หนุ่มบุรีรัมย์ฝันเห็นแสงไฟบนปราสาทสีเขียวอยู่กลางสถานีตำรวจโนนเจริญตั้งแต่ปี 65 รวม 3 ครั้ง ก่อนจะมีสิ่งมาดลบันดาลใจให้เดินไปจุดที่พบในฝันเอามือคุ้ยเขี่ย ตะลึงเจอหินรูปนาคราชอุทยานพนมรุ้งอายุราว 1,000 ปี
เพจอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง บุรีรัมย์ Phanom Rung Historical Park ได้โพสต์ภาพและข้อมูลว่ามีชาวบ้านพบโบราณวัตถุบริเวณผิวดินภายในสถานีตำรวจภูธรโนนเจริญ ตำบลโนนเจริญ อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ คาดว่าจะเป็นสถาปัตยกรรมในวัฒนธรรมเขมรโบราณ
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบพบว่าบริเวณด้านหลัง สภ.โนนเจริญ พบหินลักษณะเป็นรูปร่างคล้ายพญานาคฝังอยู่ผิวดินมีชาวบ้านที่ทราบข่าวมากราบไหว้ขอโชคลาภไม่ขาดสาย
นายจักรกฤต ดวงวงษา อายุ 27 ปี ชาวบ้านในหมู่บ้านและเป็นคนพบเป็นคนแรกเล่าว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยบวชเป็นเณรที่วัดในหมู่บ้านได้ 6 ปีและบวชเป็นพระอีก 7 ปีก่อนจะสึกออกมาได้ไม่นานมานี้ ตนจำได้แม่นว่าเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2565 ตนฝันว่ามีแสงไฟพุ่งออกมาจากปราสาทสีเขียวอยู่บริเวณด้านหลังสถานีตำรวจโนนเจริญ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรกระทั่งเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2566 ฝันแบบเดียวกันอีก เริ่มจะมีความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างจะมาบอกกล่าว
และเมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ตนฝันแบบเดียวกันอีกครั้ง คราวนี้เริ่มจะมีความรู้สึกคล้อยตามอยากจะออกตามหาจุดที่ฝันดังกล่าว จนกระทั่งวันนั้นตนไปเก็บผักขี้เหล็กหลังโรงพักเ กิดมีแรงบันดาลใจอะไรบางอย่างให้ตัวเดินไปหาจุดๆ หนึ่ง จากนั้นตนได้เอามือคุ้ยเขี่ยบนผิวดิน ปรากฏว่าเจอก้อนหินขนาดเท่าฝ่ามือจึงพยายามคุ้ยลงไปอีกจนพบว่าเป็นรูปร่างคล้ายพญานาคจึงกลับไปเอาเสียมที่บ้านพร้อมชวนคนมาด้วยกันอีก 2-3 คน มาขุดดูพบว่าเป็นหินรูปร่างคล้ายเศียรพญานาคจึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบ
นายภาคภูมิ อยู่พูน หัวหน้าวนอุทยานประวัติศาตร์พนมรุ้ง กล่าวว่าหลังจากได้รับแจ้งได้เข้าไปตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นลักษณะหินสลักทำมาจากหินทราย สลักเป็นรูปนาคราช เป็นชิ้นส่วนของหน้าบัน น่าเป็นส่วนมุมด้านซ้ายหรือด้านขวาก็ได้ซึ่งจะต้องยกออกมาจากพื้นดินก่อนจึงจะทราบแน่ชัด
สำหรับโบราณวัตถุชิ้นนี้มีขนาดความกว้าง 50 ซม. ยาว 61 ซม. สูง 21 ซม. มีลักษณะเป็นชิ้นส่วนประดับสถาปัตยกรรมในวัฒนธรรมเขมรโบราณ ส่วนปลายยกรอบหน้าบันรูปนาค 5 เศียรแผ่พังพานสลักจากหินทราย ลักษณะเศียรนาคทำเป็นนาคเศียรโล้น นาคเศียรกลางคายท่อนพวงมาลัย เช่นเดียวกับประติมากรรมนาคในศิลปะแบบปาปวน พุทธศตวรรษที่ 16 หรือประมาณ 1,000 ปีที่ผ่านมา เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการบันทึกภาพเก็บข้อมูลเพื่อทำบันทึกนำเสนอไปยังสำนักศิลปากรที่ 10 นครราชสีมา ทราบเพื่อพิจารณาและดำเนินการในลำดับต่อไป
