สภากาชาดไทย ฉีดวัคซีน ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ให้เด็กค่ายผู้ลี้ภัยราชบุรี

12 ก.ค. 66

 

สภากาชาดไทย รุกฉีดวัคซีน HPV ป้องกัน มะเร็งปากมดลูก ให้เด็กในค่ายผู้ลี้ภัย จ.ราชบุรี ตามพันธกิจส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดี 

วันที่ 12 ก.ค. 66 นาย กฤษฎา บุญราช ผู้ช่วยเลขาธิการ สภากาชาดไทย พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ สภากาชาดไทยลงพื้นที่ อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี ตรวจเยี่ยมการให้บริการฉีดวัคซีนปัองกันมะเร็งปากมูด (HPV) แก่กลุ่มนักเรียนหญิงอายุระหว่าง 9-15 ปี ใน จ.ราชบุรี รวมทั้งกลุ่มเด็กหญิงที่ไม่มีสัญชาติไทย และบุตรคนต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารพิสูจน์สถานะตนเอง 

สภากาชาดไทย รุกฉีดวัคซีน HPV ป้องกัน มะเร็งปากมดลูก ให้เด็กในค่ายผู้ลี้ภัย จ.ราชบุรี

ซึ่งอาศัยอยู่ในสถานที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้ลี้ภัยการสู้รบ บ้านถ้ำหิน โดยมีองค์กรระหว่างประเทศสหพันธ์สภากาชาดและสภาเสี้ยววงเดือนแดงระหว่างประเทศ (IFRC) และองค์กร International Rescue Committee (IRC) ร่วมสังเกตการณ์ 

สภากาชาดไทย รุกฉีดวัคซีน HPV ป้องกัน มะเร็งปากมดลูก ให้เด็กในค่ายผู้ลี้ภัย จ.ราชบุรี

นายกฤษฎา กล่าวว่า การบริการฉีดวัคซีนครั้งนี้ เป็นไปตามที่ สภากาชาดไทยได้รับบริจาควัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ จากภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนพันธกิจของ สภากาชาดไทย ในการส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชาชนไทย และบุคคลกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามหลักมนุษยธรรม โดย สภากาชาดไทยได้มอบหมายให้สำนักงานบรรเทาทุกข์และประชานามัยพิทักษ์ และเหล่ากาชาดจังหวัดนำวัคซีนมะเร็งปากมดลูกหรือ HPV ไปฉีดให้กับเด็กหญิงกลุ่มที่อาศัยอยู่ในพื้นที่พักพิงชั่วคราว สำหรับผู้ลี้ภัยสงครามตามแนวชายแดน จำนวน 40,000 โดส หรือ 20,000 คน เพื่อลดการติดเชื้อ HPV ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดมะเร็งปากมดลูก และเพิ่มประสิทธิภาพ ในการป้องกันมะเร็งปากมดลูก ทั้งนี้มีกำหนดฉีดทั้งสิ้น 2 เข็ม ห่างกัน 6 เดือน 

สภากาชาดไทย รุกฉีดวัคซีน HPV ป้องกัน มะเร็งปากมดลูก ให้เด็กในค่ายผู้ลี้ภัย จ.ราชบุรี

“สภากาชาดไทยโดยสำนักงานบรรเทาทุกข์ฯ และสำนักงานเทคโนโลยีสารสนเทศได้นำเอาเทคโนโลยีการถ่ายภาพจดจำใบหน้า และการถ่ายภาพม่านตา เข้ามาช่วยสนับสนุนทางการแพทย์ ในการบันทึกข้อมูลของผู้รับบริการฉีควัคซีนที่ไม่มีเอกสารยืนยันตัวตนในการเข้ารับวัคซีน รวมทั้งสามารถนำข้อมูลนี้ไปต่อยอดในการทำงานด้านมนุษยธรรม โดยเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับการบริการสาธารณสุขของไทย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการเฝ้าระวัง ป้องกันและควบคุมโรคติดต่อต่างๆ ในกลุ่มประชากรข้ามชาติที่อยู่ในประเทศไทย ณ พื้นที่พักพิงชั่วคราวสำหรับผู้หนีภัยการสู้รบจากเมียนมา และจะเป็นประโยชน์กับคนไทยในพื้นที่ใกล้เคียงด้วย” นายกฤษฎา กล่าว

advertisement

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส