ตู่ จตุพร รับเข้าใจเห็นใจ เฉลิม เพราะเคยโดนเหมือนกัน

5 ต.ค. 66

ตู่ จตุพร เผย เข้าใจเห็นใจ เฉลิม อยู่บำรุง หัวอกเดียวกันเหมือนที่เคยโดน ทักษิณ กระทำ คนที่ไม่สนใจตำแหน่งนั้นมีศักดิ์ศรี มาดูหมิ่นเหยียดหยามรับไม่ได้ เพราะครั้งที่ เฉลิม เป็นใหญ่ ทักษิณ มานั่งเฝ้ารอเพื่อขอพบ และสลับกันเมื่อ ทักษิณ ใหญ่ เฉลิม ก็ให้เกียรติมาเสมอ

จากกรณี เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวกรณีมีรายงานข่าวระบุว่านายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดแบบใหญ่โตว่า ตนเป็นคนกวนโอ๊ยทั้งพ่อทั้งลูก เลยไม่ให้ตำแหน่ง

ทีมข่าวเดินทางไปพูดคุยกับ นาย จตุพร พรหมพันธุ์ หรือ ตู่ อดีตแกนนำ นปช. ระบุว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ตนเองก็อยากจะหลีกเลี่ยงการพูด แต่ในเมื่อคุณภูมิธรรม ท่านได้ พูดถึงกรณีนี้จะไม่ซ้ำรอยกับกรณีของตนเอง อ้างว่าแตกต่างกันนั้นและบอกว่าตัวอดีตนายกทักษิณ ชินวัตร อยู่โรงพยาบาลตำรวจนั้น

ตนเองก็สอบถามหาต้นสายปลายเหตุ ถามหาผู้ที่สามารถพูดคุยกับ ร.ต.อ. เฉลิม ได้ ก็ทราบว่าคนที่นำเรื่องราวมาบอกนั้นคืออดีตนายกฯทักษิ นั้น เคยได้ไปพูดกับคนๆนึง และทำให้เรื่องนี้เข้ามาถึงหูของคุณเฉลิม คล้ายกันกับเรื่องของตนที่ในสมัยครั้งที่ตนอยู่ฮ่องกง

ตนเองมองว่าเรื่องทั้งหมด คือการสั่งสมความรู้สึก ร.ต.อ เฉลิม นั้นเป็น สส.พรรคเพื่อไทยเพียงคนเดียว ที่ไม่โหวตเลือกนายเศรษฐา รัฐบาลข้ามข้้ว คุณเฉลิมตัดสินใจไม่มาโหวต เป็น 1 เสียงของพรรคเพื่อไทยไม่มาโหวต ซึ่งเขาได้เคยพูดบอกว่าจะไม่จับมือตามแนวทางของพรรคเพื่อไทยข้ามขั้ว

หากใครคิดว่าเป็นการกระทำการน้อยใจเพื่อตำแหน่งนั้น ยืนยันว่าเป็นความคิดที่ผิดมาก ถ้าคุณเฉลิมต้องการตำแหน่งจริง เขาก็คงต้องมาโหวตให้กับนายเศรษฐาที่จัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้วไปแล้วในครั้งนั้น แต่คุณเฉลิมก็เลือกที่จะไม่มาโหวต แสดงว่ามีแนวทางไม่เห็นชอบไม่เห็นด้วยมาตั้งแต่ต้น

ส่วนประเด็นต่อมาเป็นเรื่องตำแหน่งลูกชายหรือไม่ เพราะลูกชายเขานั้น นายวัน อยู่บำรุง ลูกชายเขาก็อาจจะเตรียมตัว เนื่องจากสมาชิกผู้แทนราษฎรในเขตของเขานั้น ก็อยู่ในชั้นรอคำพิพากษา วันที่ 14 ธ.ค. 66 นี้ ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ลือกันไปจำนวนมาก อย่างนั้น เขาก็อาจจะต้องไปมุ่งที่การเลือกตั้งแน่นอน

สิ่งที่เห็นชัดเจน คำว่า “มธุรสวาจา วาจาเหมือนน้ำมันราดใส่กองไฟ “ มนุษย์เรื่องศักดิ์ศรีมันใหญ่กว่าหน้าที่ตำแหน่งเงินทอง กรณีตนเองก็เช่นกัน

เพราะ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่วงการการเมืองมาก่อน และตนเองเจอกันตั้งแต่ก่อนจะเจออดีตนายกฯทักษิณ ก่อนที่จะยึดอำนาจ 23 กุมภาพันธ์ ปี 2534 ตนเองฟังเขาหาเสียงตั้งแต่เขาลงอิสระ จนกระทั่งมีพรรค และเจอครั้งที่เขาเป็นรัฐมนตรี ซึ่งตนเองและคุณเฉลิม มีทั้งเรื่องเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย พูดทีเดียวรู้เรื่องเพราะเป็นนักเลงพูดทีเดียวกันก็จบ

ซึ่งมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นคือเรื่องของความรู้สึกภายในพรรคเพื่อไทยเอง อาจจะต้องจัดคนไปเคลียร์ไกล่เกลี่ย ส่วนจะเป็นผลหรือไม่ นั้นตนก็ไม่รู้

ถ้าความเห็นของตนเอง ถ้าผิดใจกันเรื่องของวาจาที่เชือดเฉือนหัวใจนั้น กระทบกระเทือนทางความรู้สึกเป็นเรื่องละเอียดออ่อนมาก // ส่วนเขา คุณ เฉลิม จะตัดขาดไหมตนไม่ผลีผลามฟันธง

แต่อยากบอกว่า ตนเองเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกของคุณเฉลิม ตนเองเห็นใจที่เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเหมือนกันกับตนเองที่เคยโดน

คุณเฉลิม สมัยก่อนใหญ่มาก และในสมัยที่ทักษณ ยังไม่เข้าสู่การเมือง ต้องไปนั่งรอเพื่อขอเข้าพบ แต่เมื่อตาลปัตรกลับด้านทักษิณ มาเป็นหัวหน้าเป็นเจ้านายนั้น คุณเฉลิม ก็ต้องเคารพกติกา อยู่ท่ามกลางความให้เกียรติซึ่งกันและกัน “คนที่เป็นเสือเฒ่าก็ต้องมีลายครามอยู่” มนุษย์ต้องการศักดิ์ศรีให้เกียรติ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่  ซึ่งถ้าเรื่องไม่จริง เขาก็คงออกมาพูดแน่นอน.

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม