สายแคมป์ปิ้งระวัง! กางเต็นท์นอนรับลมหนาว ป่วยไข้มาลาเรีย-ไข้รากสาดใหญ่

18 ธ.ค. 66

 

สาธารณสุขจังหวัดอุทัยธานี แจ้งเตือน สายแคมป์ปิ้งระวัง! กางเต็นท์นอนรับลมหนาว ป่วยไข้มาลาเรีย-ไข้รากสาดใหญ่ หากมีไข้สูงรีบพบแพทย์ทันที     

วันที่ 18 ธ.ค. 66 ที่ จ.อุทัยธานี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงนี้เป็นช่วงฤดูหนาวนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางไปสัมผัสอากาศหนาวเย็นตามแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติทางสาธารณสุขจังหวัดอุทัยธานี จึงได้ออกมาแจ้งเตือน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวสายแคมป์ปิ้งตั้งแคมป์ และนอนกางเต็นท์กลางป่า ซึ่งกิจกรรมดังกล่าวมีโอกาสถูกยุงกัด เสี่ยงต่อการป่วยเป็นไข้มาลาเรีย โดยหลังจากถูกยุงก้นปล่องที่มีเชื้อมาลาเรียกัดประมาณ 7-14 วัน จะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ หนาวสั่นสลับร้อน เหงื่อออกรู้สึกสบายแล้วกลับมาเป็นไข้ใหม่อีกครั้ง 

ผู้ป่วยมีอาการดังกล่าวสันนิษฐานไว้ก่อนว่าป่วยเป็นไข้มาลาเรีย พร้อมรีบไปพบแพทย์ เพื่อเจาะเลือดตรวจหาเชื้อมาลาเรีย และต้องแจ้งประวัติการเข้าป่าหรือไปบริเวณพื้นที่เสี่ยงให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อให้การรักษารวดเร็ว เพราะหากช้าจนมีอาการแทรกซ้อนร้ายแรง อาจทำให้เสียชีวิตได้ นอกจากนี้การกางเต็นท์ หรือตั้งแคมป์ในป่าให้ระมัดระวังตัวไรอ่อน ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไทฟัส หรือ ไข้รากสาดใหญ่ โดยเชื้อริกเก็ตเซียเป็นปรสิตที่่อาศัยในหมัดเห็บไรในขนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก เช่น หนู กระแต และชอบกัดมนุษย์บริเวณขาหนีบ เอว ลำตัวแถวใต้ราวนม รักแร้ จะปล่อยเชื้อริกเก็ตเซียเข้าสู่คน ทำให้ผู้ที่ถูกกัดมีไข้สูง ตัวร้อนจัด หนาวสั่น ปวดศีรษะบริเวณขมับและหน้าผากอย่างรุนแรงอ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา บางรายจะมีแผลคล้ายถูกบุหรี่จี้มีสีแดงคล้ำเป็นรอยบุ๋ม แต่ไม่คัน 

ผู้ป่วยประมาณร้อยละ 20 อาจมีอาการแทรกซ้อนอย่างรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้เช่นกัน ดังนั้นการไปเที่ยวป่ากางเต็นท์นอนควรเลือกที่ตั้งค่ายพักบริเวณที่โล่งเตียน หลีกเลี่ยงการนั่ง และนอนบนพื้นหญ้า แต่งกายให้มิดชิด สวมถุงเท้าหุ้มไปจนถึงปลายขากางเกง ทายากันยุงแ ละยาป้องกันแมลงกัดตามแขนขา และควรสังเกตอาการของตัวเอง หลังกลับจากเที่ยวป่าภายใน 2 สัปดาห์ หากมีอาการดังกล่าวควรรีบไปพบแพทย์ทันที พร้อมแจ้งประวัติการเข้าไปในป่า เพื่อให้การรักษาได้อย่างถูกวิธี

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส