สำนักงาน กกต.ซ้อมรับมือ รับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อเข้ม

29 มี.ค. 66

สำนักงาน กกต.ซ้อมรับมือรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตรวจคุณสมบัติผู้สมัครเข้ม แต่บางเรื่องอยู่นอกเหนือฐานข้อมูลราชการ

วันที่ 29 มี.ค. 66 ที่สำนักงานคณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) มีการประชุมคณะทำงานการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และการรับแจ้งรายชื่อบุคคล ซึ่งพรรคการเมืองมีมติว่าจะเสนอชื่อให้สภาฯ พิจารณาให้ความเห็นแต่งตั้งเป็นนายกฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 เม.ย. 66 ณ อาคารไอราวัต ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2

โดยมีนายแสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ทำหน้าที่ประธานการประชุม ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กกต.  เจ้าหน้าที่ของ กทม.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

วาระการประชุมมี อาทิ เรื่องการจัดสถานที่ และอุปกรณ์เตรียมความพร้อมในการรับสมัคร เตรียมความพร้อมการรักษาความปลอดภัย การจราจร และสถานที่จอดรถ  การเตรียมความพร้อมกระบวนการรับสมัคร การเตรียมความพร้อมกระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติกับหน่วยงานภายนอก เป็นต้น

นายแสวง ให้สัมภาษณ์ถึงการเตรียมความพร้อมในการรับสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อว่า วันนี้เราได้ซักซ้อมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับมือพรรคการเมืองที่จะมาสมัคร ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย น่าจะมีความพร้อม ทั้งนี้การรับสมัครจะมีขึ้นที่อาคารไอราวัตพัฒนา เขตดินแดน กทม. เริ่มรับสมัครวันที่ 4-7 เม.ย. ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00น. ส่วนการรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขต ในวันที่ 3 เม.ย. ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 กรุงเทพฯ เริ่มรับสมัครวันที่ 3-7 เม.ย. เวลา 08.30-16.30น. จะมีผู้อำนวยการเขตเลือกตั้งแต่ละเขตเป็นผู้รับสมัคร โดยจะเป็นคนละส่วนความรับผิดชอบกับสำนักงานกกต. สำหรับจังหวัดอื่นๆขึ้นอยู่กับผู้อำนวยการกกต.แต่ละจังหวัดจะเป็นผู้กำหนด

นายแสวง กล่าวอีกว่า สำหรับการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 จะใช้รูปแบบบัตรลงคะแนน 2 ใบ ประกอบด้วยบัตรลงคะแนน ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต และบัตรลงคะแนน ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งจะไม่ใช่เบอร์เดียวกัน แต่ก็มีความเป็นได้ที่จะได้เบอร์เดียวกันทั้ง 2 ใบในกรณีที่จับสลากได้หมายเลขเดียวกัน ส่วนเรื่องสีของบัตรเลือกตั้ง ยังไม่ได้กำหนดสี อยู่ระหว่างการดำเนินการจัดพิมพ์บัตร เพราะบัตรจะพิมพ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการรับสมัครเสร็จแล้วก่อน

นายแสวง ยังกล่าวถึงการลงทะเบียนเลือกตั้งล่วงหน้าว่า เราเตรียมระบบไว้ดี แต่ชี้แจงประชาชนไม่ละเอียด ทำให้ช่วงแรกเกิดความสับสนอยู่บ้าง แต่ตอนนี้ก็น่าจะแก้ไขแล้ว ทั้งในส่วนสำนักงาน กกต. และสื่อมวลชนที่ชี้แจงต่อประชาชน ซึ่งก็น่าจะเป็นระบบและเป็นไปได้ด้วยความเรียบร้อยแล้ว ส่วนปัญหาการลงทะเบียนแล้วระบบผิดพลาดให้ใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 14 พ.ค. แล้วไม่สามารถยกเลิกได้นั้น ตอนนี้สำนักงานทราบเรื่องแล้ว จะนำไปแก้ไขเพื่อรักษาสิทธิของประชาชนโดยเร็ว

นายแสวง กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย ออกมาตั้งข้อสังเกตว่าคนไทยในบางประเทศลงทะเบียนเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรแล้ว แต่มีการกำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ไม่ใช่วันหยุดนั้น ว่า ได้รับทราบข้อมูลแล้ว สำนักงานก็ต้องพูดคุยว่าเป็นอย่างไร บางทีเป็นความเห็น ไม่ใช่ข้อเท็จจริง อาจจะต้องดูเงื่อนไขตามกฎหมายด้วย แต่ก็เป็นหนึ่งเสียงที่เราต้องรับฟังเหมือนกัน

เมื่อถามว่า กรณีตรวจสอบคุณสมบัติผู้สมัครรับเลือกตั้ง กกต.จะมีกระบวนการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้นหรือไม่ เพราะในการเลือกตั้งปี 2562 มี ส.ส.ที่มีปัญหาเรื่องคุณสมบัติหลังเลือกตั้ง นายแสวง กล่าวว่า เราตรวจมาตรฐานเดียว โดยได้รับความร่วมมือกับทุกหน่วยงาน ประมาณ 26 หน่วยงาน มีการซักซ้อมกันแล้ว จะตรวจตามมาตรฐาน ทั้งนี้คุณสมบัติบางเรื่องไม่ได้อยู่ในหน่วยงานของรัฐที่สามารถตรวจสอบได้ แต่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาเอง กฎหมายถึงต้องเขียนว่ารู้อยู่แล้วว่าไม่มีสิทธิมาใช้สมัคร ซึ่งบางเรื่องเราไม่สามารถตรวจสอบได้ เพราะอยู่นอกเหนือฐานข้อมูลราชการ เชื่อว่าในการสมัครรับเลือกตั้งที่กำลังจะถึงนี้ พรรคการเมืองมีความระวัง

โดยวิธีปฏิบัติพรรคการเมือง หรือผู้สมัครจะมีการประสานกับ ผู้อำนายการการเลือกตั้งประจำจังหวัดเพื่อดูหลักฐานก่อนส่วนหนึ่ง ขณะที่หัวหน้าพรรคเองก็มีการส่งข้อมูลให้ กกต.ตรวจสอบก่อนในระดับหนึ่ง เพียงแต่บางอย่างผู้สมัครเองอาจจะหลงหรือมาเจอทีหลัง อย่างไรก็ตามส่วนมากจะไม่เกิดเรื่องอย่างนี้ แต่เรื่องที่ไปที่ศาลฎีกามากที่สุดคือเรื่องความเป็นสมาชิกของพรรคการเมือง ซึ่งช่วงนี้ต้องเป็นสมาชิกพรรค 30 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง สำหรับที่มีการย้ายพรรค ซึ่งเราก็มีระบบฐานข้อมูลดูอยู่แล้ว

เมื่อถามถึงกรณีที่ศาลปกครองกลางนัดไต่สวนกรณีการแบ่งเขตเลือกตั้งของ กกต.ในวันที่ 30 มี.ค. นี้ นายแสวง กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ในชั้นศาล ตนยังพูดอะไรมากไม่ได้ แต่ยืนยันว่าเราทำตามรัฐธรรมนูญ และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ในการแบ่งเขต ทั้งนี้ กกต.ได้มอบหมายให้ผู้แทนไปชี้แจง อย่างไรก็ตามขึ้นอยู่กับศาลว่าจะพิจารณาอย่างไร

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวการเมือง เป็นกระแส