนเดียวในห้องนอน 

ส่วนเรื่องเช็ก 25 ล้านเคยถูกตรวจสอบตั้งแต่เป็น สว.แล้ว อาจเป็นเพราะถูกอิจฉา ซึ่งเงิน 25 ล้านนั้นเป็นแคชเชียร์เช็กในบัญชีตนเอง เพื่อย้ายเงินไปอีกบัญชีหนึ่ง ซึ่งก็เป็นของตนเองเช่นกัน และยืนยันว่า ยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินให้ตรวจสอบถูกต้อง ไม่ได้เอาของแปลกในอวกาศเอามาอัพราคาแปรสภาพ พร้อมทั้งมีการโชว์เอกสารหลักฐานการเสียภาษี และการโอนเงินในการซื้อรถเบนซ์ด้วย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม