พ่อเมืองนครฯ จี้ คกก. ทำเอกสาร วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ขึ้น มรดกโลก หลังรอนาน 10 ปี กรมศิลป์เตรียมส่งตัวแทนทำความเข้าใจ ไฟเขียวรื้อ ปืนใหญ่
วันที่ 5 มิ.ย. 66 ที่ วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นปูชนียสถานที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของภาคใต้ และเป็นแหล่งมรดกทางวัฒนธรรม ที่ถูกขึ้นบัญชีเตรียมเป็น มรดกโลกของ ยูเนสโก กำลังถูกจับตามอง
ทั้งการจัดทำเอกสาร ที่มีความล่าช้า เพราะจะครบ 10 ปี ในวันที่ 22 มิ.ย. 66 แต่กลับยังไม่มีกำหนดแล้วเสร็จ ขณะที่การรบูรณะซ่อมแซมปรับปรุง เพื่อคงความเป็นดั้งเดิมขององค์ประกอบภายในเขตพุทธาวาส ถูกจับตามองในการเข้าไปรื้อถอนปืนใหญ่โบราณ ออกจากหน้าวิหารพระสังกัจจายะ ได้ถูกทักท้วงจากเจ้าหน้าที่ และพระสงฆ์ผู้ดูแลสถานที่ เนื่องจากไม่มีเอกสารการอนุญาตอย่างเป็นทางการ จากอธิบดีกรมศิลปากร อีกทั้งยังถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในการรื้อถอน และไม่มีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจ ทำให้พุทธศาสนิกชนที่เข้าไปพบเห็นเกิดความไม่สบายใจอย่างมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับความคืบหน้าในการติดตามเรื่องนี้ พบว่า เมื่อวันที่ 31 พ.ค. 66 นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร ได้ส่งหนังสือมายังเจ้าอาวาสวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และจังหวัดนครศรีธรรมราชแล้ว โดยได้พิจารณาอนุญาตให้ดำเนินการวิหารทั้ง 5 หลัง ภายในเขตพุทธวาสโดยให้อยู่ภายใต้การกำกับดูแลร่วมกันระหว่างสำนักศิลปากรที่ 12 และวัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร ทั้งยังกำชับให้มีการบันทึกหลักฐานโดยละเอียด ทั้งสภาพก่อน ระหว่าง และดำเนินการแล้วเสร็จทุกขั้นตอน และรายงานไปยังกรมศิลปากรทราบ ซึ่งหนังสือฉบับนี้เป็นเป็นสิ่งยืนยันว่า เจ้าหน้าที่วัดและพระสงฆ์ได้ทักท้วงไปว่ามีการดำเนินการก่อนที่จะได้รับอนุญาตเกิดขึ้นจริง
ขณะที่นาย อภินันท์ เผือกผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้เรียกประชุมคณะกรรมการนำเสนอพระบรมธาตุเจดีย์นครศรีธรรมราช เพื่อขึ้นบัญชีเป็น มรดกโลก เพื่อติดตามความคืบหน้าในการจัดทำเอกสารที่จะครบ 10 ปี แต่ยังไม่แล้วเสร็จ
ปรากฏว่าประธานคณะกรรมการจัดทำเอกสารไม่ได้เข้าร่วมประชุม มีเพียงกรรมการที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ทำให้นายอภินันท์ตั้งข้อสังเกตถึงความล่าช้าของเอกสารที่มีการแจ้งความคืบหน้ามาตลอดว่าใกล้ที่จะแล้วเสร็จจำนวน 7 บท แต่ในการประชุมกลับมีการแจ้งแก้ไขบ่อยครั้ง ทำให้เกิดความกังวล และข้อสงสัยขึ้นอย่างกว้างขวาง
ขณะที่คณะกรรมการจัดทำเอกสารได้พยายามที่จะทวงถามการเบิกเงิน เพื่อเป็นรายจ่ายจำนวนกว่า 7 แสนบาท เป็นค่าใช้จ่ายกลุ่มการเดินทาง และเบ็ดเตล็ดที่ยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้ เจ้าหน้าที่วัฒนธรรมจังหวัดผู้รับผิดชอบการเบิกจ่ายได้แจ้งในที่ประชุมต่อหน้าผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชว่ามีการยืนยันขอเบิกมาจากคณะทำงานจริง แต่ไม่สามารถตั้งเบิกได้ เนื่องจากมีมาแค่ตัวเลขค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่กลับไม่มีหลักฐานประกอบการเบิกจ่าย จึงไม่สามารถดำเนินการได้ เช่นเดียวกับผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชยืนยันว่า หากไม่มีหลักฐาน แม้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดก็ไม่สามารถให้เบิกจ่ายได้
ด้านนาง เสริมกิจ ชัยมงคล ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 12 นครศรีธรรมราช ได้แจ้ง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราชถึงข้อสังเกต และข้อสงสัยเกี่ยวกับการครบเวลา 10 ปี ของการจัดทำเอกสารมรดกโลกว่า ทางอธิบดีกรมศิลปากรหรือผู้อำนวยการกองโบราณคดี กรมศิลปากร ซึ่งเป็นคณะกรรมการมรดกโลกฝ่ายไทย จะขอเข้าพบ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อทำความเข้าใจในเรื่องการจัดทำเอกสาร มรดกโลกในวันที่ 15 มิ.ย. นี้