"อั๋น ภูวนาท" รู้สึกเซ็ง หลัง "พิธา" ชวดนายกฯเชื่อโหวตครั้งต่อไปไม่ต่างจากเดิม

15 ก.ค. 66

อั๋น ภูวนาท เซ็งหนัก! หลัง พิธา ชวดนายกฯ เชื่อโหวตครั้งต่อไปไม่แตกต่างจากเดิม พร้อมเตือนอย่าลืมคนที่ประกาศวางมือ


เรียกว่าเป็นเรื่องที่ทุกคนยังติดตาม จับตามองมากๆสำหรับการเลือกนายก และการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งการโหวตครั้งแรก พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ชวดตำแหน่งนายกฯไป ด้านพิธีกรชื่อดัง อั๋น ภูวนาท ก็เป็นคนที่ออกมาวิเคราะห์เรื่องนี้ด้วย ทางอมรินทร์ทีวีจึงได้ไปถามมุมมอง และการคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตว่าเป็นยังไงบ้าง

อั๋น ภูวนาท

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้ไปพูดคุยกับพิธีกรชื่อดัง อั๋น ภูวนาท เพื่อถามมุมมองหลัง พิธา ชวดนายกฯ ในการโหวต ด้าน อั๋น ได้เผยว่า สำหรับเมื่อวานก็เซ็ง ตนคิดว่าเขาสมควรจะต้องได้ในสถานการณ์ปกติ แต่เราก็ต้องรู้ก่อนว่าเราอยู่ในสถานการณ์ไม่ปกติ และมันมาพร้อมกติกาที่ไม่ปกติ เราก็รู้กติกานี้ก่อนที่จะลงแข็งในเกมส์นี้กันอยู่แล้ว และเราก็รู้อยู่แล้วว่าตัวเลข 376 คือตัวเลขที่ต้องทำให้ได้ พูดตรงๆสำหรับตนก็เดาว่ามันไม่ถึงตั้งแต่แรก เพราะฉะนั้นก็ไม่ได้เหนือความคาดหมาย แต่ก็หวังปฏิหาริย์ว่ามันอาจจะไม่แน่

ซึ่งปฏิหาริย์มันคือ ส.ว.พอตั้งสติคิดก็รู้ว่าหวังได้เหรอ เพราะเรารู้ที่มาของเขาอยู่แล้วว่ามาจากไหน เขาก็คงจะทำอย่างที่เขาทำ เราก็แอบเชื่อไปเองแบบโลกสวยว่าส.ว.เขาคงทำเพื่อประเทศชาติ และตัวเขาเองก็คงเชื่อว่าตัวเองทำเพื่อประเทศชาติเหมือนกัน คือต่างฝ่ายต่างมีเหตุผลของตัวเอง เป็นความเชื่อที่แตกต่าง สุดท้ายเมื่อมันจบที่กติกาก็ต้องทนจนกว่ากติกานี้จะจบ

อั๋น บอก เขาถึงพูดว่าแลนด์สไลด์ ที่เขาพูดกันตอนหาเสียงเราก็ไม่ฟังกันเอง มันไม่ได้แปลว่าเพื่อไทยพูด คือทุกคนพูดว่ามันต้องเยอะมากพอ ไม่งั้นก็จะติดเงื่อนไขที่อันเอาไม่ออก ทุกวันนี้ตนก็ไม่รู้จะออกยังไง มันเดายากมาก มันอาจจะไปออกอิหลอบที่เราไม่อยากได้

อั๋น ภูวนาท

ถามต่อ สาเหตุที่ทั้งส.ส.แล้ว ส.ว.ไม่โหวตให้ พิธา ?
อั๋น บอก ประเด็นแรกคือที่มาของเขา เขาคงเชื่อในสิ่งที่เขาพูด ส่วนใหญ่คือ ม.112 บังเอิญตนก็เห็นด้วยกันการพูดคุยกันเรื่องม.112 ตนไม่ได้บอกว่าต้องแก้ แต่ตนบอกว่าต้องคุย ซึ่งถ้าคุยแล้วต้องแก้ ก็ต้องแก้ แต่ถ้าคุยแล้วไม่แก้ก็ไม่ต้องแก้ ย้ำแต่ต้องคุย และไม่ใช่ห้ามพูด ตนเชื่อประเทศนี้ไม่มีอะไรที่เป็นปัญหาแล้วห้ามพูด ตนเลยไม่รู้ว่ามันเป็นอะไรกันมากมายกับม.112 ตนเข้าใจที่คนบอกว่าการประชุมเมื่อวานให้มองเป็นการเลือกนายก

แต่กลับมีแต่การคุยเรื่องม.112 ตนเข้าใจว่ามันคือคุยกันเรื่องฝ่ายบริหาร แต่ทำไมเอาเหตุผลฝ่ายนิติบัญญัติมาตัดสินใจเลือกคนที่มานั่งในฝ่ายบริหาร แต่เข้าใจอีกว่าทุกอย่างมันไม่สามารถแยกกันได้อย่างเด็ดขาด แต่ตนว่าปัญหาของประเทศไทยคือไม่ฟังกัน มันก็ยากที่จะพูด เพราะประเทศเรามันมีเรื่อง คิด รู้สึก เชื่อ แต่ไม่กล้าพูด เอาเป็นว่าถ้าการเลือกนายกฯเมื่อวานนี้เป็นแบบไม่ต้องขานชื่อ คะแนนจะไม่เป็นแบบนี้

อั๋น ภูวนาท

ส่วนของส.ว.ที่มีการโหวตเห็นชอบ มันสะท้อนให้เห็นอะไรไหม?
บอกตนเข้าใจในความเป็นอิสระของส.ว. เขาอาจจะไม่ถูกครอบงำก็ได้ เขาอาจจะเชื่อแบบนั้นจริงๆ มันเป็นสิทธิ์ของเขา เพียงแต่ว่าปัญหาคือคนที่คิดว่าให้ส.ว.250คน มามีสิทธิ์ในการโหวตนายก ตนคิดเจตนาทันคืออะไรถึงทำสิ่งนี้มาตั้งแต่ตอนแรก มันไม่ควรมีสิ่งนี้ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ไม่ฉะนั้นมันจะเกิดคำถามกับคนรุ่นใหม่ที่ถามว่าเราจะตื่นไปเลือกตั้งทำไม ใช้งบ6พันล้านทำไม ในเมื่อมีเจตจำนงของประชาชนที่ชัดเจนออกมา แต่สุดท้ายจบลงที่ความเห็น250คนยิ่งใหญ่กว่า

สำหรับวันนี้ที่ก้าวไกลจะยื่นเรื่องเสนอแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องส.ว.ในการโหวตเลือกนายก ตนว่าเขามีสิทธิ์ที่จะเสนอได้อยู่แล้ว แต่ตนว่าโอกาสในการที่จะสามารถแก้มันว่าไม่น่าเกิดขึ้น เพราะเงื่อนไขเยอะจะตาย บางคนอาจจะคิดว่าทำไมไม่ทำตั้งแต่แรก แต่พอเข้าไปดูลายละเอียด มันทำยากมาก แต่ตนคิดว่าเขาต้องทำให้เห็นว่าเขาพยายามถึงที่สุด ในมุมของเราในฐานะผู้ชมมันก็ทำให้ได้ความรู้ บอกเมื่อวานก็เผลอโกรธ ถึงกับหยุดรถไลฟ์เลย ก็มาดูว่ามันคือยังไง เขาก็มีความเชื่อของเขา ซึ่งเราก็รู้ว่ามันมี3เงื่อนไข หนึ่งคือต้องได้376เสียงถึงจะแก้ม.272 ปิดสวิตซ์ส.ว. ซึ่งมันก็ยากแล้ว เพราะ1ใน3ของคะแนนต้องมาจากส.ว. คือ84เสียง

ซึ่งเอามาจากไหนเมื่อวานยังได้แค่13เสียง และยังไม่พอใน376เสียงต้องประกอบไปด้วยเสียงจากฝ่ายค้านอีก20เปอร์เซ็นต์ คุณต้องได้3ส่วนนี้ถึงจะแก้รัฐธรรมนูญได้ ยากกว่าการโหวตนายกอีก เขาก็คงหวังว่าส.ว.ที่งดออกเสียงก็มาช่วยตรงนี้สิ ซึ่งสำหรับตนงดออกเสียงก็เท่ากับโหวตไม่เห็นชอบ เลยทำให้ตนคิดว่าปิดสวิตซ์ม.272 ไม่น่าจะสำเร็จ

อั๋น ภูวนาท

ในการโหวตครั้งหน้าจะเป็นในแนวทางไหน?
“อั๋น” บอก วันที่19 กรกฎาคมนี้มันจะเกิดขึ้นหรือเปล่า ตนว่ามันเร็วไป ตนว่าก็น่าจะเป็นการใส่ชื่อ”คุณพิธา”อีกครั้งให้มันแล้วใจ ให้มันสิ้นสงสัยของคนที่รักเขามาก แบบมา2ครั้งแล้วมันสุดทางแล้ว ซึ่งด้วยเวลาที่มันเร็วไป ยังไม่ได้ไปดีล ไปคุย ไปขอคะแนน ยังไม่มีโอกาสนั้นเลย สิ่งที่น่ากลัวอาจจะได้น้อยกว่าเดิม จะมองว่าหน้าแหกก็ได้ และอีกอย่างคือวันที่19 เป็นวันที่ศาลรัฐธรรมนูญก็จะพิจารณาเรื่องหุ้น itv พอดี เขารับเรื่องไปแล้วในเชิงธุรการ แล้ววันที่เขาจะพิจารณาแล้วมีการประชุมกัน เป็นไปได้อย่างสูงมากว่าจะพิจารณา แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตัดสิน

ซึ่งแค่เข้าสู่ขบวนการพิจารณา ก็จะมีการประกาศให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ส.ส. ถ้ามันเกิดขึ้นพร้อมกัน วันนั้นเราจะเห็น”คุณพิธา” ยืนขึ้นและต้องเดินออกจากรัฐสภาไป แบบที่เคยเกิดขึ้นกับ”คุณธนาธร” มันจะเป็นภาพเดิม ตนเลยมองว่าวันที่19เสี่ยง เลื่อนหน่อยไหม แต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน คิดไม่ออก มันงง เราเลือกมาแล้ว และจริงๆประชาธิปไตยต้องเรียบง่าย บอกโกรธได้ แต่ไม่ต้องแค้น จำไว้ให้ได้ว่าเจตนาของคนที่ทำกติกาแบบนี้คืออะไร

บอกก่อนจะโหวตครั้งที่2 ตนก็ไม่รู้เหมือนกันว่า”คุณพิธา” จะเอาเสียงเพิ่มมาจากไหน ตนว่าส.ว.ไม่เปลี่ยนใจ จะไปดีลพรรคอะไรเพิ่มก็ยาก คือจุดแข็งและจุดขายของพรรคก้าวไกล ก็คือจุดอ่อนของเขา เพราะฉะนั้นถ้าเขาตัดสินใจว่าเขากำจัดจุดอ่อน เช่น ลดเรื่องม.112 ซึ่งคือจุดแข็งของเขา เรียกว่าอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก บอกมันดูเหมือนปลายทางสุดท้ายก้าวไกลจะต้องเป็นฝ่ายค้าน

อั๋น ภูวนาท

สำหรับตนถ้าเอา พิธา ไปโหวตแบบเดิมภายใต้เงื่อนไขเดิม ดีสุดก็ได้แบบเดิม แต่ตนว่ามันอาจจะน้อยกว่าเดิมก็ได้ ซึ่งถ้าเปลี่ยนเป็น คุณเศรษฐา คะแนนก็ไม่หนีจากเดิม ไม่ถึง376 ตนก็ไม่รู้ แต่อยากให้8พรรคจับมือ อยากเห็นภาพนี้ มันทำให้พลังบวกของประเทศมันดีต่อใจ แต่ถ้าเขายังจับมือการจัดตั้งรัฐบาลก็ยังไม่เกิดขึ้น ตนคิดว่ามันคือจุดที่ไม่มีทางลง

สำหรับผลการโหวตครั้งนี้มันก็เป็นจุดเปลี่ยนตรงที่ว่าคนฉลาดขึ้น อย่าท้อ การเลือกตั้งครั้งหน้ายิ่งต้องไป และไปให้ถล่มทลาย เพียงแต่ต้องเลือกอย่างชาญฉลาด ดูเหตุผล เลือกพรรคที่ใช่ และ4ปีข้างหน้าก็จะคนอีกเจนเนอเรชั่นเข้ามาอีกประมาณ7ล้านกว่าคน เสียงเท่านี้เปลี่ยนเกมส์ได้เลย เพราะเป็นคนรุ่นใหม่ที่คิดไม่เหมือนคนรุ่นใหญ่

ถ้าพิธาไม่ได้เป็นนายกจะมีการชุมนุมกันอีก?
อั๋น บอก ตนไม่แน่ใจว่าจะเยอะกว่าก่อนไหม แต่การลงถนนมีแน่นอน ไม่รู้ว่ามันจะยิ่งใหญ่พอในการทำแรงกระเพื่อมสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งมันเกิดขึ้นยากในยุคนี้ เรื่องความรุนแรงตนก็ไม่รู้ แต่ไม่อยากให้มี ต่อให้คนลงถนนแต่ตนว่าไม่น่าจะแรงมาก ไม่กล้าเดา ยังฟันธงอะไรไม่ได้ ย้ำถ้าเป็นการลงถนนเพื่อแสดงออกจุดยืนในขอบเขตที่เหมาะสมตามกฎหมาย นี่คือวิถีของประชาธิปไตยตามปกติ สามารถทำได้

พร้อมทิ้งท้ายว่าถ้าคุณยกระดับความรุนแรงเร็ว อย่าลืมว่าคนที่ประกาศวางมือทางการเมืองไป มือเขายังแตะอยู่ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งสามารถประกาศภาวะฉุกเฉินได้ แปลว่าเขาสามารถทำอะไรคล้ายๆกฎอัยการศึก มันก็วนเข้าแบบเดิม

อั๋น ภูวนาท

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวบันเทิง เป็นกระแส