ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหา หนุ่มระยองคลั่งยิงปืน จับตรวจฉี่พบเป็นสีม่วง

13 พ.ค. 66

ตำรวจแจ้ง 2 ข้อหาหนุ่มคลั่งยิงปืน พกพาอาวุธปืน และยิงปืนในสาธารณะไม่มีเหตุสมควร จับตรวจฉี่พบเป็นสีม่วง

เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 13 พ.ค.ที่ศูนย์ CCTV Center &191 กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยอง พล.ต.ท.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย ผบช.ภ.2 แถลงข่าวกรณีจับกุมนายบาส หรือพัชรพงษ์ ภูธนกุล อายุ 36 ปี หนุ่มคลั่งที่ก่อเหตุยิงปืนใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองระยอง ก่อนจะขังตัวเองในบ้าน เหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค.เจ้าหน้าที่ได้ระดมตรึงกำลังและเจรจานาน 33 ชม.จึงสำเร็จ โดยยอมออกมามอบตัว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้นำตัวมาสอบสวนที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดระยองต่อ

1683987648152

พล.ต.ท.อิทธิพล กล่าวว่า เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาพกพาอาวุธปืน และยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่เหตุสมควร และผลตรวจปัสสาวะเบื้องต้นมีสีม่วง ซึ่งจากการปฏิบัติหน้าที่เจรจาเกลี้ยกล่อมนาน 33 ชม.เนื่องจากไม่อยากให้เกิดการสูญเสีย โดยมีทั้งพ่อแม่ ลูก ญาติพี่น้อง เพื่อน และผู้บังคับบัญชาที่เคยเกณฑ์ทหาร ช่วยเกลี้ยกล่อม ตั้งแต่วันแรก กระทั่งเข้าสู่วันที่ 2 เริ่มอ่อนลง เนื่องจากมีการบีบผู้ก่อเหตุ โดยการตัดน้ำ ตัดไฟ และไม่ให้ความช่วยเหลือ และอาจจะเกิดจากฤทธิ์ยาที่หมดด้วย ผู้ก่อเหตุเริ่มขอบุหรี่ ขอน้ำ จึงยอมโยนอาวุธปืนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อนจะออกมามอบตัว ทั้งนี้ความสำเร็จดังกล่าวเกิดจากความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยเฉพาะ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล รอง ผบ.ตร.ผู้บังคับบัญชาที่ได้สั่งการให้เน้นการเจรจาเป็นหลัก จึงทำให้เหตุการณ์ยืดเยื้อยาวนานดังกล่าว ส่วนมูลเหตุที่ผู้ก่อเหตุคลั่ง มาจากที่ผู้ก่อเหตุ ซึ่งเป็นผู้ที่มีลิสต์รายชื่ออยู่ในหมายที่ต้องค้นเกี่ยวกับอาวุธปืน หลังมีการชอบโพสต์อาวุธบ่อยครั้ง ประกอบเกิดจากความเครียดปัญหาส่วนตัวจึงเกิดอาการคลั่งดังกล่าวขึ้น

1683987668118

ด้าน พล.ต.ต.พงศ์พันธ์ วงศ์มณีเทศ ผบก.ภ.จว.ระยอง ได้กล่าวว่า จากการตรวจสารเสพติดเบื้องต้นพบว่าใช้สารเสพติดในปริมาณที่อ่อน แต่ก็ต้องมีการตรวจอย่างละเอียดอีกครั้ง ตั้งแต่เริ่มเกิดเหตุจนยุติดหตุการณ์ ตรวจสอบพบว่า ผู้ต้องหา ยิงปืนออกไปปทั้งหมด 15 นัด โดยอาวุธปืนที่ใช้เป็นขนาด 9 มม.มีทะเบียน เป็นของบิดา ชนวนเหตุ อาจเกิดจากความเครียดจากครอบครัว และสิ่งแวดล้อมรอบบ้าน ซึ่งจะตรวจสอบอีกครั้ง โดยเบื้องต้น ได้ตั้งข้อหาพกพาอาวุธปืน และยิงปืนในสาธารณะไม่มีเหตุสมควร ส่วนเรื่องยาเสพติดต้องรอผลทางวิทยาศาสตร์ หากพบสารติดในร่างกายก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมต่อไป

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส