'วราวุธ' กราบขอโทษเงินหนุนเด็กล่าช้า พร้อมเป็นกำแพงให้ประชาชนไว้พิง

12 ก.ย. 66

“วราวุธ” กราบขอโทษเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดล่าช้า เหตุอยู่ในช่วงรอยต่อรัฐบาล เตรียมมอบนโยบาย พม.ทำงานเชิงรุก เป็นกำแพง-เกราะปกป้องประชาชน ส่วนกรณี “หยก”จะใช้สหวิชาชีพเข้าหนุน ชี้ไม่ใช่แก้เฉพาะตัวบุคคลแต่ต้องป้องกันทั้งระบบ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวถึงการแถลงนโยบายในส่วนของกระทรวง พม.ว่า เมื่อวานนี้มีการพูดถึงเพียงเรื่องเดียวคือเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ คาดว่าวันนี้จะมีประเด็นเพิ่มเติม ซึ่งพม.ก็จะประมวลข้อสังเกตของสมาชิกแต่ละท่าน และการทำงานของ พม.หลังจากนี้ไป จะเป็นการทำงานเชิงรุกมากขึ้น สร้างความตระหนักรับรู้ให้กับหลายฝ่าย ยืนยันไม่กังวลกับการแถลงนโยบาย 2 วันนี้

ส่วนการจ่ายเงินอุดหนุนเด็กแรกเกิดกว่า 2 ล้านราย ที่มีความล่าช้า ต้องกราบขออภัย ซึ่งเดิมจะออกในวันที่ 8 กันยายน นี้ แต่เนื่องจากเป็นช่วงรอยต่อทำให้ ครม.ชุดเก่า ไม่สามารถอนุมัติได้ และชุดใหม่ยังไม่มีอำนาจในการอนุมัติงบประมาณ แต่ในการประชุม ครม.พรุ่งนี้ ได้ประสานกับ พม. ให้เตรียมเอกสารเข้าที่ประชุม ครม. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เงินไปถึงประชาชนภายในวันจันทร์ที่ 18 กันยายนนี้

พร้อมมองว่าทุก ๆ ปลายงบประมาณ เงินงบประมาณที่กรมเด็กและเยาวชนได้รับมาจะไม่ค่อยเพียงพอในแต่ละปีงบประมาณ ซึ่งสาเหตุมาจากจำนวนของเด็กที่จะได้รับการสนับสนุนในแต่ละเดือนจะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และทางสำนักงบประมาณจะให้ตัวเลขกลม ๆ มาก่อน หากขาดเท่าไหร่ก็ไปขออีกครั้งหนึ่ง และการที่กระทรวงได้แจ้งนาทีสุดท้าย ก็ได้ขอให้เร่งทำงาน จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก

ส่วนการมอบนโยบายให้ข้าราชการกระทรวงในสัปดาห์หน้า 19 กันยายน นี้ มองว่าที่ผ่านมากระทรวงมีภารกิจเยอะมาก ทั้งเด็ก เยาวชน คนทุกเพศทุกวัย และเรื่องการเคหะดูแลที่อยู่พักอาศัยประชาชน งานที่ผ่านมาเข้าถึงประชาชนทุกระดับ แต่ประชาชนยังไม่ได้รับรู้ถึงการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เท่าที่ควร ดังนั้นหลังจากนี้จะทำงานเชิงรุกมากขึ้น ทั้งเรื่องสวัสดิการ และการปกป้องสิทธิของคนหลายกลุ่ม ให้ได้รับการคุ้มครองตามสิทธิ์ ย้ำว่าการทำงานของ พม.จะเป็นกำแพงให้ประชาชนไว้พิง ยามประชาชนเจอปัญหา หรือภัยอันตราย จะเป็นเกราะป้องกันให้ประชาชน ทั้งการทำงานในมิติภายในประเทศและต่างประเทศ

ส่วนกรณีของ “หยก” ที่ พม.จะต้องดูแลแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เกิดขึ้นในสถานศึกษา และส่วนที่เกิดขึ้นภายในครอบครัว โดยการทำงานของ พม.จะไม่ก้าวล่วงบริบทของการศึกษา ส่วนในมิติครอบครัวจะใช้สหวิชาชีพ ทุกแขนงสนับสนุนหยก ซึ่งไม่ได้แก้ไขเฉพาะเรื่องตัวบุคคลแต่ต้องป้องกันทั้งระบบ เพราะอาจมีหลายกรณีลักษณะคล้ายกัน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม