หนูน้อยวัย 12 ปี ถูกปู่และพ่อแท้ๆ กระทำชำเรานานกว่า 5 ปี

26 พ.ค. 66

ช่วยเหลือหนูน้อยวัย 12 ปี ถูกปู่-พ่อบังเกิดเกล้า กระทำชำเรานานกว่า 5 ปี ปู่รู้เรื่องขู่ฟันหัวแบะคนที่เอาเรื่องไปบอก

“กัน จอมพลัง” หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ พร้อมด้วย นางกิ๊ก(นามสมมติ) อายุ 35 ปี  แม่ของ ด.ญ.วัย 12 ปี ที่ถูกปู่ และ พ่อ แท้ๆ กระทำชำเรานานกว่า 5 ปี หลังเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พรหมบุรี แต่คดีกลับคดีล่าช้า  และถูกปู่แท้ๆ ข่มขู่ผู้ที่เข้ามาช่วยเหลือทั้งหมด

โดยกัน จอมพลัง เปิดเผยว่า สาเหตุที่เดินทางมายื่นเรื่องร้องทุกข์กับ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เนื่องจากก่อนหน้านี้ แม่ของ ด.ญ.วัย 12 ปี ได้พาลูกสาวไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.พรหมบุรี ว่าถูกปู่ และพ่อแท้ๆ ข่มขืน ลุงข้างบ้านและอดีตครูเกษียณในหมู่บ้านกระทำอนาจาร แต่คดีกลับล่าช้า มีการดำเนินคดีกับปู่จริง แต่ยังไม่ดำเนินคดีกับพ่อแท้ๆ จนแม่ขอด.ญ. รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม แถมปู่ของเด็กยังส่งข้อความมาข่มขู่อีก จึงได้เดินทางขอความช่วยเหลือกับตน วันนี้ตนจึงเข้าร้องทุกข์กับร้อง ผบ.ตร.พร้อมเชิญ ปลัดกระทรวงพัฒนาสังคมฯ เข้ามาหารือเรื่องการดูแล และเยียวยาผู้เสียหายด้วย

ทางด้านแม่ของด.ญ. 12 ปี  เปิดเผยว่า เมื่อประมาณต้นปี ตนได้รับแจ้งจากบ้านเด็กฯ จ.สิงบุรี ว่าลูกสาวลูกล่วงละเมิดทางเพศ โดยรับแจ้งจากครูที่โรงเรียน ซึ่งถูกระทำโดยพ่อและปู่แท้ๆ นอกจากนี้ยังถูกลุงข้างบ้าน และอดีตครูเกษียณอายุในหมู่บ้านกระทำอนาจารด้วย หลังเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พรหมบุรี กลับได้รับความล่าช้า มีการดำเนินคดีกับปู่ แต่ไม่ดำเนินคดีกับพ่อเด็ก และคนอื่นที่เกี่ยวข้อง ตนจึงรู้สึกไม่ได้นับความเป็นธรรม เพราะสภาพจิตใจลูกสาวตอนนี้แย่มาก

ซึ่งภายหลังได้มีโอกาสคุยกับย่าก็พบว่า น้องเคยพูดคุยและบอกกับย่า มาถูกพ่อและปู่ข่มขืนมานานกว่า 5 ปี  ตั้งแต่น้องอายุ 7 ขวบ แต่ย่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง อ้างว่าอยากจะจับให้ได้คาหนังคาเขาด้วยตนเอง ย่าจะไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร แม้กระทั้งตนเองที่เป็นแม่แท้ๆ ซึ่งก่อนหน้านี้ลูกก็เคยทักมาคุยกับตนบ้าง โดยจะขอมาอยู่ด้วย ตนก็ถามว่ามีเรื่องอะไรหรือไม่ จากนั้นลูกสาวก็ไม่พูดและหายไป จึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ภายหลังจากที่มีการดำเนินการแจ้งความ ตนไม่ได้มีโอกาสพูกคุยกับปู่หรือพ่อของเด็กโดยตรง แต่มีการแชทคุยกันบ้าง แต่ปู่กลับข่มขู่ บอกว่ารู้นะว่าใครเป็นคนแจ้ง ปู่หมายถึงครูที่แจ้งบ้านเด็ก จ.สิงห์บุรี เดี๋ยวจะไปฟันให้หัวแบะ จนตนต้องไปเตือนครูให้ระวังตัวไว้ นอกจากนี้ปู่ยังบอกอีกว่าเป็นพ่อเด็กทำ เลยทำบาง แล้วจะเอาปู่เข้าคุกคนเดียวหรอ? ส่วนพ่อของเด็กไม่มีการพูดคุยกันเลย ทั้งพ่อ และปู่ รวมไปถึงลุงข้างบ้าน มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด โดยตนตั้งขอสงสัยว่า การที่ให้ลุงข้างบ้าน และอดีตครู มากระทำอนาจาร ลูกสาวตนอาจจะเป็นเรื่องของการเอาตัวหลานไปแลกยาเสพติดหรือไม่  เพราะลุงข้างบ้านมีพฤติกรรมผสม และผลิตยาเสพติดขึ้นมาใช้เอง จากการสอบถามลูกสาว ยังทราบอีกว่าลุงข้างบ้านยังเอายาเสพติดมาให้ลูกตนกินอีกด้วย นอกจากนี้พ่อของเด็กยังเคยมีประวัติพรากผู้เยาว์ แฟนสาววัย 15 ปีด้วย ซึ่งคดีดังกล่าวจบลงด้วยการจ่ายค่าสินไหม

ส่วนลูกสาวตอนนี้สภาพจิตใจแย่มาก มีอาการฉุนเฉี่ยว ได้เข้าพบแพทย์แล้ว อยู่ระหว่างการประเมินการรักษา ซึ่งแพทย์บอกว่า น้องมีอาการที่เรียกว่ากลไกลป้องกันตนเอง เมื่อสอบถามคำถามหนักๆ อย่างเช่น เขากระทำอะไร หรือทำอย่างไร น้องจะเบี่ยงเบน และอ้างว่าไม่รู้อย่างเดียว ทำให้เป็นอุปสรรคต่องการสอบปากคำและการรักษา

ส่วนตนกับสาวมีนั้น ตนเองคบหากับพ่อของด.ญ. ประมาณปี 2551  หลังคลอดน้องออกมาได้ 1 ปี ก็มีลูกคนที่ 2 และเลิกลากันไปตั้งแต่ปี 2555 ตอนนั้นน้องอายุได้ 1 ขวบ ซึ่งตอนนั้นได้มีการลงบันทึกประจำวันว่า ตนจะเป็นผู้ดูและส่งเสียลูกเอง แต่ตอนนั้นให้น้องอยู่กับย่า ต่อมาตนแต่งงานมีสามีใหม่ ก็มีลูกอีก 1 คน ด้วยฐานะทางบ้าน และการงาน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องนำเด็กทั้ง 2 คน ไปอยู่ที่บ้านย่า ซึ่งต่อมาตนมารู้ว่าย่ามีพฤติกรรมทำร้ายร่างการเด็กทั้ง 2 คนจึงไปรับลูกมาเลี้ยงเอง ส่วนน้องย่าไม่ยอมให้มาอยู่กับตน เพราะบอกว่าเป็นหลาน ทำให้น้องต้องอยู่ที่บ้านย่า จนเรื่องแดงขึ้น ตนถึงได้ไปรับน้องมาอยู่ด้วย

ท้ายที่สุดอยากฝากบอกปู่ว่า ให้เลิกทำตัวกร่าง เลิกพาดพิง เลิกว่าใคร รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่กระทำมันผิดหรือถูก กรรมอาจจะรอนานมาก แต่วันนี้มันต้องจบ ส่วนพ่อของเด็กอยากบอกว่า ใช้ชีวิตหรูใช้ชีวิตดีบอกรักลูก แต่ทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง จงยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองกระทำ

ทั้งนี้ทางนางกิ๊ก ได้เปิดเผยแชทที่มีการพูดคุยกับย่า ใจความคือเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง  และไลน์คุยกับปู่ ที่พยายามข่มขู่ นอกจากนี้ภาพหลังที่เกิดเหตุ ปู่ยังนำรูปที่นั่งกอดหลานไปโพสต์ในเฟซบุ๊กใจความประมาณว่าเป็นห่วงเป็นใย ทำให้ผู้เป็นแม่รับไม่ได้กับสิ่งที่ปู่ทำ

ด้าน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เปิดเผยว่า จากกรณีดังกล่าว เป็นเรื่องกับเด็กตนจะดำเนินคดีบทหนักทั้งหมด ซึ่งต้องบอกคดีแบบนี้มีเยอะมาก ส่วนหนึ่งเกิดจากสังคม และสภาพแวดล้อม ตำรวจเป็นเพียงปลายเหตุ อยากให้ทุกหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็น พม. หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ที่ใกล้ชิด ช่วยกันสอดส่อง ไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก การบังคับใช้กฎหมายพ่อแท้ๆ ปู่ ญาติอนาจารจะคุยรายละเอียดอีกที สังคมไม่ได้มีแค่หน่วยเดียว พัฒนาสังคมจังหวัด ตรวจตรา กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ความเสียหายมันเกิดไปแล้ว  หน่วยงานอื่นๆ ต้องเข้ามาช่วยกันดูแลว่าชุมชนหมู่บ้านมีแบบนี้หรือไม่ เพื่อป้องกันเหตุที่อาจจะเกิดขึ้น คดีที่เกี่ยวข้องกับเด็ก ผมดำเนินคดีบทหนักทุกราย

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส