"ก๊อต จิรายุ" เปิดใจครั้งแรกหลังเลิก "โบว์ เบญจวรรณ" ยังรักอยู่แต่เป็นเพื่อนกันดีที่สุด

ก๊อต จิรายุ เปิดใจครั้งแรกหลังเลิก โบว์ เบญจวรรณ ยอมรับยังรักและห่วงอยู่ แต่ตัดสินใจเป็นเพื่อนกันน่าจะดีที่สุด ตอนนี้ขอไปใช้ชีวิตก่อนและพักเรื่องความรัก โต้บอกเลิกก่อนเข้ารายการ

หลังจากนักแสดงหนุ่ม ก๊อต จิรายุ ตันตระกูล และ โบว์ เบญจวรรณ ได้ตัดสินใจเลิกรากัน หลังคบหาดูใจกันมานาน 10 ปี ต่อมาสาว โบว์ เบญจวรรณ ก็ได้ออกมาเปิดใจทั้งน้ำตาปมจบรัก 10 ปี ล่าสุดวันที่ (23 มิ.ย.66) ก๊อต จิรายุ เปิดใจพูดครั้งแรกเผยว่า... คือจริงๆเรื่องที่จำเป็นต้องพูดผมก็พูดไปในที่ส่วนตัวจนหมดแล้ว แล้วก็ไม่ได้เพิ่งพูดก่อนเข้ารายการเหมือนที่ออกอากาศไปตอนนั้นแต่ผมว่าทางเขาและพิธีกรน่าจะมีการสื่อสารกันผิดพลาดเลยทำให้เหมือนกันว่าผมโทรเข้าไปบอกก่อนเข้ารายการแต่จริงๆแล้วเราคุยกันก่อนหน้านั้นแล้ว

ซึ่งในส่วนที่เรื่องที่ไม่จำเป็นต้องพูด หรือไม่ควรจะพูดผมก็ไม่พูดในที่สาธารณะ แล้วตอนนั้นที่ไม่ได้ออกมาตอบโต้อะไรก็เพราะว่าสุดท้ายแล้วเราตอบโต้เพื่อที่ต้องการชนะแต่ผมไม่ได้อยากชนะอะไร ผมยังพอทนมันได้อยู่เรื่องที่มันไม่จริง และผมก็เชื่อว่าเค้าไม่มีเจตนาร้าย น่าจะสื่อสารผิดกัน เลยดู เหมือนเราโทรไปแยกย้ายกับเขาก่อนเข้ารายการ

ผมว่าน่าจะเป็นการสื่อสารแบบเข้าใจผิดผมเชื่อสุดหัวใจเลยว่าเขาทั้ง 2 คน ไม่ว่าจะเขาหรือพิธีกรไม่มีเจตนาที่จะพูดออกไปแบบนั้น แต่น่าจะสื่อสารกันผิดพลาดเพราะว่าผมรู้จักเขาทั้งคู่ แต่พอเรื่องมันออกไปแบบนั้นแล้ว ณ ตอนนั้นผมยังไม่อยากอธิบายอะไร เพราะมันเหมือนกับว่าทั้ง ใกล้ตัวและคนรอบตัวก็ยังเต็มใจที่จะเข้าใจผิดอยู่ ผมก็เลยเลือกที่จะเงียบโอเคยังพอทนไหวอยู่

สาเหตุที่เงียบก็เพราะว่ากลัวว่าเอาตรงๆเลยเพราะผมกลัวว่าสื่อจะเอาไปขยายต่อ จนมันกลายเป็นประเด็น ผมเห็นว่าการแยกทางกันของคนสองคนมันเป็นเรื่องไร้สาระมาก แต่พอสื่อเอาไปกระจายต่อ บางทีมันมีผลต่อคนรอบตัวมันมีผลต่อความรู้สึกเรา ดูเหมือนเราแข็งแรงแต่จริงๆแล้วเรามีมุมเซนซิทีฟเหมือนกัน แต่เลือกที่จะเงียบดีกว่า ความเข้าใจของคนอื่นผมไปหาทางปรับไม่ได้เพราะว่าแม้แต่ผมกับเขายังไม่เข้าใจกันนับประสาอะไรกับคนอื่นจะมาเข้าใจเรื่องของเราสองคน

จริงๆผมก็ยังรักเขานะ แต่เราตัดสินใจออกมาเป็นเพื่อนเพราะเราคิดว่าการเป็นเพื่อนน่าจะดีที่สุดแค่นั้นเองไม่ได้มีอะไรเกินเลยไปกว่านั้นมันธรรมดามาก อย่างที่ผมบอกเรื่องที่ต้องพูดผมก็พูดไปหมดแล้วในที่ส่วนตัวแต่เรื่องที่ไม่จำเป็นต้องพูดและไท่ควรจะพูดผมก็ไม่พูดในที่สาธารณะ

การตัดสินใจมันยากอยู่แล้วครับ ผมเข้าใจความรู้สึกเขา แล้วผมก็เข้าใจความรู้สึกตัวเอง แล้วผมก็อยากจะให้มันเป็นแบบที่เขาต้องการเหมือนกัน แต่มันเหมือนครั้งนี้ผมจำเป็นที่ผมต้องให้มันเป็นในแบบที่ผมอยากให้เป็น จริงๆ ที่ไม่ได้ออกมาพูดอะไรเยอะ เพราะเรารู้สึกว่าเราก็ทำดีที่สุดแล้ว ผมไม่อยากเอาชนะใครทั้งสิ้นเลย ผมไม่อยากให้เรื่องมันตีกลับไปมา เพราะสุดท้ายแล้วมันเจ็บด้วยกันทั้งคู่ แล้วผมก็อยากให้เป็นเหมือนหลายๆ คู่ที่จบไปแบบธรรมดา

เป็นห่วงอะไรไหมเพราะทางเขาเองก็มีโดนดราม่าด้วย? เป็นห่วงเขาแต่สุดท้ายได้แต่มองอยู่ไกลๆและก็มีความคาดหวังว่าโอเคเขาจะจัดการทุกอย่างได้ด้วยหัวใจที่เขาเข้มแข็งพอ

ผมโชคดีที่แม่พ่อและคนรอบตัวผมไม่รีบที่จะติดสินผมแล้วก็อย่างคนนอกอาจจะเต็มใจทีาจะเข้าใจผิดแต่คนภายในครอบครัวมีการถามผมก็ต้องถามเขาก่อนว่าอยากได้ตรงหรืออ้อมเพราะว่าเรื่องคนสองคนมันเซนซิทีฟเราไม่ควรพูดในที่สาธารณะก็จะพูดได้เฉพาะคนในครอบครัวว่าเหตุผลมันไม่ได้มีอะไรมันเป็นเรื่องส่วนตัวที่เมื่อก่อนมันเคยได้แต่วันนี้มันเข้าไม่ได้แล้วมันก็แค่แยกออกมาแค่นั้นเอง

มันไม่ใช่เรื่องยอมหรือไม่ยอมมันเหมือนวิถีชีวิตเราค่อยๆต่างกันไปวันละนิดๆ แล้วก็ผมถามรู้สึกว่าเมื่อไหร่ที่ความรักมันต้องมีความพยายามนั่นแสดงว่าเรากำลังผิดที่ผิดทางหรือเปล่า ผมโอเคนะ ผมยังรับได้อยู่กับทุกอย่างที่มันเกิดขึ้น

ถามความมุ่งหวังดีกว่าว่ามุ่งหวังอะไรผมมุ่งหวังให้มันจบกันแบบเงียบๆธรรมดาๆ เพราะว่าทุกครั้งที่ยังมองเขาอยู่ก็จะมองด้วยสายตาของความรัก เอาจริงๆสิ่งที่ผมกลัวที่สุดคือวันนี้ทำงานหนักไม่กลัวผมกลัวที่จะต้องมาพูดผมจะพูดอะไรผิดไปมันจะไปกระทบเขาหรือเปล่าผมกลัวไปหมดเลยแต่สุดท้ายแล้ววันนี้มันก็มาถึง

ส่วนใหญ่แล้วความคิดเห็นของคนบนโลกโซเชียลมันก็มีหลายลักษณะคนที่เขาเลือกที่จะเงียบก็มี คนที่เขาเลือกที่จะคอมเมนต์ไม่ดีก็เยอะ แต่สุดท้ายแล้ว ลึกเข้าไปเขารู้อยู่แกใจว่า เขาพิมพ์ในสิ่งที่เค้าไม่ได้รู้จริง เขากำลังสร้างจินตนาการของเขาขึ้นมาแล้วเขาก็คิดว่าหนูเป็นแบบนั้นซึ่งโอเคมันมีเหตุที่เขาคิดแบบนั้นก็ต้องปล่อยมันไป

เราเสียใจอยู่แล้วเพราะมันเป็นการตัดสินใจที่ดีที่ไม่ใช่ง่ายๆไม่ใช่เรื่องง่ายแต่ตัดสินใจ ตอนนี้ ผมน่าจะเดินหน้าเต็มที่เพราะผมแพลนที่จะไปต่างประเทศหลายประเทศมาก ล่าสุดก็ไปญี่ปุ่นคนเดียวแต่ไปเจอเดอะแก๊งค์ที่นู้น เรามีอะไรที่เราอยากทำเยอะมากแล้วเราก็ตั้งใจจะทำมันตอนนี้แหละ

ผมไม่ได้แคร์เรื่องฮีลใจ ผมเหมือนอยู่ไหน ช่วงที่อยากมีประสบการณ์หลายๆรูปแบบ แล้วผมต้องการไปโดยที่ไม่มีพันธะ อยากไปอยู่ทิเบตเดือนหนึ่ง อยากไปอยู่ญี่ปุ่นเดือนหนึ่ง อยากไปอยู่ดูไบเดือนหนึ่ง อยากไปทำอะไรเยอะแยะไปหมดหลังจากที่ทำงานหามรุ่งหามค่ำมาสักพักแล้ว ตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะเปิดใจพักก่อนขอใช้ชีวิตก่อน