พ่อสุดทน! พาลูกลาออกจากโรงเรียน หลังถูกเพื่อนร่วมห้องกัดจนแก้มช้ำ

17 มี.ค. 66

สุดทน! พ่อตัดสินใจพาลูกวัย 1 ขวบลาออกจากโรงเรียน หลังถูกเพื่อนร่วมห้องกัดจนช้ำ เผยเคยเกิดเหตุบ่อยครั้งจนทนไม่ไหว

วันที่ 17 มี.ค. 2566 จากกรณีที่พ่อของเด็กชายวัย 1 ขวบ 8 เดือน ชาวปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ ได้โพสต์ระบายความอัดอั้นใจลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว หลังจากที่ลูกชายถูกเพื่อนวัยไล่เลี่ยกัน ในโรงเรียนเด็กเล็กแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ กัดเข้าที่แก้มด้านขวาจนเป็นแผลฟกช้ำหลายต่อหลายครั้ง โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจากเด็กคนเดียวกัน ทางพ่อของเด็กเล่าว่า ได้นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปแจ้งให้ทางโรงเรียนทราบและทำการแก้ไขอยู่หลายครั้งแต่ไม่เป็นผล จึงตัดสินใจให้ลูกของตนลาออกจากโรงเรียนดังกล่าว และขอยืนยันว่าไม่ได้เอาเรื่องทางโรงเรียนและเด็กเพื่อนร่วมห้องของลูก เพียงแต่ไม่อยากให้ลูกของตนได้รับผลกระทบทางร่างกายและจิตใจไปมากกว่านี้

ทางผู้สื่อข่าวได้ทำการติดต่อไปยังนายศุภณัฐ สงวนนามสกุลพ่อของเด็กที่ถูกกัด เผยให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า ก่อนหน้านี้ลูกชายของตนถูกเพื่อนร่วมห้องกัดมาแล้วหลายครั้ง ทั้งบริเวณแขน หลัง และที่ใบหน้า ซึ่งก็ได้แจ้งทางเจ้าของโรงเรียนและคุณครูในโรงเรียนให้รับทราบ โดยทางโรงเรียนรับปากว่าจะจัดการให้ แต่ก็ยังเกิดปัญหาเดิมซ้ำๆ

จนครั้งล่าสุดเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกชายก็ยังถูกกัดที่แก้มขวา แต่ในครั้งนี้ค่อนข้างจะรุนแรงและมีร่องรอยเป็นแผลฟกช้ำ เมื่อไปทวงถามกับทางโรงเรียนและคุณครู ก็ได้คำตอบแบบเดิมกับก่อนหน้านี้ว่า จะจัดการให้ ทางนายศุภณัฐรับไม่ได้กับคำตอบที่ไร้การแก้ไข จึงตัดสินใจพาลูกออกจากโรงเรียนในที่สุด ซึ่งตนเองก็เข้าใจว่าเด็กในวัยนี้อาจจะทำไปด้วยความไร้เดียงสา แต่ก็อยากจะให้ทางโรงเรียนใส่ใจและดูแลอย่างใกล้ชิดกว่านี้ เพราะจากการสอบถามผู้ปกครองหลายๆ คนพบว่า ลูกหลานของพวกเขาก็โดนในลักษณะคล้ายๆ กัน

ในขณะที่เจ้าของสถานรับเลี้ยงเด็กกล่าวว่า ตนเองก่อตั้งสถานรับเลี้ยงเด็กมาเป็นเวลา 17 ปี และขอยืนยันว่ามีมาตรฐานครบถ้วนดีที่สุด ล่าสุดมีเด็กในปกครองอยู่กว่า 100 คน โดยแบ่งออกเป็น 4 ช่วงได้แก่ 1.ตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุประมาณ 1.5 ปี  2.ตั้งแต่เดินได้ถึงอายุประมาณ 2 ปี  3.เด็กอายุประมาณ 2 ปีจนถึง 3 ปีที่นั่งรับประทานอาหารเองได้ และ 4.เด็กที่มีอายุตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไปจนถึงช่วงพร้อมเข้าอนุบาล

ซึ่งจากเรื่องดังกล่าวทางโรงเรียนทราบแล้ว และเคยชี้แจงกับผู้ปกครองไปแล้วว่าทางโรงเรียน มีมาตรฐานในการดูแลเด็กอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นพฤติกรรมของเด็ก ในบางช่วงเวลาจะไม่สามารถป้องกันพฤติกรรมการกัดหรือการกลั่นแกล้งของเด็กได้ ซึ่งทางโรงเรียนพยายามดูแลเด็กทุกคนอย่างเต็มที่

โดยหลังจากเกิดเหตุ ทางโรงเรียนได้อธิบายกับผู้ปกครองทั้ง 3 ครั้ง และยืนยันว่าไม่สามารถทำอะไรได้ มากกว่าการคอยป้องกันและกำชับครูพี่เลี้ยงให้ดูแลอย่างดี แต่ในช่วงเกิดเหตุนั้น บางครั้งก็เร็วจนไม่สามารถป้องกันได้ จึงเหมือนเกิดซ้ำแล้วซ้ำอีก

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส