“ไบร์ท นรภัทร” เผยสาเหตุเลิกแฟนสาวนอกวงการ รักอย่างเดียวไม่พอ

นักแสดงหนุ่ม “ไบร์ท นรภัทร” ที่ก่อนหน้านี้ได้ออกมาเผยถึงการจบความสัมพันธ์กับสาวนอกวงการ หลังเปิดตัวมาได้พักใหญ่ ซึ่งวันนี้เจ้าตัวก็ได้บอกถึงสาเหตุการเลิกรา 

โดย “ไบร์ท นรภัทร” ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า "สภาพจิตใจก็ดีอยู่ ได้อยู่ โอเค มันก็ต้องใช้เวลา มันเหมือนจะดีแต่ก็ไม่ดี มันมีทั้งช่วงที่ดีและไม่ดี บางวันมันก็ดี บางวันมันก็ไม่ดี เราไปเห็นอะไรมาเราก็รู้สึกไม่ดี พอเราไม่เห็นอะไรเราก็ดี ถ้าถามฮีลใจยังไงก็ทำงาน เวลามาทำงานเราก็ไม่ได้คิดหรอก แต่จะรู้สึกเวลาที่อยู่บ้าน"

"ส่วนสาเหตุที่จบความสัมพันธ์ความสัมพันธ์จริงๆ ความสัมพันธ์มันดี แต่ว่ามันไม่ใช่แค่นั้น ตนรู้สึกว่ามันไม่พอ มันไม่ใช่แค่เรื่องความรักอย่างเดียว มันคือความฝัน เป้าหมาย ทัศนคติมันไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่ดี แต่หมายถึงว่าเป้าหมายที่เราเซ็ตมันคนละแบบกัน ไม่สามารถไปด้วยกันได้"

"ซึ่งถามว่าถ้าเราอยู่กับปัจจุบันชิลๆ แฮปปี้ไปเรื่อยๆ มันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ตนเริ่มโตขึ้นเรื่อยๆ เวลามันเร็วมาก วันนั้นเราเพิ่งเข้ามาวงการอายุ 18 ตอนนี้เรา 25 แล้ว เราจะเล่นๆ เรื่อยๆ ไปอย่างนี้ไม่ได้ เราควรจะต้องคิดอะไรให้มันถี่ถ้วนและจริงจังมากกว่านี้แล้ว และตนก็รู้สึกว่า ถ้าเป้าหมายไปด้วยกันไม่ได้มันก็ไม่ได้"

เป้าหมายของเราในอนาคตที่มองไว้เป็นในรูปแบบไหน?

"เป้าหมายที่ว่ามันไม่ได้เป็นนามธรรมอะไรหรอก แต่ว่ามันคือทัศนคติของเรา เราเป็นคนมีความฝัน มีเป้าหมาย เราทะเยอทะยาน เราพยายามทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา แต่กับมายเซ็ตของเขามันอีกแบบหนึ่ง มันไม่ได้ผิดนะ มันแค่สโลว์ไลฟ์ ชิลชิล จอยๆ มันก็เป็นแนวคิดของเด็กอีกยุคหนึ่งอีกรุ่นหนึ่ง ซึ่งมันเป็นแอดติจูดของคนละเจนเนเรอชั่น"

"เรามองว่าถ้ากิดมาเพียบพร้อม คิดแบบนั้นตนก็แฮปปี้มากนะ ไม่ต้องเครียด ไม่ต้องเหนื่อย ไม่ต้องพยายามอะไร แต่ว่าเราไม่ได้โตมาแบบนั้น เราต้องไปอีก เราอยากจะอยู่ในสิ่งแวดล้อมกับคนที่อยู่กับเราตลอดเวลามันควรจะต้องเป็นคนที่เข้าใจเราว่าเราเหนื่อยขนาดนี้เพื่ออะไร เราทำมันเพื่อเป้าหมายความฝัน เราไม่ได้อยากมาเล่นๆ"

"ถ้าถามว่าเป็นการคุยกันก่อนจะเลิกไหม จริงๆ ไม่ใช่รอบแรก มันหลายรอบแล้วที่คุยกัน เราพยายามปรับกันทั้งคู่มาหลายรอบ มันหลายรอบมากๆ แล้ว แต่ว่าเราใจอ่อนทุกรอบเลย ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไร ก็ลองดู ลองแก้กันดูมาหลายรอบ จนกลืนน้ำลายตัวเอง กลืนแล้วกลืนอีก จนวันหนึ่งตนรู้สึกว่าต้องเอาจริงได้แล้ว ถ้าเรากลับไปเรื่อยๆ แบบนี้ เขาก็คงรู้ว่าเลิกแล้วเดี๋ยวเขาก็กลับมา แต่ว่ารอบนี้มันไม่ใช่แล้ว"

ถึงขั้นกลัวความรักครั้งต่อไปเลยไหม ?

"ไม่เคยกลัวเลย เพิ่งกลัว เพราะรู้สึกว่ากลัวตัวเอง ไม่ได้กลัวใครหรอก เราแค่กลัวตัวเอง คือตนเป็นคนชอบคนง่าย อยู่ด้วยกันมีเวลาด้วยกันหน่อย มีเรื่องราวสตอรี่ด้วยกันหน่อย เราก็จะรู้สึกว่าใช่แล้ว ซึ่งมันเป็นข้อเสียมาก เพราะว่ามันทำให้ตนไม่รู้จักคนๆ นั้นดีพอ"

"เพราะว่าในแวบแรกคนที่เข้ามาหาเรา หรือเราเข้าไปหาใคร มีสนทนากันแล้วต้องคุยต้องเข้าใจกัน มันไม่ใช่ความจริงเลย คือตนเป็นคนจริงมาก มีอะไรคิดอะไรก็แสดงออกไปอย่างนั้น ไม่ได้มีเลเยอร์อะไร แต่ว่ากับที่เราเจอ ทุกคนใส่หน้ากากเข้าหาเราหมด แล้วพอวันหนึ่งที่หน้ากากมันแตกออก เราถึงรู้ว่า มันอย่างนี้เหรอวะ แต่กูรักไปแล้วไง"

กลัวการเปิดตัวไหมว่ามันจะมีผลต่อความสัมพันธ์ ?
"ถ้าเรารู้จักเขาจริงๆ ตนชัวร์ 1000% ว่าเขาเป็นแบบนี้จริงๆ ไม่ได้เฟกใส่เรา เขาไม่ได้ประดิษฐ์อะไรมาใส่เรา เขาเป็นคนอย่างนี้จริงๆ ตนก็ไม่ลังเลที่จะเปิดถ้าความสัมพันธ์มันดี"

"ส่วนชื่อเสียงทำให้ต้องเลิกไหม ตนว่าไม่ได้เกี่ยว เพราะถ้าตนแคร์เรื่องนั้น คงไม่เปิดตัวแต่แรก มันคนละเรื่องกัน เราแค่รู้สึกว่าเราต้องมาทำอะไรของตัวเองจริงๆ จังๆ แล้ว เรื่องมายเซ็ต ทัศนคติที่ผ่านมาเราก็พยายามเข็นเขา อันนี้คือปัญหาจริงๆ ตนพยายามเข็นเขาว่า ไม่ได้นะ ยูต้องตั้งใจหน่อย จะเล่นๆ แบบนี้ไม่ได้นะ เขายังเด็ก ตนเข้าใจ"

"แต่ในมุมเราคิดไปว่าถ้าตอนเราอายุเท่านี้แล้วมีคนมาบอกเราแบบนี้ เราพุ่งไปเลยนะ มีทุกอย่าง อยากรู้อะไรก็ถามมา ถ้าเราไม่รู้จะไปถามคนรู้แล้วตอบให้ เราหาได้อยู่แล้ว แต่เรารู้สึกว่าพอมันผ่านไปนานๆ เข้า แล้วเขาไม่รับในสิ่งที่เราให้ไป เราก็รู้สึกว่าจะกดดันเขาไปทำไม นั่นก็คือชีวิตเขา เข้าใจว่าเราหวังดีแต่นั่นคือชีวิตเขา ไม่รับก็ไม่เป็นไร เราคิดได้ก็มาโฟกัสของตัวเองดีกว่ามั้ย ถ้าในเมื่อทัศนคติเขาไม่เหมือนกับเรา"

หลังจากนี้ต้องเลือกอายุมั้ย ไม่เด็กเกินไป ?
"ไม่เกี่ยว อายุไม่เกี่ยวจริงๆ ไปคบคนที่โตกว่ามากๆ ไม่ต่างไปจากเด็กก็มี แต่เด็กคนนี้เขาเข้าใจเรายิ่งกว่าคนที่โตกว่ามากๆ ไม่ได้มางี่เง่างอแงหึงหวงโทรตามอยู่ไหน ไม่มีเลย ไม่มีจริงๆ แต่เรื่องความสัมพันธ์ชายหญิง เขาเข้าใจดี เราทำงานต้องอยู่กับคนนี้ๆ เราไปกินข้าวกับคนนี้ๆ ต้องรู้จักกับคนนี้ เขาไม่มีปัญหาอะไรเลย เขาดีมาก ดีแบบคาดไม่ถึงทั้งที่เขาเด็ก เราจริงจังมากนะเวลาจะคุยกับใคร สุดๆ เราอยากรู้อะไรเราก็ต้องคุยกันตรงประเด็น"