อลังการกลางน้ำโขง ไหลเรือไฟใหญ่ที่สุดในโลกโชว์ในคืนออกพรรษา นักท่องเที่ยวแห่ชมแน่นริมฝั่งโขง ที่ นครพนม
เมื่อคืน วันที่ 29 ตุลาคม 2566 บรรยากาศการท่องเที่ยวคืนวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ตลอดแนวริมฝั่ง แม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมือง จ.นครพนม เนืองแน่นไปด้วยประชาชนนักท่องเที่ยวเรือนแสนที่เดินทางมาชื่นชมความสวยงามอลังการของเรือไฟจำนวน 12 ลำ ที่เกิดจากความสามัคคีร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้านศิลปินเรือไฟ เพื่อสืบสานประเพณีส่งเสริมกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวช่วงงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟ
โดยในปีนี้ เรือไฟส่วนใหญ่ออกแบบลวดลายเป็นภาพสัญลักษณ์สื่อถึงการส่งเสริมการท่องเที่ยวสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำคัญของ จ.นครพนม อาทิองค์ พระธาตุพนม พญาศรีสัตตนาคราช สะพานมิตรภาพไทยลาว แห่งที่ 3 (นครพนม–คำม่วน) โดยบางลำทุ่มทุนสร้างนับล้านบาท ขนาดความยาวประมาณ 70 – 80 เมตร สูงราว 20 - 30เมตร ประดับด้วยตะเกียงไฟโบราณมากกว่า 20,000-30,000 ดวง โดยเรือไฟที่ส่งเข้าประกวดแยกออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ ประเภทความสวยงามและความคิดสร้างสรรค์ เกิดจากความสามัคคี พลังศรัทธา แรงงานไม่มีค่าแรงงาน ไม่หวังค่าจ้างรางวัล
คาดว่าปีนี้มีประชาชนนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมในงานประเพณีออกพรรษาไหลเรือไฟนับแสนคนกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรมที่พักถูกจับจองเต็ม เชื่อว่าเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท
หลังจากเรือไฟถูกปล่อยครบแล้ว ทั้ง 12 ลำ ผลการประกวดปีนี้ประเภทสวยงามชนะเลิศคว้าถ้วยรางวัลพระราชทานประเภทสวยงามได้แก่ เรือไฟ อ.โพนสวรรค์ รองชนะเลิศอันดับ 1 เป็น เรือไฟ อ.เมืองฯ และรองอันดับ 2 คือ เรือไฟ อ.ท่าอุเทน ส่วนประเภทความคิดชนะเลิศได้แก่เรือไฟ อ.ปลาปาก รองชนะเลิศอันดับ 1 คือ อ.นาแก และ รองอันดับ 2 คือ อ.นาหว้า
หลานทาสยา ขอเงินยาย 20 บาทไม่ได้ คว้าจอบทุบหัวดับคาไร่มัน
หลานทาสยา ขอเงินยาย 20 บาทไม่ได้ คว้าจอบทุบหัวดับคาไร่มัน เดินลอยหน้าลอยตาไม่สะทกสะท้าน ลูกชายมาพบศพสุดช็อก