หลังจากที่วานนี้ (13ก.ค.) เจ้าหน้าที่เขตห้วยขวางได้ระดมกำลังเข้าทำความสะอาดบ้านของนายวีระศักดิ์ สุนทรจามร เนื่องจากชาวบ้านร้องเรียนว่า บ้านหลังดังกล่าวเลี้ยงนกพิราบร่วมพันตัว ยังไม่นับรวมหมา-แมว แมลงสาบ หนู ขี้นกที่ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านข่าว :
ลุงเลี้ยงนกพิราบยิ้มรับ เพื่อนบ้านลงขันซื้อที่ 4 ไร่ให้ย้ายออก – โชว์เก๋ากินแมลงสาบคอฟฟี่ )
ล่าสุด (14 ก.ค.) นายวีระศักดิ์ สุนทรจามร เจ้าของบ้านบอกว่า เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมามีเจ้าหน้าที่เขตเขามารื้อรั้วหน้าบ้านไปซ่อม พร้อมทั้งเทคอนกรีตใหม่ตรงบริเวณพื้นที่หน้าบ้าน จากการสังเกตของทีมข่าวพบว่าคอนกรีตหน้าบ้านยังไม่แห้งสนิท ขณะที่ สภาพภายในบ้านยังไม่ต่างจากเดิมมากนัก
นายวีระศักดิ์ บอกว่า หลังจากเจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยดูแล ตนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยอมที่จะยกของเก่าภายในบ้านให้ชมรมผู้ขายของเก่าเขตห้วยขวางนำไปคัดแยกเพื่อไปใช้ประโยชน์ พร้อมอธิบายว่า ก่อนหน้านี้ที่ไม่ยกให้ เพราะเข้าใจผิดว่าเขตจะนำของตนไปทิ้งโดยไม่เกิดประโยชน์
นายวีระศักดิ์ เปิดเผยว่า ค่าใช้จ่ายหลักๆ ในแต่ละเดือนมีเพียงค่าน้ำ ประมาณ 80บาทต่อเดือน และค่าบำรุงโทรศัพท์บ้าน170บาทต่อเดือน ส่วนค่าไฟตนไม่ต้องจ่าย เพราะหากใช้ไฟฟ้าไม่เกิน 50 หน่วย การไฟฟ้าก็จะไม่คิดเงิน โดยตนอาศัยประสบการณ์และความเคยชิน ในการควบคุมปริมาณไฟฟ้าไม่ให้เกินตามที่กำหนด
ทางด้านสภาพความเป็นอยู่ในตอนกลางคืนของนายวีระศักดิ์ พบว่า ภายในบ้านใช้หลอดไฟฟ้าแอลอีดี ชนิดประหยัดไฟ ขนาดเล็ก 1 ดวง และบริเวณหน้าบ้านอีก 1 ดวง ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้า มีแค่ทีวี พัดลมและโทรศัพท์บ้านเครื่องเก่า
ส่วนกระแสข่าวที่มีเพื่อนบ้านจะยกที่ดินในจ.อยุธยาให้ตนย้ายไปอยู่ แลกกับยกบ้านหลังนี้ให้เพื่อนบ้านรายนั้น นายวีระศักดิ์ยืนยันว่า จะไม่ย้ายออกไป ส่วนโฉนดบ้านหลังนี้ ยืนยันว่าเป็นชื่อตน มีสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมกับทำพินัยกรรมไว้ว่า หากตนเสียชีวิต บ้านก็จะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของน้อง ส่วนสุนัขและแมว หากสามารถจัดหาที่อยู่ใหม่ได้ดีกว่า ตนก็พร้อมยินดียกให้
ด้าน
นางณัฐปรีดา นาคงาม เพื่อนบ้านของนายวีระศักดิ์ ยอมรับว่า กลิ่นรบกวน ขี้นก หรือความเดือดร้อนอื่นๆ ที่เคยได้รับนั้นลดลงมาก ส่วนกรณีมีเพื่อนบ้านในตลาด บอกว่าจะยกที่ดินในจ.อยุธยาให้นายวีระศักดิ์ไปอยู่ แลกกับบ้านของนายวีระศักดิ์ ตนมองว่าไม่ยุติธรรมกับนายวีระศักดิ์ เพราะหากประเมินราคาบ้าน ที่ดินหลังนี้ในกรุงเทพฯ อาจสูงถึง 4 ล้านบาท แต่ในจ.อยุธยาอาจไม่ถึง 1 ล้านบาทด้วยซ้ำไป
อย่างไรก็ตาม นางณัฐปรีดา บอกด้วยว่า หลังจากข่าวของนายวีระศักดิ์ถูกนำเสนอออกไป คนกลุ่มหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมนายวีระศักดิ์จึงไม่หางานทำ หรือขายของอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ตนรู้สึกโกรธแทน อยากให้คนกลุ่มนั้นคิดว่า นายวีระศักดิ์อายุมากแล้ว การจะค้าขายจำเป็นต้องมีเงินทุนแต่นายวีระศักดิ์ไม่มี เชื่อว่าหากมี นายวีระศักดิ์ก็ยินดีที่จะทำ