"ทนายอั๋น" อ้างพบข้อพิรุธ "ทนายตั้ม" จี้ กรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษี

11 พ.ค. 66

ทนายอั๋น บุรีรัมย์ ยื่นหนังสือร้อง กรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษี "ทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด" และคนใกล้ชิด 11 คน

วันนี้ (11 พ.ค. 66) นายภัทรพงศ์ ศุภักษร หรือ ทนายอั๋น บุรีรัมย์ “คนรุ่นใหม่ ประชาธิปไตยบริสุทธิ์” ยื่นหนังสือขอให้ กรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษีของ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม พร้อมกับบุคคลใกล้ชิดอีก 10-11 คนและแจ้งให้กรมสรรพากร ไปดําเนินการร้องทุกข์ ต่อ ดีเอสไอ เพื่อให้ทางดีเอสไอ สามารถเข้ามาตรวจสอบเส้นทางการเงินและภาษีเงินได้ของบริษัท Sittra Law Firm ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทาหรือไม่

ทนายอั๋น กล่าวว่า การที่ ทนายตั้ม เคยจัดแถลงชี้แจงว่าเขานั้น เริ่มมีฐานะและมีรายได้เข้ามาในปี 2565 ซึ่งอย่าย้อนไปดูรายได้ปีก่อนๆ เพราะตอนนั้นไม่มีรายได้ ซึ่งตนเองตรวจสอบแล้วพบว่าใน เดือนมกราคม ปี 2564 ที่ทนายตั้มเดินทางไปเหยียบ บ้านกกกอก มีการสวมใส่นาฬิกาหรูเรือนละกว่า 3 ล้านบาท

ต่อมาในปีเดียวกันช่วงเดือนมิถุนายน มีรถปอร์เช่ในช่วงทําคดีลุงพล รวมถึงการที่ครอบครัวดื่มไวน์จํานวนหลายขวด ที่มีราคาขวดละหลายหมื่นบาท ยังไม่รวมการภรรยาทนายตั้มที่ใช้ชีวิตหรูหราตั้งแต่ปี 2564 ซึ่งขัดกับคําแถลงของทนายตั้มที่กล่าวว่าเริ่มมีทรัพย์สินในปี 2565

นอกจากนี้ทนายตั้มไม่เคยออกมาปฏิเสธว่าทรัพย์สินต่างๆ นั้นไม่ใช่ของเขา และแน่นอนว่าในปี 2564 ทนายตั้ม ไม่มีการเสียภาษีอย่างแน่นอน จากการตรวจสอบงบดุลบริษัทชัดเจนว่ามีการรายงานข้อเท็จจริงน้อยมาก ซึ่งอยู่ๆ มีการเปลี่ยนชื่อบริษัทจากขาดทุนมาโดยตลอดกลับกลายเป็นมีกําไรสูงถึง 22 ล้านบาท

ทนายอั๋น กล่าวต่ออีกว่า ตนเดินทางมาขอให้กรมสรรพากรตรวจสอบการเสียภาษีของทนายตั้ม โดยก่อนหน้านี้ตนได้ยื่นเรื่องไปทางดีเอสไอแล้ว หากกรมสรรพากรตรวจสอบแล้วพบว่าทนายตั้ม มีเจตนาบิดเบือนหารเสียภาษี ดังนั้น กรมสรรพากรมีหน้าที่ไปร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ และกรมสรรพากรจะต้องมีคําตอบที่สังคมยอมรับ

สําหรับบุคคลอื่นๆที่ทนายอั๋นนํามายื่มเพิ่มจํานวน 10-11 คนนั้น เป็นบุคคบใกล้ชัดทนายตั้ม มีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล

ทนายอั๋น กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากจบเลือกตั้งใหญ่วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ตนจะดําเนินการยื่นหนังสือให้ทางสถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทย ตรวจสอบวีซ่าของทนายตั้ม ซึ่งทางทนายตั้มอ้างว่า ที่เดินทางไปฝรั่งเศสเป็นการเดินทางไปทำงานว่าความทางกฎหมาย จึงอยากทราบว่า ทนายตั้มมีวีซ่าสำหรับบุคคลทำงานในต่างประเทศหรือในประเทศฝรั่งเศสหรือไม่ รวมถึงจะตรวจสอบตัวของลูกความทนายตั้มที่พาออกมาร่วมแถลงข่าวก่อนหน้านี้ด้วยว่าคือใครและทําธุรกิจอะไรอยู่ที่ฝรั่งเศสกันแน่

ทั้งนี้ทนายอั๋น มั่นใจว่าหลังเลือกตั้งใหญ่หากมีการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล เชื่อว่าทนายตั้มลําบากแน่นอน และยืนยันว่าตนเองไม่มีใครหนุนหลัง ออกมาทําเพื่อสังคม ยอมรับเคยคุยกับคุณชูวิทย์แค่ครั้งเดียว และไม่ได้เป็นข้อมูลเชิงลึกอะไร พร้อมยืนยันด้วยว่าจะเดินหน้าตรวจสอบทนายตั้มต่อไป

ทนายอั๋น บุรีรัมย์

ทนายตั้ม

 

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส