“ศรีสุวรรณ” เร่ง กทม. ออกคำสั่งห้ามใช้อาคาร “แอชตัน อโศก”

1 ส.ค. 66

 

“ศรีสุวรรณ” เร่ง กทม. ออกคำสั่งห้ามใช้อาคาร “แอชตัน อโศก” ตามกฎหมาย อย่าทำตัวเป็นพ่อพระใจดี ดึงสติ กทม. ไม่ใช่หน่วยงานรัฐอิสระ            

วันที่ 1 ส.ค. 66 นาย ศรีสุวรรณ จรรยา นายกสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เปิดเผยกรณี ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเพิกถอนใบแจ้ง หรือใบอนุญาตก่อสร้างอาคารโครงการในซอยสุขุมวิท 21 ทุกใบ เนื่องจากไม่เป็นไปตามกฎกระทรวงของ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ซึ่งไม่ชอบด้วยกฎหมายว่า 

หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาแล้วเป็นหน้าที่ของ กทม.ที่จะต้องปฏิบัติ และออกคำสั่งบังคับให้เป็นไปคำพิพากษาของศาล ตามกฎหมายโดยเคร่งครัดโดยเร็ว           

นาย ศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้กรณีดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ของเจ้าพนักงานท้องถิ่นไว้ชัดเจนอยู่แล้ว เมื่อรับทราบคำพิพากษาของ ศาลปกครองสูงสุดซึ่งรับรู้กันโดยทั่วไปแล้วว่าการแจ้งการก่อสร้างอาคารดังกล่าวไม่ถูกต้อง ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามมาตรา 39 ทวิ และตามมาตรา 39 ตรี กทม.ต้องมีหนังสือแจ้งข้อทักท้วงไปยังผู้แจ้ง หรือผู้ขออนุญาตให้รีบแก้ไขให้เป็นไปตามกฎหมายภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วัน และหลังจากนั้น กทม.ต้องมีคำสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคารหรือบุคคลใดเข้าไปใช้อาคารดังกล่าว และจัดให้มีเครื่องหมายแสดงการห้าใช้อาคารไว้ในที่เปิดเผยและเห็นได้ง่าย ณ อาคารหรือบริเวณดังกล่าว ตามมาตรา 40 โดยเร็ว             

อย่างไรก็ตาม กฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนว่า หากมีความเป็นไปได้ว่าข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น สามารถที่จะแก้ไขเปลี่ยนแปลงทางเข้า-ออกอาคารให้เป็นไปตามกฎหมายหรือให้ถูกต้องได้ เจ้าพนักงานท้องถิ่นมีอำนาจสั่งให้เจ้าของอาคารยื่นคำขออนุญาตหรือดำเนินการแจ้งตามมาตรา 39 ทวิ หรือดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้ถูกต้องภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่า 30 วันในกรณีที่มีเหตุอันสมควรที่มีเหตุผลเพียงพอ เจ้าพนักงานท้องถิ่นจะขยายเวลาดังกล่าวออกไปอีกก็ได้ แต่ก็ต้องมีระยะเวลาที่ชัดเจนไม่ยาวนานจนเกินไป ซึ่งก็น่าจะไม่เกิน 45 วัน                

นาย ศรีสุวรรณ กล่าวว่า หากบริษัทเจ้าของโครงการดังกล่าว ไม่สามารถจัดซื้อจัดหาที่ดินเป็นทางเข้า-ออกอาคารกว้าง 12 เมตรขึ้นไปตามที่กฎหมายกำหนดได้ กทม.ต้องดำเนินการตามมาตรา 42 โดยเคร่งครัด คือต้องออกคำสั่งให้เจ้าของหรือผู้ครอบครองอาคาร ผู้ควบคุมงานหรือผู้ดำเนินการรื้อถอนอาคารนั้นทั้งหมด หรือบางส่วนได้ภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่ต้องไม่น้อยกว่า30 วันโดยให้ดำเนินการรื้อถอนตามหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงที่ออกตามมาตรา 8 (11) หรือข้อบัญญัติท้องถิ่นที่ออกตามมาตรา 9 หรือมาตรา 10                

ดังนั้นเมื่อ พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 มีกรอบการทำงานให้ กทม.ต้องปฏิบัติไว้ชัดเจนแล้ว กทม.จะทำตัวเป็นพ่อพระใจดี ปล่อยให้อาคารดังกล่าวใช้ประโยชน์ต่อไปโดยไม่มีกรอบระยะเวลาที่ชัดเจน โดยไม่ออกคำสั่งใดๆ ตามขั้นตอน วิธีการตามที่กฎหมายกำหนดไม่ได้ อย่าลืมว่า กทม.ไม่ใช่หน่วยงานรัฐอิสระ หากแต่ยังมีองค์กรหรือหน่วยงานตรวจสอบ กทม.อยู่ คือ ป.ป.ช.และหรือศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม