สลด! ตายายติดหนี้นอกระบบ ตาตัดสินใจจบชีวิตแลกเงินฌาปนกิจให้ยายจ่ายหนี้

11 ธ.ค. 66

สลด! 2 ตายายติดหนี้นอกระบบ เจ้าหนี้ตามทวงไม่หยุด ยายล้วงกระเป๋าเหลือ 3 บาท ตาตัดสินใจจบชีวิตเพื่อให้ยายนำเงินฌาปนกิจมาใช้หนี้

หนี้ครัวเรือน หนี้นอกระบบ หนึ่งปัญหาที่อยู่เคียงคู่กับสังคมไทยมาอย่างยาวนาน และเป็นปัญหาสำคัญที่รัฐบาลไทยยังแก้ไม่ตก แม้จะมีนโยบายออกมาหนุนให้คนไทยหมดหนี้มากมายทั้งมาตรการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายต่างๆ เช่น ลดค่าไฟ แต่ก็ยังไม่ทำให้ภาพรวมของปัญหานี้ลดลงไปได้ 

แม้ว่ารัฐบาลของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีประกาศออกมาเกี่ยวกับนโยบายแก้หนี้นอกระบบ โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาหนี้นอกระบบให้กับคนไทยทั่วประเทศ พร้อมกับกำหนดให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นวาระแห่งชาติ

ล่าสุด ปัญหาเรื่องของหนี้สิน ได้พรากชีวิตบั้นปลายของชายชราไป โดยเพจเฟซบุ๊ก “Survive – สายไหมต้องรอด” ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเรื่องของตายายเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.66 ระบุว่า "สลด! 2 ตายายติดหนี้นอกระบบ เจ้าหนี้ตามทวงไม่หยุด ยายล้วงกระเป๋าเหลือ 3 บาท ตาตัดสินใจจบชีวิตเพื่อให้ยายนำเงินฌาปนกิจมาใช้หนี้"

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คุณยายวัย 63 เดินทางมาจาก จ.อุตรดิตถ์ เพื่อเข้าร้องขอความช่วยเหลือจาก นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด โดยคุณยายเจอกับปัญหาของหนี้สินแบบงูกินหางหลังจากที่กู้หนี้นอกระบบมาลงทุนซื้อ หอม ซื้อกระเทียมขาย แต่กลับถูกโกงจนไม่มีเงินเหลือไปใช้หนี้ ซึ่งต้องจ่ายดอกสูงถึงวันละ 3,000 บาท 

คุณยายเล่าว่า บางครั้งเจ้าหนี้บุกทวงเงินถึงบ้าน จนต้องปรึกษากับคุณตาว่า "เราสองตายาย อาจจะต้องยอมตายสักคน เพื่อจะเอาเงินฌาปนกิจมาใช้หนี้" หลังจากนั้นคุณตาก็ได้แอบคุณยายไปผูกคอ เพื่อเอาชีวิตของตัวเองแลกกับเงินฌาปนกิจมาให้คุณยายนำไปจ่ายหนี้ 

แต่เมื่อนำเงิน ฌาปนกิจ ของตาหลังจากหักค่าทำศพแล้วไปจ่ายหนี้ก็ยังไม่หมด เจ้าหนี้อ้างว่า คุณยายค้างจ่ายดอกเบี้ยหลายวัน ทำให้ต้องนำดอกมาคิดเป็นเงินต้น จึงทำให้ค่าดอกต้องเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว เจ้าหนี้จึงได้มาข่มขู่คุณยายว่า ถ้าไม่เอาเงินมาใช้หนี้ก็เตรียมตัวตายตามตาไป จะได้มีเงินมาใช้หนี้  ยายเกรงว่าจะไม่ปลอดภัยเนื่องจากยังมีหลานที่ต้องเลี้ยงอีก 2 คน หมดหนทาง  จึงตัดสินใจเดินทางมาขอความช่วยเหลือกับสายไหมต้องรอด

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส