"หนิง ปณิตา" เผยพาครอบครัวพบจิตแพทย์ ยังอยู่บ้านเดียวกับ "จิน"

16 ส.ค. 66

"หนิง ปณิตา" อัปเดตเรื่องคดีความว่า จะขึ้นศาลอีกครั้งในวันที่ 4 ต.ค. นี้ ส่วนกับ "จิน จรินทร์" ยังอยู่บ้านเดียวกันเหมือนเดิม พร้อมเผยพาทั้งลูกและครอบครัวไปปรึกษาจิตแพทย์ 

โดย "หนิง ปณิตา" เผยว่า "คืบหน้ายังเป็นวันเดิมอยู่นะคะ แต่ว่าโดยรายละเอียดยังไม่ได้ไปตามอะไรมากมาย และยังไม่ได้มีการติดต่อกลับมาจากทางใดๆ ทั้งสิ้นค่ะ"

มีเรื่องกระทบจิตใจมาเพิ่มมั้ย?
"(หัวเราะ) ก็นิดหน่อยค่ะ ไม่ได้เป็นจุดที่เอามาทำให้รู้สึกว่ามันจะแย่ลง หนิงว่าพอเวลามันเดินผ่านไปข้างหน้า มันก็จะเดินไปข้างหน้าได้ดีขึ้น ความโชคดีของหนิงคือ หนิงมีณิริน เขาเป็นเด็กที่พยายามจะเข้าใจและปรับตัว ปรับปรุง ให้กำลังใจ อันนี้คือความโชคดีของหนิง วันนี้เรามองลูกเป็นหลักใหญ่ที่สุด พอมันมีตรงนี้มันก็เป็นกำลังใจ ที่ทำให้เรื่องอื่นเราพยายามมองข้ามไปหงุดหงิดก็มองข้ามไป"

ทางคู่กรณีไม่ได้ติดต่อมาเลยใช่มั้ย ?
"ไม่ได้รับการติดต่ออะไรมาจากไหนทั้งสิ้นค่ะ"

เรายังยืนยันเดินหน้าเหมือนเดิม ?
"สำหรับตัวหนิงเองก็ยังเป็นเหมือนเดิมค่ะ ยังทำทุกอย่างตามที่ตั้งใจเอาไว้เหมือนเดิมค่ะ"

มันเหนื่อยมันท้อมั้ยไม่จบไม่สิ้น ?
"จะบอกไม่เหนื่อยก็คงไม่ใช่ ก็เหนื่อย ก็รู้สึกเซ็งรู้สึกเบื่อแต่มันก็ไม่เอาเก็บมาเป็นอารมณ์ พอเวลาเราเห็นรอยยิ้มของลูกเรา เราเห็นความพยายามเข้าใจในหลายๆ เรื่องของลูกเราที่จะพยายามปรับตัวกับเรา มันทำให้เป็นเรื่องเบา และมันก็ทำให้เรามีแรงฮึดมีพลังที่จะทำเรื่องดีๆ ออกมาทำงาน มาเจอผู้คน ใช้ชีวิตให้มันเป็นปกติ มีรอยยิ้ม กลับมาหาเงินทำงาน"

รู้สึกแปลกใจเซอร์ไพรส์ไหมว่าทำไมน้องณิรินถึงดูเข้มแข็งขนาดนี้ ?
"มันก็ไม่ง่ายสำหรับเด็กคนหนึ่ง หนิง ก็จะขอบคุณเขา แต่ทะเลาะกันตลอดนะคะไม่ใช่ไม่ทะเลาะกันแต่ในความทะเลาะกันมันเหมือนเราเป็นเพื่อนกัน ณิรินในภาวะแบบนี้เขาก็สอนให้เราเรียนรู้ในหลายเรื่อง เช่นเดียวกับเขาเองที่เรียนรู้ในหลายเรื่องที่มันเกิดขึ้น หนิงพูดกับน้องเสมอว่า เวลาเราเจอปัญหาอุปสรรคอะไรตั้งแต่เรายังอายุน้อยๆ เรายังเป็นเด็กอยู่ถือว่าเป็นความโชคดีของเรานะ"

"เพราะแต่ละปีเหมือนเราเรียนหนังสือ เราก็ต้องเรียนสิ่งที่ยากขึ้นไป ถ้าเราผ่านมันไปได้ เดี๋ยวเราก็จะต้องเจอเรื่องยากกว่านี้ ถ้าเราผ่านมันไปไม่ได้เรื่องของปีนี้ก็จะไปทบกับเรื่องของปีหน้าไปเรื่อยๆ ก็พยายามอธิบายให้เขาฟัง คุยกับเขาเยอะๆ ก็ถือว่าเบื้องบนเมตตา ถ้าไหว้พระไหว้เจ้าหนิงอธิษฐานอย่างเดียวเลยว่า ขอให้ลูกหนิงมีความเข้าใจและเป็นเด็กดี หนิงจะขอแค่นี้ค่ะ"

ครั้งแรกที่มีการอธิบายกับลูกมันเป็นจุดที่ยากที่สุดมั้ย ?
"ยาก ไม่ได้ยากแค่ครั้งแรก หนิงว่ายากทุกๆ ครั้งเพราะว่าในการอธิบายเรื่องๆ หนึ่งให้เด็กฟัง ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็แล้วแต่ มันอยู่ที่ว่าเราจะต้องประเมินให้ได้ว่าตอนนี้การพูดของเรากับวัยของเด็กมันควรจะพูดแค่ไหน สมมติเรื่องเดียวกันคุยกันตอนอายุ 8 ขวบก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งอายุ 10 ขวบจะเป็นอีกแบบหนึ่ง นี่อายุใกล้จะ 11 ขวบเรื่องก็จะเป็นอีกแบบหนึ่งมันจะยากตรงการประเมินในการใช้คำพูด"

"แต่สิ่งที่ทำให้หนิงเรียนรู้ก็คือ ต้องไม่คาดหวังกับสิ่งที่เราพูดไป และคิดว่าเขาจะเข้าใจเพราะว่าเราโตกว่าเราอยู่บนโลกใบนี้มา 40 กว่าปี เขาเพิ่งอยู่มา 11 ปีจะให้เขาเข้าใจทุกอย่างแบบที่เราเข้าใจมันไม่ง่าย ดังนั้นเราเป็นแม่ เราก็ต้องมีความอดทนและใจเย็น มันก็เลยมีคำโบราณที่บอกว่าคนเป็นพ่อเป็นแม่จะต้องพูดทุกเรื่องจนปากจะฉีกถึงรูหูมันเป็นคำที่มันเป็นแบบนี้นี่เองที่จะทำให้เด็กคนหนึ่งเข้าใจ เราก็ต้องพยายามใจเย็นอธิบาย"

หนิง ปณิตา

ณิรินรับรู้และเข้าใจเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้น ?
"ณิรินเขาพยายามที่จะเข้าใจ และไม่ทำอะไรให้เราไม่สบายใจ สิ่งที่ทำให้เราอึ้งและทำให้เราเย็นลงได้ทุกเรื่องคือเวลาที่เขารู้ว่าเราจะมีภาวะอะไรบางอย่างที่เรารู้สึกเหนื่อย เราท้อ เขาจะเดินเข้ามากอด มองหน้าแล้วบอกว่า แม่สู้ๆ นะ หนูอยู่ตรงนี้ หนูส่งพลัง หนูกอดๆ หนูเป็นกำลังใจให้แม่ ด้วยความสดใสของเขา"

แม่น้ำตาไหลเลย ?
"ใช่ หนิงเป็นคนไม่ค่อยอ่อนแอให้ลูกเห็นเลย แต่ก็เป็นจุดไม่ดีสำหรับหนิงเหมือนกัน เพราะคุณหมอก็บอกว่า บางครั้งการเป็นแม่คนมันต้องมี 360 องศาให้ลูกรู้ว่านี่คือความแข็งแรง และเราสามารถอ่อนแอได้ เราก็จะต้องปรับตัวบางอย่าง อะไรที่เราไม่ไหวหรืออ่อนแอจริงๆ ก็ต้องให้เขารู้ว่าเราก็มีมุมนี้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นเด็กก็จะมีแต่มุมที่สตรองอย่างเดียว ซึ่งจริงๆ ชีวิตคนเรามันมีหลายมุมและมันไม่สามารถสตรองได้ตลอดเวลา"

เคยร้องไห้ให้ลูกเห็นมั้ย ?
"ยังไม่เคยถึงขั้นน้ำตาไหลพราก ระยะหลังเราสองคนก็จะมีการคุยกับคุณหมอด้วยกัน มันจะมีมุมที่เขาแสดงออกมาให้เราเห็น เรามีมุมที่บางทีเราไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้แต่ประเมินแล้วว่ามุมนี้ให้ลูกรับรู้ได้ ก็ให้ลูกเห็นในมุมของความอ่อนแอของเราบ้าง"

ไปปรึกษาจิตแพทย์ ?
"คุยกับจิตแพทย์ทั้งตัวหนิงเอง ทั้งตัวน้อง และคนในครอบครัวทั้งหมด จะเป็นเซ็กชั่นของครอบครัวค่ะ"

หนิง ปณิตา

ปรึกษาแพทย์ในช่วงหลังที่ผ่านมาหรือปรึกษามาตลอด ?
"ก่อนหน้านี้ทุกคนก็จะรู้อยู่แล้วว่าหนิงจะมีการไปคุยกับหมอเป็นระยะตั้งแต่น้องเกิดมา เพราะว่าเราอยากที่จะเรียนรู้ที่จะเข้าใจเด็ก คำว่าช่องว่างระหว่างวัยเราไม่เคยคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่ว่าเราอยากเรียนรู้ที่จะเข้าใจเด็กคิดอย่างนี้ เราเป็นอย่างนี้แล้วเราต้องใช้คำพูดคำไหนที่ทำให้เด็กเขาเข้าใจเรามาเป็นระยะๆ อยู่แล้ว"

"แต่ว่าพอเป็นช่วงหลังมานี้ มันจะไม่ใช่แค่หนิงและน้องอย่างเดียว มันมีคุณอา คุณยาย และคนที่อยู่รอบๆ ข้างหนิงที่เป็นคนสนิทของหนิงที่มีผลกับความรู้สึกของณิริน เราก็จะไปกันเป็นกลุ่ม แล้วเราก็จะมีการบ้านว่าต้องทำแบบนี้ช่วยกันค่ะ"

ช่วยกันฮีลลิ่งกันทั้งครอบครัวให้ไปด้วยกัน ?
"ใช่ มันเป็นการฮีลกันทั้งหมด ข้อดีคือระหว่างหนิงกับคุณแม่หนิงเองที่บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจเรา แล้วมันก็ส่งผลให้เรามีพฤติกรรมแบบนี้ เราก็เข้าใจแม่เรา แม่เราก็เข้าใจเรา เราก็เข้าใจลูกเรา มันก็กลายเป็นเรื่องของทั้งครอบครัว หนิงว่ามันเป็นเรื่องที่ดี เพราะสุดท้ายแล้วยังไงคำว่าครอบครัวก็สำคัญสำหรับการเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งที่จะทำให้เขาเติบโตขึ้นไปได้อย่างที่เขารู้สึกว่ายังมีอีกหลายคนที่พร้อมจะโอบกอดเขา"

ทุกวันนี้สภาพจิตใจน้องโอเคดีแข็งแรงร่าเริง ?
"หนิงว่าคนที่จะประเมินเขาได้ดีที่สุดน่าจะเป็นหนิง หนิงว่าเขาดีขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ วัน อย่างล่าสุดหนิงไปเที่ยวด้วยกันกลับมา เขาจะมีเป้าของเขาแล้วว่าปีหน้าจะตั้งใจทำอะไร เขาเริ่มกลับมาคุยถึงเป้าหมายในชีวิตตัวเอง ก่อนหน้านี้ณิรินจะเป็นเด็กที่มีเป้าหมายในชีวิตของตัวเอง ตั้งแต่เขาอายุ 5 ขวบ เวลาเราคุยกับเขาจะถามว่าณิรินวันนี้หนูอยากทำอะไร ช่วงนี้หนูเป็นยังไง เขาจะมีเป้าของเขา"

"แต่ว่าเป้าของเขาที่อยากจะทำอะไร อยากจะเป็นอะไรหรือชอบอะไรมันถูกหายไปช่วงหนึ่ง เหมือนเขาเอาใจเขาไปคิดเรื่องอื่นๆ แต่ตอนนี้เรื่องนี้มันเริ่มกลับมาแล้ว เรารู้สึกชื้นใจ ปีหน้าเขาบอกแม่ว่าหนูจะตั้งใจเรียนให้ดีกว่านี้ แล้วหนูจะฝึกเรื่องร้องเพลงให้ดีกว่านี้ ความที่เขาสนใจเรื่องอื่นมากกว่าสนใจเรื่องที่มันมีปัญหาอยู่มันเริ่มกลับมาแล้ว มันทำให้คุ้มค่ากับการที่เราทุ่มเท"

"เพราะต้องบอกว่าปีนี้เป็นปีที่หนิงทำงานค่อนข้างน้อยมาก งานที่ไม่จำเป็นก็จะบาย อย่างละครทุกคนก็รอคอยว่าจะเปิดโผเรื่องอะไร ทั้งที่มันมีแล้ว มันมีชื่อเรื่องมีการวางตัวแล้ว หนิงก็ระงับการทำงานของหนิงอยู่ ยังไม่ทำ เพราะว่านาทีนี้หนิงต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้ลูกเป็นหลัก ก็ถือว่ามันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ามากๆ"

ณิรินยังมีโอกาสเจอคุณพ่อตลอดไหม ?
"ยังเจอกันอยู่เรื่อยๆ ค่ะยังอยู่ในบ้านหลังเดียวกันค่ะ"

ลูกกับพ่อยังมีปฏิสัมพันธ์ปกติ ?
"ใช่ค่ะ ยังเจอกันอยู่และยังอยู่ในบ้านหลังเดียวกันค่ะ"

หนิง ปณิตา

หนิง ปณิตา

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส