โพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 1 “อนุทิน-จุรินทร์” ปาดหน้า “ลุงตู่”

26 มี.ค. 66

 

“ซูเปอร์โพล” เผยโพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 1“อนุทิน-จุรินทร์” ปาดหน้า “ลุงตู่” ครองใจเจ้าหน้าที่รัฐ -เกษตรกร ส่วน “อุ๊งอิ๊ง” ได้ใจแฟนคลับเพราะเป็นลูกทักษิณ

วันที่ 26 มี.ค. 66 สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เสนอผลสำรวจ เรื่อง “โพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 1 (ฉบับเต็ม)” กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 1,257 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 20 - 25 มี.ค. 2566 พบว่า

เมื่อถามถึง ความตั้งใจของประชาชนจะเลือกพรรคการเมือง แบ่งออกระหว่างกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล และกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายค้าน พบว่า ในกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาลรวมกันได้ร้อยละ 51.6 ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านตอนนี้รวมกันได้ร้อยละ 43.3

โดยในกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล อันดับหนึ่งได้แก่ พรรคภูมิใจไทย ร้อยละ 19.1 เพราะเชื่อมั่นศรัทธานายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคฯ

อันดับที่สอง ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ ร้อยละ 13.4 เพราะเชื่อมั่นศรัทธา นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ นายชวน หลีกภัย และอดีตผู้นำพรรค

อันดับที่สาม ได้แก่ พรรคพลังประชารัฐ ร้อยละ 10.1 เพราะเชื่อมั่นใน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

และพรรครวมไทยสร้างชาติ ร้อยละ 7.3 เพราะเชื่อมั่นศรัทธาใน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่เหลือเป็นพรรคชาติพัฒนากล้า ร้อยละ 0.9 และพรรคชาติไทยพัฒนา ร้อยละ 0.8 ตามลำดับ

ขณะที่ความตั้งใจของประชาชนจะเลือก ส.ส. ในกลุ่มพรรคร่วมฝ่ายค้าน พบว่า อันดับแรก พรรคเพื่อไทย ร้อยละ 36.9 รองลงมาคือ พรรคก้าวไกล ร้อยละ 5.9 และพรรคเสรีรวมไทย ร้อยละ 0.5

“ซูเปอร์โพล” เผยโพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 1“อนุทิน-จุรินทร์” ปาดหน้า “ลุงตู่”

เมื่อวิเคราะห์ภาพรวมความตั้งใจของประชาชนจะเลือก ส.ส. พบว่า ร้อยละ 51.6 ระบุ จะเลือกพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล ได้แก่ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติพัฒนากล้า ชาติไทยพัฒนา เป็นต้น ในขณะที่ร้อยละ 43.3 จะเลือกพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้แก่ เพื่อไทย ก้าวไกล เสรีรวมไทย เป็นต้น และร้อยละ 5.1 ระบุอื่นๆ เช่น ไทยสร้างไทย และไทยภักดี เป็นต้น

ที่น่าพิจารณา คือความตั้งใจของประชาชนจะเลือก พรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล กับพรรคร่วมฝ่ายค้าน แบ่งตามกลุ่มจุดยืนการเมือง พบว่า กลุ่มพลังเงียบส่วนใหญ่ร้อยละ 56.8 กลุ่มผู้สนับสนุนรัฐบาลส่วนใหญ่ร้อยละ 78.3 และแม้แต่กลุ่มผู้ไม่สนับสนุนรัฐบาลร้อยละ 15.6 ตั้งใจจะเลือกพรรคร่วมฝ่ายรัฐบาล ได้แก่ ภูมิใจไทย ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ รวมไทยสร้างชาติ ชาติไทยพัฒนา เป็นต้น ในขณะที่กลุ่มไม่สนับสนุนรัฐบาล ส่วนใหญ่ร้อยละ 81.7 กลุ่มพลังเงียบร้อยละ 34.6 และแม้แต่กลุ่มสนับสนุนรัฐบาลร้อยละ 21.4 ตั้งใจจะเลือกพรรคร่วมฝ่ายค้าน ได้แก่ เพื่อไทย  ก้าวไกล เสรีรวมไทย เป็นต้น ตามลำดับ

นอกจากนี้ ที่น่าสนใจคือคนที่ประชาชนอยากได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปในกลุ่มแฟนคลับของพรรคร่วมรัฐบาล จำแนกตามกลุ่มอาชีพ พบว่า นายอนุทิน เป็นขวัญใจมากสุดใน 4 กลุ่มอาชีพ ได้แก่ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐร้อยละ 20 พนักงานเอกชนร้อยละ 18.4 อาชีพอิสระค้าขายร้อยละ 19.8 และนักศึกษา ร้อยละ 23.2 เพราะเป็นคนมีความสามารถ มีผลงานเคยแก้วิกฤตชาติ เป็นผู้นำที่ไม่ก่อความขัดแย้งกับใคร จิตใจดี ช่วยเหลือชีวิตคน ไม่ด่างพร้อย ดูแลคนตัวเล็กตัวน้อย ชอบนโยบายสุขภาพ ดูแลใส่ใจคนทุกกลุ่ม เป็นต้น

ในขณะที่นายจุรินทร์ เป็นขวัญใจมากสุดใน 2 กลุ่มอาชีพ ได้แก่ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐร้อยละ 20 เท่ากับนายอนุทิน และในกลุ่มอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 22.5 เพราะมีหลักการ มีอุดมการณ์ ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ด่างพร้อย มีผลงานประกันรายได้เกษตรกร แก้ปัญหาการค้าระหว่างประเทศ เป็นสุภาพบุรุษ ไม่มีภาพของความขัดแย้ง เป็นต้น

“ซูเปอร์โพล” เผยโพลเลือกตั้ง ส.ส. ครั้งที่ 1“อนุทิน-จุรินทร์” ปาดหน้า “ลุงตู่”

สำหรับ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นขวัญใจมากที่สุดในกลุ่มพ่อบ้าน แม่บ้าน เกษียณอายุ ร้อยละ 33.3 รองลงมาคือกลุ่มข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ ร้อยละ 16.7 อาชีพอิสระและค้าขายส่วนตัว ร้อยละ 12.5 เพราะมีผลงานแก้วิกฤตชาติ มีจุดยืนชัดเจน จริงใจจริงจัง รักษาความสงบของบ้านเมือง ซื่อสัตย์สุจริต เป็นทหาร เป็นต้น ในขณะที่ได้เพียงร้อยละ 1.8 ในกลุ่มนักเรียนนักศึกษา

ที่น่าพิจารณาคือ ในกลุ่มแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายค้าน พบว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เป็นขวัญใจมากที่สุดในกลุ่มอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 46.0 รองลงมาคือกลุ่มอาชีพอิสระและค้าขาย ร้อยละ 38.7 กลุ่มอาชีพพนักงานเอกชนร้อยละ 37.7 และกลุ่มอาชีพข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐร้อยละ 36.7 ส่วนเหตุผลที่อยากให้เป็นนายกรัฐมนตรีในมุมมองของแฟนคลับพรรคร่วมฝ่ายค้านคือ เป็นลูกอดีตนายกรัฐมนตรี เป็นคนรุ่นใหม่ ต้องการเปลี่ยนแปลงผู้นำประเทศ ไม่ต้องการให้มีการสืบทอดอำนาจ ต่อต้านเผด็จการทหาร และช่วยนำพ่อกลับบ้าน เป็นต้น ในขณะที่นายพิธา เป็นขวัญใจมากที่สุดในกลุ่มนักเรียนนักศึกษาร้อยละ 32.1 เพราะต้องการคนรุ่นใหม่ คนมีความรู้ความสามารถ ต้องการเปลี่ยนแปลง ต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ต่อต้านเผด็จการทหาร  เป็นต้น

advertisement

ข่าวยอดนิยม