ชายพิการสุดช้ำถูกสาวใหญ่หลอกให้รัก สุดท้ายทำร้ายจะไล่ออกจากบ้าน

24 ก.ย. 66

สาวใหญ่ หลอกชายพิการ ให้รัก ให้หลง ให้โอนที่ คิดว่าจะดูแลกันไปจนแก่เฒ่า แต่สุดท้ายทำร้ายและจะไล่ออกจากบ้าน

ชายพิการวัย 61 ปี ร้องผ่านสื่อถูกสาวใหญ่ลูกติด 4 คน หลอกให้หลงรักและมาอาศัยในบ้านก่อนออกอุบายจะปลูกบ้านให้แต่ต้องแบ่งโฉนดที่ดินให้ โดยเมื่อสมหวังข้าวปลาก็ไม่หาให้กินแถมทำร้ายร่างกายไล่ออกจากบ้าน เจ้าตัวต้องเอาเบี้ยคนพิการ คนชรา มาจ่ายค่าน้ำไฟให้

พอปรึกษาพี่สาวให้ช่วยเอาชื่อออกจากที่ดินสาวใหญ่กลับเรียกเงินชดเชย 7 แสน จึงขอวอนหน่วยงานที่รับปิดชอบช่วยปลดทุกข์ให้ด้วย

วันที่ 24 กันยายน 2566 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนายห้า อายุ 61 ปี อยู่ที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ชายพิการแขนซ้ายตั้งแต่กำเนิดว่าถูกสาวใหญ่หลอกให้ใส่ชื่อเข้าไปในโฉนดที่ดิน โดยสัญญาว่าจะปลูกบ้านให้และรับเลี้ยงดูยามแก่เฒ่า แต่ระยะหลังกลับไม่ดูแล ซ้ำยังให้หากินเอง ให้ทำงานบ้านเยี่ยงทาส และหากจะให้เอาชื่อออกจากโฉนดที่ดินต้องชดเชยเงิน 700,000 บาท โดยหวั่นจะไม่มีที่อยู่ยามแก่เฒ่า จึงวอนขอให้สื่อช่วยเหลือประสานหน่วยงานรัฐให้มาช่วยดำเนินการเพราะทุกข์ทรมานทั้งกายและใจอย่างหนัก

นายห้า พาชมบ้านของตัวเองพร้อมเล่าให้ฟังว่าตนเองมีความพิการมาตั้งแต่เกิดที่แขนซ้าย คือไม่มีนิ้วมือ และไม่สามารถยกใช้งานได้ จึงได้ไปบวชเรียนมาหลายสิบปี ก่อนที่จะสึกออกมา โดยบิดามารดาได้มอบที่ดินให้จำนวน 3 ไร่ 2 งาน ซึ่งแบ่งแปลงกับพี่น้องเป็นสัดส่วนคนละเท่ากัน โดยเมื่อปี พ.ศ. 2561 ได้ปลูกบ้านอาศัยในที่ดินซึ่งช่วงนั้นได้มีนางหอม อายุประมาณ เกือบ 60 ปี ได้มาชอบพอกับตนเอง โดยเป็นสาวใหญ่ที่มีลูกติดและสุดท้ายได้ตกลงปลงใจที่จะมาขออาศัยอยู่ร่วมชายคาด้วยกันเพื่อหวังจะช่วยดูแลกันไปในบั้นปลายชีวิต

นายห้าเล่าต่อว่าจากนั้นอีก 1 ปีกว่า นางหอมได้นำลูกชาย 2 คน และลูกสาว 2 คน มาอยู่ที่บ้านจนคนเต็มบ้านไปหมด และนางหอมกับนางสาวลัดดา (ลูกติดของนางหอม) ได้มาบอกว่าอยากช่วยดูและอยากจะช่วยปลูกบ้านให้ ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าเขาจะมาดูแลตนเองช่วงบั้นปลายชีวิต จึงได้รับข้อตกลงว่าจะใส่ชื่อของนางหอมลงไปหลังโฉนดที่ดินในพื้นที่แบ่งส่วนออกมา 1 ไร่ จึงจะปลูกบ้านให้ ด้วยความเชื่อใจจึงได้พากันไปที่สำนักงานที่ดินและได้ใส่ชื่อของนางหอมร่วมในโฉนดที่ดิน ซึ่งในวันที่ไปใส่ชื่อในโฉนดที่ดิน ทางเจ้าหน้าที่ก็ได้กำชับว่าต้องทำตามสัญญาคือเลี้ยงดูตามที่ตกลงไว้ หากไม่ทำตามเจ้าของที่ดินก็สามารถถอดชื่อจากโฉนดได้ซึ่งนางหอมก็สัญญาเป็นอย่างดีโดยที่ตนเองก็มีรายได้จากเบี้ยผู้สูงอายุและเบี้ยคนพิการ โดยได้นำมาใช้จ่ายในครัวเรือนให้กับคนในบ้าน

นายห้าเล่าอีกว่าช่วงแรกแม่ลูกก็ดูตนเองเป็นอย่างดี แต่ไม่นานทุกคนก็เปลี่ยนไปจากหาข้าวหาปลาให้กิน ก็ไม่เคยหากินข้าวร่วมกัน งานบ้านก็ต้องซักผ้า ถูบ้าน ทำงานทุกอย่างในบ้าน เป็นเหมือนคนมาขออาศัย ซึ่งตนเองก็เก็บกดกับสิ่งเหล่านี้มานานหลายปี โดยไม่กล้าบอกกับพี่น้องแต่เมื่อไม่มีข้าวกินก็ต้องไปอาศัยข้าวที่บ้านพี่สาวกินแทบทุกวัน วันไหนไม่ได้ไปก็ไม่ได้กินซ้ำยังถูกนางหอมดุด่ารวมถึงหากไม่พอใจก็จะเข้าทำร้ายร่างกายบ่อยครั้ง จนมีบาดแผลที่ตัวและไล่ให้ตนเองออกไปจากบ้าน โดยเมื่อวันที่17 กันยายน ได้ไปแจ้งความลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานว่าว่าต้องการให้นางหอมและลูก ๆ ออกไปจากบ้านตนเอง รวมถึงหากตนเองเสียชีวิตก็ไม่ให้ที่ดินตกเป็นของนางหอม และลูกหลาน ซึ่งตนเองพยายามจะให้นางหอมเอาชื่อออกจากโฉนดที่ดินแต่ถูกบอกว่าหากจะให้เอาชื่อออกต้องให้ชดเชยเงินเป็นเงิน 700,000 บาท ซึ่งตนเองไม่มีปัญญาที่จะไปหามาให้

ทางด้านนางสมศรี อายุ66ปี พี่สาวนายห้า เล่าว่าตนเองสงสารนายห้าเป็นน้องชายอยู่กับนางหอมพออยู่มาได้ระยะหนึ่ง นางหอมก็ไม่ดูแลนายห้าเสื้อผ้าก็ไม่ซัก ข้าวก็ไม่ทำให้กิน นายห้าต้องมากินข้าวที่บ้านพี่สาวตนเองนึกสงสารน้องชายมากส่วนนางหอมจะใช้นายห้าหุงข้าว กวาดบ้าน ทางพี่สาวนายห้าบอกว่าจะให้เขาทำได้ยังไงมือเขาด้วนเป็นคนพิการ ซึ่งที่น้องชายใส่ชื่อในที่ดินนั้นนึกว่านางสาวลัดดาจะเลี้ยงดูแต่ผลสุดท้าย ไม่ได้ดูแลน้องชายและตนเองก็ยังเห็นนางหอมดุด่าน้องชายเสีย ๆ หาย ๆ รวมถึงไม่เคยเกรงใจตนเองและพี่น้องก็ถือว่าน่าสงสารและการที่ไปโอนชื่อใส่ที่ดินนั้น ก็ไม่เคยมาปรึกษาเหมือนเขาหลงคารมกันในช่วงแรกว่าจะมีคนดูแลไปตอดชีวิตแต่ตอนนี้ชีวิตได้เปลี่ยนไปแล้วหากใครช่วยได้ก็ขอบอกผ่านสื่อให้มาช่วยเหลือกด้วยเพราะสงสารน้องที่พิการและมาถูกกระทำแบบนี้

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส