รวบ "เบียร์ ดอนเมือง" จอมปีนฝ้าละเมิดเด็กหญิง จนไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ

30 ก.ค. 66

รวบ "เบียร์ ดอนเมือง" จอมปีนฝ้าหนีระหว่างจับกุม คดีละเมิดเด็กหญิง 13 ปี ทำเจ้าตัวไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อ อ้าง ไม่ได้ล่วงละเมิด

เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2566 พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ชุด PCT5 , สืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัว นายพิเชษ สองพล หรือ “เบียร์ ดอนเมือง” อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีที่ 226/2566 ลงวันที่ 24 ก.ค. 66

ข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นยินยอมหรือไม่ก็ตามโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู๋ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”

โดยจับกุมตัวได้ที่ หน้าบ้านเลขที่ 63/10 ม.6 ต.บางพูด อ.เมือง จ.ปทุมธานี

พบประวัติต้องโทษคดีอาญา 3 คดี

1.วันที่ 10 ส.ค. 55 ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองฯ” พื้นที่ สภ.สามโคก

2.วันที่ 6 ก.พ. 56 ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1” พื้นที่ สภ.สามโคก

3.วันที่ 25 เม.ย. 66 ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี” พื้นที่ สภ.สวนพริกไทย (คดีนี้)

พฤติการณ์กล่าวคือ นายพิเชษ สองพล หรือ “เบียร์ ดอนเมือง” ได้คบหากับหญิงสาวคนหนึ่ง โดยอยู่กินด้วยกัน ซึ่งบ้านอยู่ใกล้กันกับบ้านของ “เหยื่อ” เด็กหญิงสาวซึ่งอายุเพียง 13 ปี โดย นายพิเชษฯมักไปมาหาสู่และพบกันบ่อยครั้งกับเหยื่อหญิงสาวรายนี้โดยผิวเผินนั้นก็ดูเป็นเพียงผู้ใหญ่กับเด็กหญิงสาวทั่วไป หากแต่ในทุกครั้งที่ นายพิเชษฯ ได้พบกับเหยื่อหญิงสาวรายนี้ นายพิเชษฯ จะพยายามล่วงละเมิดทั้งทางกายและวาจา

กล่าวคือ จะพยายามจับต้องร่างกาย ลูบขา ลูบหน้าอก หรือบางครั้งรุกรามไปถึงการล้วงอวัยวะเพศของเหยื่อหญิงสาวรายนี้อยู่ตลอดเวลาเมื่อสบโอกาส ซึ่งเหยื่อเด็กหญิงรายนี้ต้องทนทุกข์ทรมานใจเป็นอย่างมาก เพราะความสัมพันธ์ของผู้ล่วงละเมิดนั้นเป็นญาติใกล้ตัว ไม่สามารถจะบอกใครได้ อีกทั้งที่อยู่อาศัยยังใกล้กับบ้านของนายพิเชษฯ จำใจต้องทนทุกข์ทรมานไม่ต่างจากนรก และด้วยวัยเพียง 13 ปี ทำให้เธอ “พยายามฆ่าตัวตาย” อยู่หลายครั้ง

กระทั่งญาติของเธอได้สังเกตถึงความผิดปกติจึงได้จูงมือเหยื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับในที่สุด ซึ่งเมื่อเจ้าตัวทราบได้หลบหนีไปผลุบๆโผล่ๆไม่ต่างจากผีไร้ศาล แต่ก็ยังพยายามที่จะไปดักพบกับเหยื่อหญิงสาวรายดังกล่าวอยู่ตลอด  ซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการออกหมายจับ นายพิเชษฯ ในที่สุดซึ่งต่อมาเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่างพยายามระดมกำลังติดตามตัว นายพิเชษฯ อยู่ตลอดเพราะเข้าใจถึงหัวอกของครอบครัวเหยื่อเป็นอย่างดี

หากแต่ว่าการติดตามจับกุมนั้นไม่สามารถจับกุมตัวได้สักที แม้จะสืบทราบแล้วว่าอยู่ที่ใดแต่เมื่อเดินทางไปตรวจสอบ ตัวนายพิเชษฯ ก็หายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย กระทั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.สวนพริกไทย ได้ประสานมายัง “สืบนครบาล” ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบนครบาลพร้อม “นักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110” นักสืบรุ่นใหม่ไฟแรงลงพื้นที่ติดตามจากเบาะแสเดียวที่มีคือ “นานๆจะกลับมาหาแฟนสักครั้ง” เฝ้าแฝงตัวในชุมชน เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์กระทั่งในคืนวันที่ 28 ก.ค. 66

พล.ต.ต.ธีรเดชฯ รับแจ้งเบาะแสสำคัญว่า นายพิเชษฯ ได้กลับมาหาแฟนสาวในชุมชนอีกครั้ง ไม่รอช้า นำกำลังเข้าไปปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวทันที แต่เมื่อได้เคาะประตูเรียกปรากฏว่าภายในบ้านไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด ซ้ำยังพยายามปิดไฟภายในบ้านหมดทำเสมือนว่าไม่มีคนอยู่ภายในบ้าน ชุดสืบสวนจึงนำกำลังปิดล้อมเกลี้ยกล่อมนายพิเชษฯ อยู่เป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง กระทั่งตัวแฟนของนายพิเชษฯ ได้ยอมให้ผู้นำชุมชนเข้าตรวจสอบภายในบ้าน แต่ก็ “ไร้เงา” นายพิเชษฯอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนเช่นเดิมทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

แต่แล้วสัญชาติญาณหมาล่าเนื้อของทีมสืบนครบาลไม่ธรรมดา สะกิดใจ “ขอเปิดฝ้า” ซึ่งเมื่อเปิดฝ้าดูก็โป๊ะแตก เจ้าตัว นอนขุดคู้ซ่อนตัวอยู่บนฝ้าเพดาน ซึ่งสุดท้ายเจ้าหน้าที่เกลี้ยมกล่อมจนยินยอมลงมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการจับกุมตัวตามหมายจับ โดยขณะจับกุมเหล่าชาวบ้านในชุมชนต่างให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ถึงวีรกรรมของนายพิเชษฯ ว่ามีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กหญิงอีกหลายคน

ในชั้นจับกุม นายพิเชษ สองพล ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนไม่ได้มีอะไรกับเด็กคนนั้นเลย โดยเมื่อประมาณปลายเดือน เม.ย. 66 ช่วงนั้นโรงเรียนปิดเทอม เด็กคนนั้นก็พักอยู่บ้านเดียวกับตน เพราะเกี่ยวข้องกันเป็นหลานของเมีย วันนั้นประมาณ 10 โมง เด็กคนนั้นก็อยู่บ้านกันสองต่อสอง ตนก็ใช่ให้ช่วยยกพัดลมเข้ามาในห้องเพราะอากาศมันร้อน เด็กคนนั้นก็ช่วยตนยกพัดลมเข้ามาในห้อง

ตอนนั้นตนก็ได้แตะเนื้อต้องตัวเด็กคนนั้นไปนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำมิดีมิร้าย ก็มีแม่เลี้ยงของเด็กคนนั้นเข้ามาเห็นแล้วก็โวยวายว่าตนจะทำอะไรเด็กคนนั้น ตนก็บอกว่าไม่ได้ทำอะไร แต่แม่เลี้ยงก็ไม่เชื่อจะพาเด็กคนนั้นไปแจ้งความจับตน ตนก็บอกว่าอยากให้จบเรื่องโดยได้เสนอเงินให้จำนวน 15,000 บาท คุยกันไปคุยกันมาแม่เลี้ยงคนนั้นก็ไม่เอาแล้วก็พาเด็กคนนั้นไปแจ้งความ ตนจึงได้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่าแถวดอนเมืองเพื่อไม่ให้เรื่องมันบานปลาย แต่ตนก็ยังยืนยันว่าไม่ได้ทำมิดีมิร้ายต่อเด็กคนนั้น” นำตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวนพริกไทย ดำเนินคดีตามกฎหมาย

พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “จากการตรวจสอบคนร้ายรายนี้เป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีลักษณะของอาการ “ใคร่เด็ก” และยิ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเด็กหญิงรายใด ต้องถือว่าเด็กคนนั้นตกอยู่ในอันตราย  ชุดสืบสวนสามารถจับกุมผู้ต้องหาถือว่าน้องสามารถใช้ชีวิตโดยปลอดภัย  จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนคนที่ที่บุตรหลานของท่านเคยตกเป็นเหยื่อของคนร้ายรายนี้ โปรดแจ้งเบาะแสมาที่เราทางเพจเฟสบุ๊ค สืบนครบาล IDMB เรามีเจ้าหน้าที่ตลอด 24 ชั่วโมง และแม้จะไม่ใช่คดีอุกฉกรรจ์ แต่หากเป็นความเดือดร้อนของประชาชน เราทำทันที ตามนโยบายของ พล.ต.อ.ดํารงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. และ พล.ต.ท.ธิติ สงสว่าง ผบช.น.”

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส