เพื่อนเผยเสียงสุดท้าย "สาวไทยถูกหลอกขายตัวดูไบ"ก่อนตาย

15 ส.ค. 66

เพื่อนเผยคลิปเสียงสุดท้ายสาวไทยถูกหลอกขายตัวดูไบก่อนตาย พบเรื่องจริงยิ่งกว่าละคร ใครทำเงินไม่ได้ถูกขาย ใช้งานเยี่ยงทาส คิดหนีโดนจับได้เมื่อไหร่ตายทุกคน 

ความคืบหน้ากรณีสาวไทยถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกไปขายตัวที่ดูไบ หนีได้เพียงวันเดียวเสียชีวิตปริศนา แม่ทราบข่าวถึงกับช็อก

เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2566 ผู้สื่อข่าวได้ข้อมูลมาจากเพื่อนของน้องปาล์ม ผู้เสียชีวิตที่ดูไบ พบว่าข้อความที่เคยได้คุยกับน้องปาล์มเรื่องการถูกหลอกมาขายนั้นถูกลบออกจนหมด ไม่ทราบว่าใครเป็นคนลบ เพราะเพื่อนได้เสียชีวิตไปแล้ว แต่ยังมีข้อความบางส่วนที่ได้แค็บเก็บไว้ตั้งแต่ที่น้องปาล์มโดนหลอกมา

 

เริ่มแรกปาล์มได้ติดต่องานผ่านเฟซบุ๊กเพจหนึ่งว่าจะมาทำงานในร้านนวดที่ดูไบ ปาล์มจึงตัดสินใจมาแต่จำชื่อเพจไม่ได้แล้ว ข้อมูลถูกลบออกไปหมดจากแช็ตที่เคยคุยกัน

 

ทราบต่อมาภายหลังว่าเพื่อนโดนหลอกให้มาขายตัว มาได้2วันก็เอามาขายให้ซ่องและด้วยปาล์มนั้นรูปร่างอ้วน เลยทำให้ไม่มีแขก จึงถูกขายต่อมาไปเรื่อยๆ ปาล์มทักมาคุยว่าโดนหลอกมาทำงานแ ละมาอยู่ร้านเล็กๆได้ค่าจ้างครั้งละ 240 บาทไทย หากทำงานไม่ได้ก็โดนขายอีก บางคนคิดหนีโดนจับได้ก็ถูกฆ่าตาย วางยาบ้าง โยนลงจากตึกบ้าง ถ่วงน้ำบ้าง ปาล์มอยากหนี แต่ก็กลัวโดนอุ้ม ปาล์มยังบอกว่าถ้าเป็นอะไรไปฝากดูแลแม่ด้วย

 

เพื่อนยังบอกอีกว่า ตอนนั้นแปลกใจมากว่าทำไมมีคนมาลบข้อมูลที่ปาล์มคุยเรื่องงาน เรื่องโดนหลอกทิ้งไปหมด และคนที่ร้านก็ส่งข้อความแบบไม่พอใจ ที่มีนักข่าวไปทำข่าวที่บ้านปาล์ม บอกว่าแบบนี้จะไม่ยุ่งไม่ช่วยอะไรแล้ว ไปออกข่าวกันปกติจะมีการช่วยกันออกค่าใช้จ่ายในการนำศพกลับประเทศ แต่ไปออกข่าวแบบนี้ทุกคนเขาไม่มีใครช่วยแล้ว และก็ได้ส่งคลิปเสียงที่ปาล์มอัดไว้ตอนก่อนเสียชีวิตเสียงเหมือนหายใจไม่ออกแน่นมาก จับใจความได้ว่า“พี่..หนูช่วยอะไรแกไม่ได้ หนูนาช่วยพี่หน่อย พาหนูไปโรงพยาลหน่อย”อันนี้เป็นเสียงก่อนที่จะดับปริศนา

 

ซึ่งตอนนี้เพื่อนๆที่คอยช่วยเหลือปาล์มไม่มีใครกล้าให้ข้อมูลอะไรอีก เพราะกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัย เพราะมีคนกำลังเบี่ยงประเด็นว่าปาล์มโดนทำของใส่เป็นพวกคุณไสยจึงเสียชีวิต

 

ขณะที่หญิงสาวรายหนึ่ง ซึ่งเคยไปทำงานที่ดูไบและหนีรอดออกมาได้ เปิดเผยข้อมูลให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ถูกเพื่อนชักชวนให้ไปทำงานร้านนวดแผนไทยที่ดูไบ ส่วนใหญ่คนที่ชวนจะเป็นคนไทย เอาไปขายต่อและจะได้ค่าหัวกันต่อคน 5,000-10,000บาท และเอาเราไปขายให้คนจีนและแขกอินเดียที่ดูไบ ส่วนมากพวกนี้จะเปิดร้านนวด-สปาบังหน้า แต่ที่ตนเจอต้นทางอาจจะไม่โหดร้ายเท่ากับปาล์ม คือแท็กหรือเจ๊ก็เคยทำงานแบบนี้มาก่อนและได้สามีเป็นคนอินเดีย เปิดร้านนวดบังหน้าที่ดูไบ ตนนั้นอ้วนก็จะได้แค่นวดสปาจริงๆ ไม่ค่อยได้รับแขกเท่าไหร่ และตัดสินใจหนีออกมาได้ เพราะเจ้าของร้านไม่ได้มีเส้นสายอะไรมากจึงไม่โหด ส่วนใหญ่คนที่ทำงานทำเงินไม่ได้ก็จะถูกขายต่อออกมาเป็นทอดๆ ร้านที่เปิดส่วนมากก็จะจ่ายเงินให้พวกตำรวจท้องถิ่น เวลามีการตรวจก็จะกระซิบบอกกันหรือปิดร้านไปเลยและร้านที่ตนอยู่นั้นก็กดดัน บังคับแบบทางอ้อม คือถ้าไม่ทำงานก็ไม่มีเงินกินข้าว เพราะอาหารที่ดูไบ 1 จาน ก็ประมาณ300บาทไทยและทำงานทีก็ได้ครั้งละ 240บาท เท่านั้นเอง ได้มาเจ้าของร้านก็หักเป็นค่าตัวที่ซื้อเรามา เหลือก็ให้เรานิดหน่อยเป็นการจำยอมที่ต้องทำ

ส่วนเรื่องการตายของปาล์มนั้นตนก็มองว่ามันผิดธรรมชาติหนีออกมาเพียง1วันก็ตาย ปกติถ้าโดนจับได้ เขาก็จะถามว่าจะทำงานให้หรือไม่ แต่กรณีของปาล์มอาจจะโดนมาเยอะจนรับไม่ได้แล้วไม่ยอมทำงานเลยมีจุดจบแบบนี้.

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส