พระพุทธรูปสมัยอยุธยา หายจากวัด 36 ปี อาถรรพ์เล่าปากต่อปาก คนขโมยไม่ตายดี

28 ม.ค. 67

ตามคืนได้แล้ว! พระพุทธรูปสมัยอยุธยา หายจาก วัดบ้านน้อย 36 ปี ลือโดนเวรกรรมเล่นงาน ผู้ครอบครองของไม่ใช่ของตน ล้มตายปริศนา

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 มกราคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านบ้านน้อย ตำบลดอนเจดีย์ อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ว่าพบพระพุทธรูปที่หายไปจากวัดบ้านน้อยนานกว่า 36 ปี แล้วนำกลับคืนสู่วัดบ้านน้อยในสภาพที่สมบูรณ์ จึงได้รีบเดินทางไปตรวจสอบ

เมื่อมาถึงพบชาวบ้านบ้านน้อยจำนวนมากกำลังทำพิธีแห่พระพุทธรูปองค์ดังกล่าว มีความสูงประมาณ 2 เมตร ยาวประมาณ 1 เมตร ทำจากทองเหลืองทั้งองค์ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องจักรพรรดิ ซึ่งเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่อายุประมาณ 400 ปี อยู่ในสมัยอยุธยาตอนกลาง โดยชาวบ้านและอัญเชิญมาไว้ในโบสถ์โบราณที่มีอายุกว่า 400 ปี 

พระพุทธรูปสมัยอยุธยา วัดบ้านน้อย กาญจนบุรี

พระพุทธรูปสมัยอยุธยา วัดบ้านน้อย กาญจนบุรี

โดยชาวบ้านให้ข้อมูลว่าพระพุทธรูปดังกล่าวนั้นได้หายไปจากวัดเมื่อ 36 ปีที่แล้ว โดยมีคนเอาไปจากโบสถ์หลังเก่าที่มีการบูรณะซ่อมแซม จากนั้นก็ไม่มีใครรู้อีกเลยว่าพระพุทธรูปองค์นี้หายไปที่ไหน

กระทั่งมีผู้ที่มีบุญญาธิการล่วงรู้ได้ว่ามีบุคคลได้นำไปฝากไว้ที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ดอนเจดีย์ เนื่องจากผู้ที่ครอบครองไว้ได้รับผลกรรม ถึงกับล้มตายก็มี

หลังจากทราบแล้วว่าพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวนั้นอยู่ที่ไหน ทางนายกเทศมนตรีตำบลดอนเจดีย์ ก็ได้เดินทางไปพูดคุยและนำพระพุทธรูปองค์ดังกล่าวนั้นกลับมาประดิษฐานยังโบสถ์โบราณวัดบ้านน้อยแห่งนี้ตามเดิม ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าพระพุทธรูปองค์นี้เมื่อกลับมาอยู่ยังสถานที่ที่เคยอยู่จะทำให้บริเวณดังกล่าวนั้นร่มเย็น ทำให้ชาวบ้านต่างดีใจกันมากที่ได้พระพุทธรูปกลับคืนมา

พระพุทธรูปสมัยอยุธยา วัดบ้านน้อย กาญจนบุรี

นายมนตรี เนียมหอม นายกเทศมนตรีตำบลดอนเจดีย์ เปิดเผยว่า โบสถ์เก่าวัดบ้านน้อย ซึ่งโบสถ์หลังนี้ ถ้าเราได้ดูการสร้างและวัตถุต่างๆที่ ที่มีให้เห็นอยู่ เป็นสมัยอยุธยาตอนกลาง บางสิ่งบางอย่างก็มีสิ่งของสมัยอยุธยาตอนปลาย ปะปนมาบ้าง แต่ในความเชื่อของตนนั้นก็คือเป็นสมัยอยุธยาตอนกลาง ซึ่งตรงกับสมัยขององค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช และในวันนี้ก็เป็นวันแรก ที่เราทำการเปิดโบสถ์โบราณตรงนี้ให้ประชาชนได้เข้ามาสักการะ

ซึ่งแต่ก่อนในโบสถ์นี้จะไม่มีพระพุทธรูปอยู่ และวันนี้ก็เป็นฤกษ์งามยามดี ถึงเวลาแล้วที่ทุกคนจะได้เข้ามาสักการะ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ยังสถานที่แห่งนี้ ก็คือโบสถ์เก่าบ้านน้อยที่มีอายุกว่า 400 ปี และช่วงเช้าวันนี้ก็มีการอัญเชิญ พระพุทธรูปอันศักดิ์สิทธิ์ ที่เราคิดว่าน่าจะประดิษฐานอยู่ ณ ที่แห่งนี้มาก่อน นำมาให้ประชาชนเข้ามาสักการะบูชา เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของเราทุกคน

พระพุทธรูปที่ตั้งอยู่ด้านหลังเป็น เป็นพระพุทธรูปสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งตอนนี้เราก็ได้นิมนต์มาจากวัดแห่งหนึ่งในตำบลดอนเจดีย์ ซึ่งมีคนได้เอามาฝากไว้ ซึ่งเจ้าของเองก็ไม่รู้ไปไหนแล้ว ซึ่งตนก็เห็นสมควรว่าพระพุทธรูปองค์นี้เหมาะสมแล้วที่จะมาอยู่ยังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เพื่อให้ประชาชนได้เข้ามาสักการะบูชากราบไหว้ และอีกองค์หนึ่งก็คือพระสังกัจจายน์ ที่อยู่คู่กับวัดบ้านน้อยมาอย่างยาวนาน

พระพุทธรูปสมัยอยุธยา วัดบ้านน้อย กาญจนบุรี

ส่วนประวัติของพระสังกัจจายน์องค์นี้มาอยู่ที่วัดบ้านน้อยได้อย่างไร ตนเองก็ไม่ทราบเช่นกัน ถึงวันนี้แล้วถือว่าทุกอย่างสมบูรณ์แบบ พระทั้งสามองค์ได้มาอยู่ครบรวมกันเรียบร้อยที่นี่ เพื่อให้ทุกคนได้เข้ามากราบสักการะบูชา ซึ่งวัดบ้านน้อยแห่งนี้ก็อยู่ห่างจาก อนุสาวรีย์องค์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เพียง 1 กิโลเมตรเท่านั้น ซึ่งอยู่ทางด้านทิศเหนือ ซึ่งตามพงศาวดารเป็นสถานที่ที่องค์สมเด็จพระนเรศวร ทำยุทธหัตถีกับมหาอุปราชาอีกด้วย

นายมนตรี บอกต่อว่า ก็มีอะไรหลายอย่างที่เข้ามาโดยที่เราไม่ได้คาดคิด บุคคลที่สามารถสื่อได้ บอกว่าพระที่อยู่ตรงนี้น่าจะเป็นยุคเดียวกันกับโบสถ์โบราณแห่งนี้ ซึ่งตนได้ถามว่าพระองค์นี้อยู่ที่ไหนโดยบุคคลที่สื่อได้ก็บอกว่า อยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในตำบลดอนเจดีย์ โดยก่อนหน้านั้น ผู้ครอบครองพระองค์นี้ได้นำมาให้กับทางผู้ใหญ่ ซึ่งทางผู้ใหญ่ดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยดี ก็เลยนำไปถวายวัด แต่ในส่วนของผู้ครอบครองพระเองก็จะมาตามกลับคืนไป ก็เกิดเหตุเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุกันหมดเลย ตนเองก็เลยเดินทางไปขอนิมนต์พระองค์นี้กับมาตั้งยังโบสถ์โบราณซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจุดเดิมที่พระองค์นี้เคยตั้งประดิษฐานอยู่

นายมนตรี บอกต่ออีกว่า นี่เป็นครั้งแรกที่มีการ เปิดโบสถ์โบราณในรอบ 400 ปี สมัยก่อนบริเวณโบสถ์โบราณแห่งนี้มีหญ้าขึ้นรก มีน้ำท่วม และไม่มีใครกล้าเข้า

พระพุทธรูปสมัยอยุธยา วัดบ้านน้อย กาญจนบุรี

ตนเองจะเล่าในด้านความเชื่อให้ฟังว่าเมื่อ 2 อาทิตย์ที่ผ่านมาลูกน้องตน ก็มีรถตู้มา 2 คัน ให้ผ่านมาเที่ยวที่โบสถ์บ้านน้อย โดยลูกน้องตนถ่ายภาพ ปรากฏว่ากดถ่ายยังไงก็ไม่ติด กล้องถ่ายเท่าไหร่ก็ไม่ติด จนสุดท้ายกดถ่ายอีกครั้งปรากฏว่าภาพที่ออกมาบุคคลที่อยู่ในภาพไม่มีหัว อีกคนก็ไม่มีขา แต่ในส่วนของลูกน้องตนเองที่อยู่ในภาพด้วยนั้นเห็นเต็มตัว ซึ่งบุคคลที่อยู่ในภาพก็เกิดความกลัวแล้วให้ลบภาพดังกล่าวนั้นทิ้งไป แล้วก็มีปรากฏการณ์ให้น่าเชื่อว่าโบสถ์เก่าสถานที่โบราณแห่งนี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาอยู่

เมื่อวันก่อนตนได้คุยกับทางแม่ชี แล้วก็ทางพระอาจารย์ ในการจัดงานวันนี้จะต้องกางเต็นท์เพื่อป้องกันแสงแดดให้กับแขกที่มาร่วมงานด้วยหรือไม่ ซึ่งถ้าหากไม่กางเต็นท์คนที่มาร่วมงานน่าจะร้อน ซึ่งแม่ชีก็ได้พูดว่าไม่ต้องกางเต็นท์

เมื่อถึงเวลานั้น ก็คือวันนี้ปรากฏว่า มีฝนโปรยลงมาในช่วงเช้ามืด พร้อมกับมีอากาศที่หนาวเย็น ลมเย็นสบายตลอดทั้งวัน ตนเองเชื่อว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่อยู่เบื้องบนรับรู้ได้ว่าชาวบ้านตั้งใจที่จะทำให้สถานที่ตรงนี้เจริญรุ่งเรืองมีคนเข้ามาสักการะกราบไหว้ เป็นที่พึ่งทางใจ และทำให้ทุกคนรู้จักไปทั่วประเทศ ซึ่งทุกวันนี้ตนเองก็เป็นห่วงพระพุทธรูปเกรงว่าจะมีผู้ไม่หวังดีมาขโมยไป ซึ่งตอนนี้ก็ได้วางมาตรการดูแลคุ้มครองพระพุทธรูปองค์นี้อย่างรัดกุม

นายมนตรี เนียมหอม นายกเทศมนตรีตำบลดอนเจดีย์

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส