อดีตเพื่อนรักแค้นถูกถ่ายรูปรถลงสตอรี่ บุกตบไม่ยั้งหน้าเสียโฉม

13 พ.ย. 66

อดีต เพื่อนรัก แค้นถูกถ่ายรูปติดรถกิ๊กลง สตอรี่ เคลียร์ไม่ลงตัวบุกตบไม่ยั้งจนหน้า เสียโฉม


กล้องวงจรปิดหน้าหอพักแห่งหนึ่ง หมู่ 2 ตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จับภาพนางสาวรุ่งทิพย์ (สงวนนามสกุล) อายุ 20 ปี เดินลงมาจากหอพัก มีผู้หนึ่งคนสวมใส่เสื้อสีเหลืองกางเกงขายาวเดินมาหน้าหอพัก จากนั้นก็มีการพูดคุยกันอยู่สักระยะหนึ่ง จังหวะนั้นหญิงใส่เสื้อสีเหลืองกระชากผมของนางสาวรุ่งทิพย์ จับศีรษะกดลงไปกับพื้นถนน จากนั้นก็จับศีรษะกระแทกกับพื้นหลายครั้ง กระทั่งมีพลเมืองดีเข้ามาห้าม

ล่าสุดวันนี้ 13 พ.ย.66 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนางสาวรุ่งทิพย์ (สงวนนามกุล) อายุ 20 ปี ได้เปิดบาดแผลให้ผู้สื่อข่าวดู พบว่าบริเวณใบหน้าและลำคอและแขนมีร่องรอยแผลจากการถูกเล็บของผู้ก่อเหตุทำร้าย

พร้อมเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าตนเองและผู้ก่อเหตุเคยเป็นเพื่อนรักกัน ทำงานที่บริษัทเดียวกันแผนกเดียวกัน ช่วงสองเดือนที่ผ่านมาได้มีปัญหากันจึงเลิกคบกัน

จนกระทั่งตนเองได้มีการถ่ายรูปบรรยากาศฝนตกบนท้องถนนและท้องฟ้าลงสตอรี่และบังเอิญไปติดรถยนต์กิ๊กของผู้ก่อเหตุ ทำให้ผู้ก่อเหตุไม่พอใจ มีการทักแชตมาเคลียร์ ซึ่งตนเองก็ยืนยันว่าตนเองแค่ถ่ายรูปฝนตกและท้องฟ้าเท่านั้น ไม่ได้จงใจจะถ่ายรูปรถยนต์กิ๊กของคู่กรณี เนื่องจากบนท้องถนนก็มีรถทั่วไปและก็ไม่ได้มีการซูมเลขป้ายทะเบียนแต่อย่างใด แต่คู่กรณีไม่จบยืนยันว่าจะขอมาเคลียร์และพูดคุยกันต่อหน้า โดยบอกว่าไม่มีอะไรแค่ต้องการจะเคลียร์ปัญหาเท่านั้น

จนกระทั้งเมื่อวานช่วงเวลาประมาณ 10.00 น.ผู้ก่อเหตุได้โทรมาหาว่าจะขอมาเคลียร์กับตนเองที่หอพัก ตนเองก็ไม่คิดอะไร จึงเดินลงมาคุยเพื่อจะเคลียร์ปัญหาที่ค้างคาใจ แต่ไม่ทันตั้งตัวผู้ก่อเหตุพูดขึ้นมาว่ามึงไม่จบใช่ไหม จากนั้นกระชากผมของตัวเองแล้วกดลงไปกับพื้น จับศีรษะตนเองกระแทกกับพื้นหลายครั้ง และก็มีการใช้เล็บจิกที่บริเวณใบหน้าจนมีเลือดออก และทำให้ใบหน้าของตนเองเสียโฉมเป็นรอยแผลเป็น

ซึ่งเหตุการดังกล่าวตนเองไม่ได้มีโอกาสตั้งตัวและต่อสู้เลยและเมื่อทำร้ายตนเองเสร็จ ยังมีการข่มขู่ว่าจะฟ้องตนเองอีกที่นำรูปรถยนต์ของกิ๊กไปโพสต์ลงสตอรี่ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวตนเองได้เดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บางปะอิน และยืนยันจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด เนื่องจากใบหน้าของตนเองเสียโฉมและไม่รู้ว่ารอยเล็บที่อยู่บนใบหน้าจะหายไปหรือไม่.

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส