“อุ๊ หฤทัย” ฟันธง! ล้านล้านเปอร์เซ็นต์ “พิธา” ไม่ได้เป็นนายกฯ แน่นอน

“อุ๊ หฤทัย” ฟันธง! “พิธา” ไม่ได้เป็นนายกฯ แน่นอน ไม่ว่าจะลงคะแนนอีกกี่ครั้ง เชื่อเพื่อไทยจะเป็นรัฐบาล ที่โหวตให้เพราะรักษามารยาท

หลังจากที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ไม่ผ่านการโหวตรับรองการเป็นนายกรัฐมนตรี โดยได้คะแนนเสียงจาก ส.ส.และ ส.ว. รวมกัน 324 เสียง ไม่ถึงครึ่งหนึ่ง จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมายจากประชาชน

ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้ไปพูดคุยกับศิลปินรุ่นใหญ่อย่าง “อุ๊ หฤทัย” เพื่อพูดคุยถึงมุมมองของการโหวตนายกรัฐมนตรีในวันนี้ ซึ่งเจ้าตัวได้เผยว่า “พิธา”ไม่ผ่านด่าน ส.ว. เราก็ต้องมาดูกันว่าทำไมเขาถึงไม่สนับสนุนนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี ตรงนี้คนรุ่นใหม่ที่ติดตามการเมืองอาจจะงง แต่ในความคิดเห็นส่วนตัวของตน เข้าใจว่าทำไม ส.ว.ไม่โหวต เพราะว่า

ประเด็นแรก นายพิธาและพรรคก้าวไกล มีนโยบายในการแก้มาตรา 112 ซึ่งมันเป็นหมวดความมั่นคงของชาติ ซึ่งมันเป็นเรื่องสำคัญมาก เพราะถ้าชาติไม่มีความสงบ สันติ มีความขัดแย้ง คุณจะไม่มีเสรีภาพ ไม่มีประชาธิปไตย ไม่มีทางทำมาหากินได้ บนประเทศที่ลุกเป็นไฟ และถ้า ม.112 ถูกยกขึ้นมาแก้ เท่ากับไปดึงสถาบันลงมาเป็นคู่ขัดแย้งกับราษฎร และทำให้เสาหลักในการยึดโยงคนไทยให้แตกแยกกัน ประเทศก็สั่นคลอน

ประเด็นที่ 2 ที่ ส.ว.ไม่โหวตให้นายพิธา คือจุดยืนในการแสดงออกของเขามีปัญหาในเรื่องของการดุลอำนาจระหว่างประเทศ การเมืองระหว่างประเทศ ที่โอนเอียงอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งจะนำพาประเทศไปสู่จุดเสี่ยง เขาไม่ยอมเข้าใจว่าจุดยืนประเทศไทยเราต้องเป็นมิตรกับทุกประเทศ ทั้งอเมริกา จีน รัสเซีย ตะวันออกกลาง เราจะไม่เลือกข้าง แต่จุดยืนของเขาไปเข้าข้างความขัดแย้ง แล้วคนที่ชอบพูดว่าประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ซึ่งมันจริงแต่มันแค่กระพี้เดียว ซึ่งนายพิธาก็เหมือนกัน ด้วย 2 เหตุผลนี้คือสิ่งที่ทำให้นายพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ และไม่ได้โหวตจาก ส.ว.

แล้วที่คนพูดว่า ส.ว.ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง คนรุ่นใหม่อาจจะไม่รู้ว่าในอดีต ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้งสร้างความผิดพลาดให้กับกลไกกระบวนการยุติธรรม ฝ่ายนิติบัญญัติพยายามทำลายกลไลอำนาจตุลาการ เข้าไปแทรกแซงอำนาจ ส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง ถูกซื้อโดยพรรคการเมือง เขาถึงไม่ให้ ส.ว.มาจากการเลือกตั้งในอดีต เพราะคนไทยยังไม่มีวุฒิภาวะในการเลือก ส.ว. ซึ่ง ส.ว.ต้องมาจากการคัดสรรมันถูกต้องแล้ว

เมื่อถามว่าให้วันนี้เป็นการโหวตเลือกนายกฯ ไม่ได้เป็นการโหวตเพื่อแก้กฎหมาย “อุ๊” บอกว่า คุณเขาไปก็ไปแก้กฎหมายอยู่ดี แล้วตอนเดินหาเสียงคุณก็พูดเรื่องแก้ ม.112 ทุกวัน นอกจากนี้เรื่องนโยบายคุณก็ทำไม่ได้ ค่าแรง 450 เพราะธุรกิจมันพัง ประเทศก็ฉิบหาย เหมือนคนถังแตก และหุ้นถึงได้ตก นอกจากนี้นายพิธาก็ยังมีคดีที่ยังไม่เคลียร์ สำหรับตนคนที่อยากให้เป็นนายกฯ ต้องมีมาตรฐานที่ดี ตนก็สามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่า ทำไมนายพิธาเอาบริษัทที่ใกล้จะเจ๊งแล้วไปแอดวานซ์เอาเงินจากธนาคารมา 450 ล้าน แล้วไปให้คนอื่นกู้ ตนสามารถตั้งข้อสังเกตได้ว่ามันคือการโกงธนาคารหรือเปล่า คนแบบนี้จะให้มาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ยังไง ในส่วนของหุ้นไอทีวี ตนมองว่าถึงแม้จะบอกว่าไม่ได้เป็นสื่อ ไม่ได้ผลิตสื่อ แต่มันก็ยังมีกำไร มีเงินเข้ามา แล้วถ้าในอนาคตกลับมาผลิต จะทำยังไง เรื่องนี้นายพิธาก็มีบทเรียนจาก "ธนาธร" มาแล้ว แต่ก็ยังทำอีก แสดงถึงความไม่รอบคอบ แล้วต่อไปจะทำสัญญาระหว่างประเทศได้ยังไง เรื่องหุ้นสื่อใครๆ ก็รู้ ทำไมไม่เคลียร์หุ้นก่อนลงเล่นการเมือง ตนเลยมองว่าคนอื่นเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า

สำหรับคะแนนโหวตที่ได้ เป็นตามที่คาดการณ์ไหม “อุ๊” บอกว่าใช่ เดี๋ยวเขาก็คงเสนอชื่อพิธาแล้วก็โหวตกันอีก ระหว่างนี่ถ้าให้คาดการณ์ก็คงจะมีการระดมมวลชน เรียกม็อบ สุดท้ายตนอยากจะฝากบอกด้วยว่า การระดมมวลชน การทำม็อบ ไม่ใช่เรื่องง่าย เป็นเรื่องยากมากที่คนจะออกมาเป็นล้าน

บอกเรื่องของ ส.ว.บางคนที่โหวตเห็นชอบสำหรับตนมันแสดงให้เห็นว่า ไม่มีใครมาบังคับ ส.ว.ได้ ถ้าบังคับได้ก็ต้องบังคับได้ทั้งหมด ทำไมมีคนเห็นชอบเลือกพิธา แสดงว่าไม่มีใครเอาปืนไปจ่อ หรือถูกเผด็จการครอบ มันไม่มี ตรงนี้มันพิสูจน์แล้วว่ามันคือสิทธิของเขา และตนมองว่าโหวตครั้งต่อไปก็จะมีการเสนอนายพิธาอีก แต่ระหว่างจะถึงวันโหวตเราก็จะได้เห็นทีท่าของพรรคก้าวไกล หรือพิธาเอง ออกมาปลุกเร้า แต่ยิ่งปลุกเร้าเท่าไหร่ก็ไม่เป็นผลดีกับพรรคก้าวไกลเอง เพราะการปลุกระดมม็อบมันมีโทษ

บอกสำหรับโหวตครั้งที่ 2 ตนก็ยังมองว่านายพิธาไม่ผ่านแน่นอน ลองคิดดูว่าพรรคก้าวไกลเขามีเสียงไม่พอ ต้องมีตัวช่วย และในอนาคตถ้าเสนอชื่อซ้ำๆ แล้วไม่ได้ คนเขาจะไม่เปลี่ยนใจเหรอ มีโอกาสแน่นอน และวันข้างหน้าพรรคอันดับ 2 อย่างเพื่อไทยก็จะฟอร์มรัฐบาลสำเร็จ เพราะเขาไม่ได้มีปัญหากับการแก้ ม.112 และมีสัมพันธ์ที่ดีกับพรรคที่ไม่สนับสนุนก้าวไกล เช่น พลังประชารัฐ ก็เป็นลูกหม้อของเพื่อไทย เขาตกลงกันได้ สุดท้ายเพื่อไทยขึ้นมาเป็นรัฐบาล ก็อาจจะเจอม็อบด้อมส้ม แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย

ถ้าครั้งหน้าถ้า "พิธา" อยากได้โหวต ควรวางเกมแบบไหน หรือควรทำยังไง “อุ๊” มองว่ามันบานปลายมาแล้ว ไม่ทันแล้วที่จะวางเกม หรือหาวิธีใดๆ มาช่วยแล้ว ตนมองว่าอุดมการณ์ของพิธาและพรรคก้าวไกลมันก็ดูดี แต่ทำไมไม่เป็นตัวของตัวเองตั้งแต่แรก ทำไมถึงปล่อยให้ "ธนาธร" หรือ "ปิยบุตร" ครอบ เห็นไหมว่ามันไม่เป็นผลดีเลย ถ้าทำในแบบของตัวเอง เหตุการณ์ปัจจุบันคงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง พูดตรงๆ ถ้าไม่ติด ม.112 “พิธา” ขึ้นเป็นนายกฯ ใสๆ เลย แต่ก็จะโดนเรื่องคดีอื่นๆ หรือสัญญาของตัวเองที่ให้กับมวลชนกลับมากดดันอยู่ดี การที่จะมาตรงจุดนี้คุณต้องรู้ว่าต้องถูกขุดคุ้ยทุกเรื่องในอดีต

ตนฟันธงเลยว่าไม่ว่าจะโหวตครั้งไหน "พิธา" ก็ไม่ได้เป็นนายก" ให้ล้านล้านเปอร์เซ็นต์เลย ย้ำความมั่นคงต้องมาก่อน เสรีภาพไม่ได้สำคัญเท่าความมั่นคงของชาติ

“อุ๊” ยังเผยอีกว่า ถ้าพิธาเป็นนายกฯ มีความเป็นไปได้ว่าประเทศไทยอาจจะกลายเป็นสงครามตัวแทน แต่ถ้าหากพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ ก็เกิดม็อบ แต่ไม่ลุกเป็นไฟ เพราะมันมีกระบวนการทางกฎหมายในการควบคุมดูแล คุกไม่ได้มีไว้ขังหมา ไม่งั้นใครจะปล้น จะเผาได้เหรอ กฎหมายกระบวนการยุติธรรมของไทยแข็งแกร่ง แล้วยิ่งถ้าเจอรัฐบาลพรรคเพื่อไทย คุณจะเจอของหนัก คอยดูว่าจะเป็นไปอย่างที่ตนพูดไหม ส่วนที่บอกว่าจะเกิดม็อบที่คนเยอะกว่าเดิม ตนมองว่ามันไม่ใช่เยอะอย่างเดียว แต่มันต้องเยอะ แล้วอยู่ปักหลัก เป็นล้านแต่กลับบ้านมันไม่สามารถทำอะไรได้ มันต้องมาเพื่อกดดัน และม็อบที่ถูกต้องตามกฎหมาย ต้องเป็นการชุมนุมด้วยสันติภายใต้กฎหมาย แต่ถ้าใช้ความรุนแรงเหมือนที่ผ่านมา เขาก็มีการใช้มาตราการได้ตามอำนาจรัฐ ฟันธงม็อบอาจจะออกมาเยอะ แต่มาแล้วกลับบ้าน ไม่ปักหลัก เป็นปีแบบ กปปส.ยังไม่ชนะรัฐบาลเลย 7 เดือน ชัตดาวน์กรุงเทพฯ ยังไม่ชนะ

สุดท้ายเรื่องการเมืองไทยตนจะสรุปให้ว่า มันเห็นกันชัดเจนอยู่แล้วว่าพรรคเพื่อไทยเขาได้เป็นอันดับ 2 แต่เขามาสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ คุณได้อันดับหนึ่งไม่ได้หมายความว่าจะเป็นรัฐบาลได้ คุณอย่าเข้าใจผิด ที่เพื่อไทยโหวตให้เป็นเพราะรักษามารยาท แล้ว ส.ว.ก็ยกมือให้ ตนให้ล้านเปอร์เซ็นต์ว่าพรรคเพื่อไทยได้ แต่ใครจะเป็นนายกฯ ก็อยู่ที่ว่าจะเสนอใครมา ส่วนที่พิธาบอกว่ารอได้ 4 ปี ยอมเป็นฝ่ายค้านได้ แล้วค่อยมาเป็นนายกฯ สมัยหน้า ก็แล้วแต่ เป็นเรื่องของ 4 ปีหน้า แต่สมัยนี้ไม่ได้