เจ้าของหอห้ามศึกผัวเมียโดนกำกุญแจต่อย แก๊งปากแจ๋วโต้ใช้มือเปล่า (คลิป)

เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 31 ม.ค. 66 ที่ สภ.ปากเกร็ด นายวิสันต์ ลือประดิษฐ์ อายุ 50 ปี ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนนทบุรี ติดตามความคืบหน้าของคดี หลังจากที่ตนเองถูกทำร้ายชกต่อยจนได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหน้า และได้แจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

ล่าสุด วันที่ 31 ม.ค.66 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี เดินทางมาพบกับ นายวิสันต์ ลือประดิษฐ์ อายุ 50 ปี ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงประมาณเดือน พ.ย.65 คู่รักคู่นี้ นายภูมิ เเละนางสาวสุดารัตน์ ได้ย้ายเข้ามาพักอยู่ที่หอพัก โดยช่วงที่ผ่านมาก็มีการทะเลาะกันบ้างบางครั้ง ซึ่งบางครั้งก็สร้างควาทเดือดร้อนให้แก่เพื่อนข้างห้อง เเต่ก็ยังไม่เคยมีการร้องเรียนเกิดขึ้น

จนกระทั่งเมื่อช่วงวันที่ 7 ธ.ค. 65 เวลาประมาณ 20.00 น. คู่รักคู่นี้ทะเลาะกันอีก ต่อมาฝ่ายหญิงได้ติดต่อเพื่อนสนิทบอกให้ช่วยเเจ้งตำรวจให้หน่อย เพราะถูกแฟนหนุ่มทำร้ายร่างกาย ต่อมาตนนั่งอยู่ด้านหน้า ก็มีตำรวจสายตรวจมาที่หอพัก ตนก็ยังงง ๆ อยู่เลย ตำรวจก็บอกว่ามีคนเเจ้งไปว่ามีเหตุทะเลาะวิวากันที่ชั้น 2 ตนจึงพาตำรวจขึ้นไปดู เเล้วก็เป็นไปตามคลิป ที่ว่าน้องเขาน่าจะไม่พอใจ คิดว่าตนคือคนพาตำรวจขึ้นไป ตนจึงบอกว่าถ้าเป็นแบบนี้ก็อยู่ไม่ได้ เเละบอกให้เขาเก็บข้างของออกไป เพราะรบกวนคนอื่น ซึ่งวันนั้นเขาก็ไม่ได้จะเข้ามาทำร้ายร่างกายตน มีเเต่การพูดจาท้าทายกันไปมาตามในคลิป

ซึ่งเขาพูดจาไม่ดี พูดคำหยาบคายใส่ตำรวจเเละใส่ตนด้วย ทำให้ทั้งตำรวจเเละตนรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ก่อนที่ทั้ง 2 คนจะช่วยกันเก็บของออกไป ซึ่งก่อนจะออกไป ที่บริเวณด้านล้าง เขาก็ทำท่าจะมีเรื่องกับน้องของตนอีกด้วย

หลังจากนั้นต่อมาอีก 1 สัปดาห์ ประมาณวันที่ 12 ธ.ค. 65 นายภูมิก็ได้กลับเข้ามาที่หอพักอีกครั้ง โดยสตาร์ต รถจยย.ติดเครื่องไว้หน้าหอ ในช่วงเวลาประมาณ 21.00 น. ซึ่งทำท่าลักษณะจะเข้ามาหาตน เเต่ตอนนั้นตนไม่อยู่ที่หอพักเพราะออกไปทำข่าวข้างนอก ซึ่งเมื่อตนทราบเรื่องจากรุ่นน้อง เเละดูภาพจากกล้องวงจรปิด ก็เห็นว่านายภูมิเดินเข้ามาทำท่าทางคล้ายกับกำลังล้วงอาวุธอะไรบางอย่างบริเวณช่วงเอวแต่ตนก็ไม่ทราบว่าเป็นอาวุธมีดหรือปืนเพราะนายภูมิไม่ได้ควักออกมาจากกระเป๋า หลังจากนั้นตนจึงได้ไปเเจ้งความไว้ที่โรงพัก เผื่อเกิดเหตุอะไรขึ้นจะได้รู้ว่ามาจากนายภูมิ

ต่อมาวันที่ 20 ม.ค. 66 ช่วงเวลาประมาณ 23.00 น. ตนกับแฟนได้ไปที่เซเว่นแห่งหนึ่งใกล้หอพัก เเล้วนายภูมิน่าจะทำธุระที่เซเว่นพอดี เมื่อเห็นตนเขาน่าจะจำได้ ตนยังไม่จะจอดรถ เขาก็เข้ามาต่อยตนก่อน จนรถล้มลง พร้อมกับพูดว่า “มึงจำกูได้ไหม” หลังจากนั้น เขาก็น่าจะกำกุญแจรถไว้เเล้วต่อยมาที่ใบหน้าตนหลายครั้ง ซึ่งตนก็พยายามป้องกันตัว เเละสู้กลับ ทำให้กุญแจที่เขาถือถากโดนหน้าตนไปนิดหน่อย ส่วนมือตนก็บวม ก่อนเขาจะไปหยิบไม้จะมาฟาดตน ก่อนจะหลบหนีไป

ซึ่งสาเหตุของเรื่องทั้งหมด จากสาเหตุในวันนั้นที่ตนเข้าไปห้ามไม่ให้เขาทะเลาะกับแฟนสาวและมีการไล่ออกจากหอพัก เเละทำให้เขาไม่เคยรู้สึกโกรธเคืองเป็นอย่างมาก หลังจากนั้นตนเองก็ได้ไป แจ้งความไว้ที่โรงพัก ข้อหาทำร้ายร่างกาย ซึ่งตั้งเเต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ตนก็ยังไม่ได้เจอกับคู่กรณีอีก แต่ทราบมาว่าเขาน่าจะยังพักอยู่ใกล้ ๆ หอพักเดิมนี้ และไม่ได้ตามมารังควาน ตอนนี้ก็ยอมรับว่าค่อนข้างกังวล เพราะเขารู้ว่าตนอยู่ที่ไหน เหมือนกับตนอยู่ที่เเจ้ง เขาอยู่ในที่มืด

ด้านนางสาวสุดารัตน์ อายุ 28 ปี เเฟนของนายภูมิ เปิดใจกับทีมข่าวว่า ตนคบหากับเเฟนคนนี้มานาน 6 ปีเเล้ว มีลูกสาวด้วยกัน 1 คน อายุ 3 ขวบ ตอนนี้ลูกสาวตนให้เเม่ของตนเลี้ยงอยู่ที่บ้าน ส่วนตนกับแฟนก็ออกมาทำงานหาเงิน ซึ่งตนเป็นพนักงานในห้างสรรพสินค้า ส่วนเเฟนก็ขับไรเดอร์ ปกติเขาเป็นคนหัวร้อนอยู่เเล้ว เเละลักษณะท่าทางการพูดเขาเป็นแบบในคลิป เเต่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดเเต่อย่างใด เเต่ก็จะมีการเสพกัญชาบ้างตามประสา

คืนวันนั้นตนยอมรับว่ามีการทะเลาะกับแฟนจริง เเละตนก็ได้บอกเพื่อนจริงว่าให้เเจ้งตำรวจ ต่อมาพี่คนดูแลหอก็ได้พาตำรวจขึ้นมาหน้าห้องพักของตน เเละก็เป็นไปตามคลิป โดยปกติแฟนของตนเป็นคนเสียงดังอยู่แล้วเหตุการณ์ในวันนั้นแฟนของตนเองได้มีการต่อว่าทางตำรวจและคนดูแลหอพักด้วย ซึ่งทางฝั่งของคนดูแลหอพักก็ได้มีการถ่ายคลิปพวกตนของตนก็ได้มีการอัดคลิปเช่นกัน จนเกิดเสียงดังเคลียร์กันไม่ลงตัว เเละสิ่งที่ทำให้เเฟนตนโมโหมากขึ้นเพราะ เหมือนคนอื่นเข้ามายุ่งเรื่องครอบครัว เเละถูกมีคนนอกเข้ามาพูดเรื่องของพวกตน

ทางตำรวจจึงบอกให้เก็บของลงไปข้างล่าง ซึ่งเมื่อลงไปข้างล่างเเล้ว ก็ยังไม่จบ ต่างฝ่ายต่างมองหน้ากัน เเฟนก็ของตนก็ไม่ยอมเงียบเสียงดังไม่หยุด จนตนก็รำคาญแฟน ตนจึงได้ตบปากแฟนไป 1 ครั้ง อีกฝ่ายก็ทำท่าจะเข้ามารุมตีเเฟนด้วย จนเเฟนของตนสิ่งหนีออกไปด้านนอกหอพัก ซึ่งตอนนั้นตำรวจก็ยังอยู่ เเต่หลังจากเหตุการณ์สงบลงเเฟนของตนก็กลับมาเเละเอาของเพื่อย้ายออกไป ซึ่งคืนนั้นพวกตนก็ไปอยู่ที่บ้านแฟนที่อยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี เหมือนกัน หลังจากนั้น 2-3 วัน ก็หาหอพักใหม่ เพราะตนต้องทำงานเเถวนี้

ซึ้งหลังจากนั้นอีก 1 สัปดาห์ที่เเฟนของตนกลับที่หอพักก็เพื่อยะไปเอามีดเเละบ้องกัญชาที่ลืมไว้ที่หอพัก เเต่ทางฝ่ายคนดูแลหอพักเเจ้งว่าเอาให้ตำรวจไปเเล้ว ซึ่งเรื่องนี้ ตนก็ได้เเจ้งกับทางคนดูแลหอพักไปแล้วว่าวันนั้นแฟนของตนเข้าไปทำอะไร เเต่เหมือนเขาจะไม่เชื่อเเละในวันนั้น เเฟนของตนก็ไม่ได้มีการพกอาวุธไปด้วย

จากนั้นฝ่ายคู่กรณีก็ได้มีการโทรมาหาเเฟนของตนถามว่าวันนั้นเข้าไปที่หอพักทำไม ต้องการจะหาเรื่องหรือไม่ มึงต้องการอะไร ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็พูดจาหาเรื่องกัน ท้าทายกัน โดยต่างพูดใส่กันว่า “อย่าให้กูเจอมึงนะ ถ้ากูเจอมึงที่ไหน กูก็เล่นมึงที่นั่น” จนกระทั่งวันที่ 20 ม.ค.66 ตนยอมรับว่าตนอยู่หอพักเเห่งใหม่ เเละได้ใช้ให้แฟนไปซื้อข้าวที่เซเว่น จนกระทั่งแฟนกลับมาที่ห้องเเล้วบอกว่า เจอคู่กรณี เเละยอมรับว่า ได้ไปต่อยเขาก่อน เเต่ไม่ได้ใช้อาวุธอะไร เเต่ถูกอีกฝ่ายตามพวกมา เเละน่าจะใช้อะไรไล่ตแฟนของตนจนต้องวิ่งหนีกลับห้อง ก่อนแฟนจะบอกให้ตนกลับไปเอารถจยย.ให้หน่อย เพราะรู้อยู่เเล้วว่าถ้าตนไปก็จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น เพราะ ตนไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเขา