แม่-ลูกเรียนเภสัชช็อก! รับหมายศาล บริษัทอาหารเสริมฟ้อง 50 ล้าน

10 มิ.ย. 66

แม่-ลูกเรียนเภสัชช็อก! หมายศาลหน้าบ้าน บริษัทอาหารเสริมฟ้องเรียกค่าเสียหาย 50 ล้านบาท ลั่น “ครอบครัวคงไม่มีปัญญาหามาให้ได้จริงๆ”

วันที่ 10 มิ.ย.66 จากกรณีนางสาวนันท์นภัส สงวนนามสกุล อายุ 45 ปี ที่อยู่ อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ร้องผ่านสื่ออยากให้เป็นตัวกลางไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผิวขาวยี่ห้อหนึ่ง หลังจากที่ลูกสาวอายุ 19 ปี ทานเข้าไป 1 เม็ดก่อนจะเดินทางไปตรวจร่างกาย เพื่อเอาผลไปแนบประกอบในการมอบตัวเรียนคณะเภสัช มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในจังหวัดขอนแก่น แต่ปรากฏว่าแพทย์พบสาร “เมทแอมเฟตามีน” ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันในยาบ้า อยู่ในปัสสาวะ ทำให้แพทย์ไม่กล้าออกใบรับรองแพทย์ให้ได้

ต่อมาโรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์ ได้มีการตรวจซ้ำ ปรากฏว่าไม่พบสารใดๆ ในร่างกาย และเมื่อเจ้าหน้าที่เอาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวไปตรวจก็ไม่พบสารใดๆ เช่นเดียวกัน ยังไม่มีใครมายืนยันได้ว่าผลตรวจที่พบในตัวน้องเกิดความผิดพลาดจากจุดใด เพราะได้มีการตรวจร่างกายและตรวจเลือดอย่างละเอียดแล้ว

ล่าสุดวันนี้ (10 มิ.ย.66) ได้มี เจ้าหน้าที่เอาหมายศาลของศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ที่บริษัทผลิตภัณฑ์อาหารเสริมผิวขาว ฟ้องลูกสาวและแม่เป็นจำเลยที่ 1-2 ฐานกล่าวหาละเมิดเรียกค่าสินไหมทดแทน เรียกค่าเสียหายรวม 50 ล้านบาท ศาลนัดสืบพยานในวันที่ 31 ก.ค.นี้

นางสาวนันท์นภัส กล่าวว่า รู้สึกตกใจมากที่ได้รับหมายศาล โดยเฉพาะการเรียกค่าเสียหายถึง 50 ล้านบาท ครอบครัวคงไม่มีปัญญาหามาให้ได้ จริงๆ แล้วครอบครัวต้องการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพิสูจน์ความจริง ที่ลูกสาวตรวจปัสสาวะแล้วพบสาร “เมทแอมเฟตามีน” เท่านั้น เพราะลูกสาวเป็นเด็กเรียนไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดใดๆ อยู่กับครอบครัวตลอดเวลา แม้ไปทำงานพิเศษ ยังต้องไปทำงานที่ร้านอาหารเดียวกันที่แม่ทำงานอยู่

ส่วนอาหารเสริมผิวขาว ตนกับลูกสาวไม่เคยเอ่ยชื่อหรือบริษัทที่จำหน่ายแต่อย่างใด ที่ต้องบอกไปเพราะหมอจากโรงพยาบาลเป็นคนซักว่า “ได้กินอะไรเข้าไป” นำมาสู่การเอาตัวอย่างไปให้หมอดู เพราะลูกสาวกินยาเพียงตัวเดียวเท่านั้น

นางสาว นันท์นภัส กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ครอบครัวรู้สึกเป็นทุกข์ เพราะไม่มีปัญญาจะไปต่อสู้กับบริษัทได้ไม่มีแม้เงินจะจ้างทนายความ ทั้งยังต้องหาเงินส่งลูกสาวเรียนอีกด้วย ตอนนี้เป็นห่วงแต่ความรู้สึกของลูกสาวที่กำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัย เกรงว่าจะกระทบต่อการเรียนเนื่องจากกลายเป็นจำเลยที่ 1 ไปแล้ว

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส