พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ ฉีก MOU เดินหน้าจัดตั้ง รบ.ใหม่ ผลัก พรรคก้าวไกล เป็นฝ่ายค้านเสนอชื่อ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ ไม่หนุนแก้ ม.112
เมื่อเวลา 14.19 น. วันที่ 2 ส.ค. 66 ที่พรรคเพื่อไทย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงผลการหารือร่วมกับ พรรคก้าวไกล ซี่งมีการประชุมร่วมกันตั้งแต่เวลา 09.30 น. ที่ผ่านมา
นายประเสริฐ กล่าวว่า วันนี้ พรรคเพื่อไทยได้ประชุมกับ พรรคก้าวไกล ตั้งแต่เวลา 09.30 น. โดยใช้เวลาการประชุมนานประมาณ 2 ชั่วโมง จากนั้น พรรคเพื่อไทยได้โทรศัพท์แจ้งผลการประชุมกับ แกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล
จากนั้น นพ.ชลน่าน อ่านแถลงการณ์พรรคเพื่อไทยว่า เริ่มต้นใหม่ ร่วมผ่าทางตัน หาทางออกให้ประเทศ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกล และ พรรคเพื่อไทยได้จับมือร่วมกับ พรรคการเมือง อีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลโดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอนาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ทั้ง 8 พรรค มีข้อสรุปภายใต้การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยมีความเห็นอย่างชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ยึดมั่นในการมีสถาบันพระมหากษัตริย์ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ และไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า วันที่ 13 ก.ค.66 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนับสนุนจากรัฐสภาได้ โดยมีเพียง 324 เสียงจากที่ต้องการถึง 376 เสียง ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถ ทั้งการอภิปราย และยกมือสนับสนุน 141 เสียง แต่เนื่องจากปรากฏเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล โดยพรรคก้าวไกลรับทราบท่าทีเหล่านี้ แต่ยืนยันไม่ปรับเปลี่ยนนโยบาย จึงเป็นการแน่ชัดว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล จะไม่สามารถผ่านการลงมติเห็นชอบจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งได้ ดังนั้นที่ประชุม 8 พรรคร่วม จึงมีมติส่งมอบภารกิจแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลให้พรรคเพื่อไทย โดยเห็นชอบแนวทางให้พรรคเพื่อไทย หาเสียงสนับสนุนทั้งจากพรรคการเมืองนอกกลุ่มพรรคร่วมเดิม และสมาชิกวุฒิสภาได้
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เมื่อได้รับมอบหมายภารกิจ พรรคเพื่อไทยจึงเดินหน้าเพื่อหาเสียงสนับสนุนเพิ่มเติมทั้งจาก สว. และ สส. โดยการเชิญหลายพรรคการเมืองเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย และส่งตัวแทนรับฟังความคิดเห็นสมาชิกวุฒิสภาทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล พบว่านโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรคและบางคนแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งที่จะไม่สนับสนุนการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกลในทุกกรณี
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคเพื่อไทยได้ปรึกษาหารือกับ พรรคก้าวไกลขอถอนตัวจากการร่วมมือกัน และเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อนาย เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย และนาย เศรษฐา ทวีสิน ขอยืนยันชัดเจนว่า เราจะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม พรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียง ให้เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน และยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ในภารกิจที่สำคัญ ดังนี้
1.เราจะผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ต่าง ๆ ของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ โดยเริ่มจากมติ ครม.ในการประชุมครั้งแรก ให้มีการทำประชามติ และจัดตั้ง สสร. ให้เกิดกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างแท้จริงในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ รัฐบาลจะคืนอำนาจให้ประชาชนได้เลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
2.นโยบายที่ พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมได้นำเสนอต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งมีความคิดเห็นสอดคล้องกัน อาทิ กฎหมายสมรสเท่าเทียม กฎหมายสุราก้าวหน้า การปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ ฯลฯ ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งในแง่ภารกิจและงบประมาณ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม เป็นต้น ในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลพรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะผลักดันร่วมกับพรรคร่วมเพื่อให้นโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนดำเนินการได้ประสบความสำเร็จ
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทย ขอแสดงความจริงใจต่อเพื่อนมิตรทุกพรรคการเมือง และ สว. รวมทั้งพี่น้องประชาชนว่า นี่คือแนวทางที่จะรักษาสถาบันสำคัญของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนทั้งประเทศ และช่วยผลักดันความต้องการของประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไว้ได้ เพื่อให้ภารกิจนำพาประเทศพ้นวิกฤต สร้างสรรค์ประชาธิปไตย แก้ไขความขัดแย้ง คืบหน้าอย่างมีนัยสำคัญ ปลดพันธนาการจากกลไกที่ไม่ปกติให้คืนสู่ความปกติ และใช้ประสบการณ์ และความสามารถของบุคลากรของพรรคเพื่อไทยเร่งแก้วิกฤตเศรษฐกิจและปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชนโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่ซึ่งเป็นกติกาสูงสุดจากอำนาจประชาชน
เมื่อถามว่า พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลใหม่ มีพรรคไหนบ้างที่พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยไว้ และการ โหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค. พรรคก้าวไกลจะโหวตให้พรรคเพื่อไทยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การ โหวตนายกฯ วันที่ 4 ส.ค. เราเห็นพ้องต้องกันว่าเป็นเอกสิทธิ์ของ สส.พรรคก้าวไกล หรือเป็นมติของ พรรคก้าวไกลว่าจะลงคะแนนให้หรือไม่ลงคะแนนให้ พรรคเพื่อไทย ส่วนพรรคร่วมใหม่นั้นต้องขออนุญาตให้ข่าวต่อสื่อมวลชนภายในวันพรุ่งนี้ (3 ส.ค.) สำหรับ สว.จะโหวตให้เราหรือไม่นั้น ด้วยข่าวที่เราแถลงวันนี้ และแนวทางที่ชัดเจนต่อข้อกังวลของสส. และสว.เรามั่นใจงว่าภายใต้เงื่อนไขที่แถลงไปจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของ สว. เราพยายามลดเงื่อนไขเดิมๆ เหล่านั้นทั้งหมด เชื่อว่าน่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่ สว.ให้ความเห็นชอบกับเราได้
เมื่อถามย้ำว่า พรรคร่วมใหม่จะมี พรรครวมไทยสร้างชาติกับ พรรคพลังประชารัฐ ด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ขอให้รอวันพรุ่งนี้
ขณะที่ พรรคก้าวไกล ภายหลังการประชุมร่วมกับ พรรคเพื่อไทยนั้น พรรคก้าวไกลมีกำหนดการประชุม สส.ของพรรค ในเวลา 14.00 น. ที่อาคาร ไทยซัมมิท ทาวเวอร์ และจะมีการแถลงท่าทีของ พรรคก้าวไกล ภายหลังการประชุม สส.