“จตุพร พรหมพันธุ์” จี้ กรมราชทัณฑ์- รพ.ตำรวจ เปิดภาพ “ทักษิณ” ป่วย

25 ส.ค. 66

 

จตุพร พรหมพันธุ์” จี้ กรมราชทัณฑ์รพ.ตำรวจ คลายสังคมกังขา เปิดภาพ “ทักษิณ” ป่วย เผยหลังเข้าคุก 5 ครั้ง รู้ทุกซอกเรือนจำ 

วันที่ 25 ส.ค. 66  นาย จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน กล่าวตอนหนึ่ง ในรายการ ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "ด้านได้!!" ถึงกรณีที่สังคมมีข้อสงสัย กรมราชทัณฑ์ส่งตัวนาย ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีไปรักษาตัวที่ รพ.ตำรวจว่า 

เป็นเรื่องที่จะพาให้รัฐบาลชุดใหม่พัง การปฏิบัติใดๆ ของ กรมราชทํณฑ์ต่อนาย ทักษิณนั้น ทุกเรื่องสามารถเปิดเผยได้หมด เพราะเรือนจำเปิดไฟสว่างตลอด 24 ชม. และเรือนนอนต้องติดกล้องวงจรปิดทุกพื้นที่ทุกอณู จะเห็นตนเห็นตัวทั้งหมดว่าทำอะไร อยู่มุมไหนอย่างไร แม้กระทั่งเข้าห้องน้ำ 

นายจตุพร กล่าวว่า การจะเข้าไปในวันแรกต้องพิมพ์ลายนิ้วเมือ ถอดเสื้อเพื่อหาตำหนิ ถ่ายบัตรประจำตัวนักโทษ มีรหัสและมีบัตร ต้องเปลี่ยนชุดจากนั้นนำตัวไปห้องแรกรับ แต่กรณีของนาย ทักษิณอาจเป็นขั้นตอนลัดกันได้ และในห้องนี้มีกล้อง เพราะฉะนั้นถ้านาย ทักษิณป่วยความดันขึ้น จะต้องมีภาพการปฐมพยาบาลเบื้องต้นช่วงระหว่างที่อยู่ในชั้น 2 ของอาคารพยาบาลในแดน 7 หากทักษิณ มีอาการป่วย ความดันกำเริบตอนเที่ยงคืนครึ่งและนำตัวไปรพ. ต้องมีภาพปรากฎตั้งแต่ว่าทำอะไรก่อนอาการกำเริบ แล้วมีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการวินิจฉัยโรคอย่างไร อีกทั้งการนำตัวออกมาก็จะมีภาพจากกล้องบันทึกไว้หมด สิ่งเหล่านี้สามารถขอดูเป็นหลักฐานได้ 

“ทำอะไรก็ตาม ชีวิตในคุกต้องไม่ลืมว่ามีกล้องวงจรปิด ซึ่งโกหกไม่ได้ ตั้งแต่เข้าเรือนจำ ผมในฐานะติดคุก 5 ครั้งย่อมรู้ดี จึงมีข้อสงสัยมากมายกับกรณีของนาย ทักษิณ” นายจตุพร กล่าว 

นายจตุพร กล่าวว่า หากนาย ทักษิณ เจ็บป่วยจริงก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากสังคมสงสัยว่า ป่วยไม่เป็นจริงแล้ว จะยอมรับกันได้หรือไม่ต่อการปฏิบัติกับนักโทษทุกคนอย่างเสมอภาคกัน รวมทั้งการกล่าวถึง 4 โรคกลุ่มเปราะบางของนาย ทักษิณว่า ถ้าได้บอกประชาชนก่อนเดินทางมาว่า เป็นโรคหัวใจ ปอด ความดัน และหมอนรองกระดูก แต่ทุกเรื่องนี้เต็มไปด้วยข้อสงสัยตั้งแต่ต้น อีกอย่างแกนนำเพื่อไทยที่ไปรับที่สนามบินดอนเมืองในวันกลับมาก็กล่าวชมสุขภาพแข็งแรง 

นายจตุพร กล่าวต่อว่า ในวันกลับไทยนั้นนาย ทักษิณ ไม่มีวีแววว่าจะเป็นผู้ป่วยขั้นวิกฤตตามที่กล่าวอ้างว่า แทบไม่มีเสียง ต้องให้ออกซิเจนตลอดเวลานั้น ถ้าอาการเป็นเช่นนี้จะอยู่ที่ รพ.ตำรวจ ห้องชั้น 14 ไม่ได้ ต้องเข้าห้องไอซียู เพราะอาการหนัก และจะอยู่ในห้องที่ใช้พัดลม และไม่มีอากาศหายใจได้อย่างไร สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งผิดธรรมชาติ 

“เมื่อหมอใหญ่ รพ.ตำรวจ บอกอาการนาย ทักษิณขั้นวิกฤต มีปัญหาเรื่องโรคหัวใจ มีปัญหาความดัน ดังนั้นผู้ป่วยก็ต้องการอากาศ แล้วจะให้อยู่ห้องแอร์เสียหายใจไม่ออกได้อย่างไร และมีปัญหาแอร์ต้องเปลี่ยนห้องทันที ซึ่งต้องเข้าห้องไอซียู แล้วหมอใหญ่ใช้ดุลยพินิจอย่างไรจึงให้อยู่ห่้องแอร์เสีย แล้วใช้พัดลม 2 ตัวมาพัดอีก” นายจตุพร กล่าว 

นายจตุพร กล่าวว่า เมื่อมีข้อสงสัยว่าแอร์เสียจะไป รพ.เอกชน จึงเกิดสังคมเสียงดังกันไปหมด แต่ รพ.ตำรวจ ห้องที่เข้าพักนั้น ผู้รู้บอกว่า รพ.เอกชนหลายแห่งสู้ไม่ได้เลย ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นกับนาย ทักษิณจึงสอดคล้องกันกับที่ออกจากไทยรอบหลัง 15 ปี เพราะไม่ต้องการติดคุกแม้แต่วันเดียว และก็ได้รับจริงๆ เมื่อกลับมาแล้วเข้าคุกเพียงไม่กี่ชั่วโมงเอง 

สิ่งสำคัญนั้น ถ้านาย ทักษิณป่วยจริงก็ไม่มีปัญหา แต่ความสงสัยนั้นประเทศนี้ควรมีอะไรที่ตรงไปตรงมาสักเรื่องได้หรือไม่ เพราะประชาชนถูกหลอกกันอยู่เรื่อยตั้งแต่การตั้งรัฐบาล จนมาถึงนาย ทักษิณกลับมารับโทษตามกฎหมาย แต่กลายเป็นไม่สามารถหาความจริงได้สักข้อเลย 

“ดังนั้นปัญหามีว่า คุณมองประชาชนเป็นประชาชนหรือเปล่า หรือมองเป็นควาย ไม่อยากตั้งคำถามกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่า ท่านได้คุยกับนาย ทักษิณแล้วหรือยัง แต่เอาเป็นว่า กรณีนักโทษทักษิณ อะไรก็ตามที่ไม่ตรงไปตรงมา อย่าให้มันไม่จริงเสียร้อยเปอร์เซ็น ควรจะมีความจริงอย่างที่ควรจะเป็นกันบ้าง” นายจตุพร กล่าว 

นายจตุพร กล่าวอีกว่า เอาแค่เรื่องง่ายๆ กับการกล้อนผม ก็ต้องทำเหมือนนักโทษทั่วไปเป็นปกติ เพราะเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับอายุมากหรือน้อย แต่หลักแล้วก็ต้องก้อนผม ดังนั้น ความเสมอภาคของนักโทษคือการกล้อนผมสั้นทุกคน

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม