ชูวิทย์ แฉยับหนุ่มสิงคโปร์จ่ายค่าไถเงินหมื่นแลกปล่อยตัวสาวไต้หวัน ผบ.ตร.ลงดาบเด้งผู้กำกับ (คลิป)

30 ม.ค. 66

คืบหน้ากรณี “อันหยู๋ชิง” ดาราสาวชาวไต้หวัน ที่อ้างว่าถูกตำรวจไทยรีดไถเงินจำนวน 27,000 บาท หลังมาท่องเที่ยวในประเทศไทยเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ต่อมาตำรวจมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดและพบว่า ขัดแย้งกับที่เธอโพสต์เรื่องราวก่อนหน้านี้ว่า ถูกตำรวจยื้ออยู่ภายในด่าน 2 ชั่วโมง ต่อมาตำรวจได้นำกล้องวงจรปิดเปิดเผยว่า จริง ๆ แล้ว ในวันคืนเกิดเหตุ 5 ม.ค. 66 สาวไต้หวันอยู่ที่ด่านใช้เวลา 47 นาทีเท่านั้นไม่ใช่ 2 ชั่วโมง และยังไม่พพบการรีดไถ่เงินของตำรวจอย่างที่สาวไต้หวันกล่าวอ้าง ขณะที่วงจรปิดในโรงแรมที่เธอพักตำรวจได้ไล่กล้องวงจรปิดก็พบในมือของเธอกำลังถืออุปกรณ์คล้ายบุหรี่ไฟฟ้าอยู่ก่อนแล้ว ไม่ใช่ตำรวจเป็นคนยัดและรีดไถเงิน

404731

วันที่ 30 ม.ค. 66 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กระบุข้อความว่า “ด่วนที่สุด! ตำรวจรีดเงินดาราสาวไต้หวันจริง ระเบิดลงนครบาล! เมื่อเย็นนี้ ผบช.น. ให้โฆษกฯ แถลงข่าวยืนยันว่า ตรวจสอบแล้วไม่มีตำรวจห้วยขวางเรียกรับผลประโยชน์ แต่ปรากฏว่ามีผู้หญิงคนไทยแฟนเป็นคนสิงคโปร์ที่ไปร่วมวงสังสรรค์กินเหล้ากับดาราสาวไต้หวันให้การยืนยันว่า ได้เป็นผู้จ่ายเงินจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจที่ตั้งด่านด้วยตัวเอง! และมีคลิปยืนยันด้วย

เพราะเห็นว่า การแถลงข่าวเมื่อเย็นเมื่อวานนี้ของนครบาลยังปากแข็งไม่ยอมรับ ทำให้ตำรวจห้วยขวางชุดที่ตั้งด่านเพิ่งรับสารภาพสดๆ ร้อนๆ ว่ารีดเงิน 27,000 บาท จริง! ก่อนหน้านี้ ผบช.น. พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ใช้ให้ลูกน้อง พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผู้บังคับการ น.1 และ พ.ต.อ.ยิ่งยศ สุวรรณโณ ผู้กำกับ สน.ห้วยขวาง ไปวางแผนทำขายขี้หน้าหลายเรื่อง 1. ลบคลิปที่ด่านหน้าสถานทูตจีน, 2. ลบคลิปกล้องบนหมวกของตำรวจที่ด่านม 3. กล่อมให้คนขับแกร๊บยืนยันว่าดาราสาวไต้หวันเมามาก พูดไม่รู้เรื่อง อยู่ที่ด่านแค่ 40 นาที แล้วอ้างว่ากล้องหน้ารถบันทึกได้แค่ 20 วัน จึงไม่มีภาพ, 4. ปล่อยคลิปสารพัดเพื่อดิสเครดิตดาราสาวไต้หวัน
5. ตอบโต้ แก้ตัวแทนลูกน้องตัวเอง โยนไปว่าสาวไต้หวันแต่งเรื่อง

ผบ.ตร. เห็นท่าไม่ดี สั่งการให้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผู้การฯ ศูนย์สืบสวนนครบาล รีบบินด่วนเพื่อไปสอบปากคำจากดาราสาวไต้หวัน พร้อมกันกับที่สาวไทยที่ไปเที่ยวด้วยกัน มาให้ข้อมูลว่าเป็นคนจ่ายเงิน 27,000 บาทด้วยตัวเอง ทีม บชน. จึงชิงกลับลำให้ตำรวจห้วยขวางสารภาพเสียดีกว่า ระเบิดจึงลงที่นครบาลอีกครั้งพังไม่เป็นท่า วันจันทร์คงแบกหน้าสารภาพผิดเรื่องสำนวน “ตู้ห่าว” ยังมีกลิ่นตุๆ ไม่หาย ยังมาทำเรื่อง “สาวไต้หวัน” ให้กลิ่นเหม็นเน่าเข้าไปอีก

เพิ่งเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว กลับเจอด่านรีดไถเพราะบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้อับอายขายขี้หน้าไม่พอที่สำคัญยังไป “แต่งเรื่อง” ทำลายหลักฐานไม่ยอมรับความจริง กลับโทษสาวไต้หวันคนพูดความจริงเสียอีก ตำรวจนครบาลภายใต้การกำกับของ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง เจ้าเก่าอีกแล้ว แทนที่จะกล้ายอมรับความจริงจัดการให้คนต่างชาติเขาเห็นว่า เราเอาจริงกับตำรวจรีดไถ ดันแต่งเรื่องช่วยปกป้องคนผิด โยนว่าสาวไต้หวันเมา ผมบอกท่านนายกฯ ไว้แล้ว เมื่อวันไปพบที่ศูนย์ประชุมสิริกิติ์ ดันไม่เชื่อผม ให้ ผบช.น. คนนี้อยู่นครบาลต่อไป ยังมีระเบิดลงอีกเป็นลูกระนาด” โดยหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปมีคนเข้าไปแสดงความเห็นมากมาย 

599638

ต่อมาเมื่อเวลา 11.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. และ โฆษก บช.น., พล.ต.ต.อัฏธพร วงศ์ศิริปรีดา ผบก.น.1 ร่วมแถลงข่าวถึงกรณีดังกล่าว หลังนายชูวิทย์ออกมาโพสต์แฉเรื่องที่เกิดขึ้นในวงแถลงข่าว

พล.ต.ท.ธิติ เปิดเผยว่า จากการรวบรวมพยานหลักฐานเบื้องต้น ปรากฎข้อเท็จจริงว่า มีการตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีนจริง และปรากฏภาพดาราสาวไต้หวันครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าจริง ไม่ใช่ตำรวจเป็นผู้ยัดบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าใครที่ครอบครองจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.ศุลกากร

687651

แต่จากการตรวจสอบ พบเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะปฎิบัติหน้าที่ตั้งด่านตรวจ ได้พบเห็นวัตถุผิดกฎหมายดังกล่าว แต่ไม่ได้ตรวจยึดเป็นของกลางเพื่อส่งตรวจสอบ และดำเนินคดีตามกฎหมายกับดาราสาวไต้หวัน แต่ให้ดาราสาวไต้หวันและเพื่อนชายเดินทางออกจากจุดตรวจไป ซึ่งกรณีนี้ถือว่าเข้าข่ายความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ซึ่งทางกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้สั่งการให้ดำเนินการทั้งทางวินัยและอาญากับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านตรวจทั้งหมด 7 นายแล้ว

ส่วนเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จากนักท่องเที่ยวนั้น จะต้องดำเนินการติดตามพยานหลักฐาน ซึ่งยังอยู่ระหว่างการรวบรวมให้ชัดเจน ทั้งพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องที่จะต้องเรียกมาสอบสวน พยานเอกสาร บันทึกรับสารภาพ จำนวนเงินที่แน่นอน ตามที่มีกระแสข่าวนั้น ซึ่งหากพบว่ามีความผิดชัดเจนจะดำเนินการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมไม่ได้ละเว้น

และจากการตรวจสอบหลักฐานที่ตำรวจได้รับมาในขณะนี้ ทำให้ได้ความชัดเจนในเหตุการณ์ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังการเรียกตรวจค้น ซึ่งคณะสอบสวนได้ตั้งประเด็นสอบสวนต่อไปว่า เหตุใดจึงการเรียกให้หยุดตรวจค้น และทำไมถึงใช้เวลาตรวจค้นนาน ซึ่งผลการสอบสวนจะถูกนำมาเชื่อมโยงกับหลักฐานจากกล้องวงจรปิด

พล.ต.ท.ธิติ ยืนยันว่า ตำรวจไม่มีการสั่งให้ลบภาพจากกล้องวงจรปิด หรือกล้องจากหมวกตำรวจ ตามที่นายชูวิทย์ออกมาแฉ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ เพราะเป็นกล้องของกรุงเทพมหานคร ส่วนกล้องที่ติดหมวกของเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะนี้ได้รวบรวมส่งไปที่สำนักงานพิสูจน์หลักฐานให้ทำการตรวจสอบเนื่องจากไฟล์ถูกลบจริง แต่เป็นการลบเองหรือไฟล์หมดอายุ ต้องรอผลการตรวจสอบอีกครั้ง ยืนยันว่าไม่มีใครสั่งการให้ทำเรื่องผิดกฎหมาย และตนเองไม่ทำแบบนั้นแน่นอนยืนยันด้วยเกียรติของตนเองที่รับราชการตำรวจ

สำหรับกล้องวงจรปิดที่หน้าสถานทูตจีน ซึ่งเป็นกล้องวงจรปิดตัวที่ใกล้ที่สุด ซึ่งจนถึงขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานสถานทูตจีนเพื่อขอดูกล้อง ยืนยันตำรวจไม่สามารถจะเข้าไปดำเนินการลบอะไรได้อยู่แล้ว และขณะนี้ได้ทำหนังสือขอภาพจากกล้องดังกล่าวไปแล้วตั้งแต่วันแรกที่เกิดเหตุ ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างรอการตอบรับอยู่เนื่องจากติดวันหยุดเสาร์อาทิตย์ พร้อมยืนยันว่าหากใครมีพยานหลักฐาน หรือคลิปภาพใดก็ยินดีรับ และจะดำเนินการตามความเป็นจริง

พล.ต.ท.ธิติ ย้ำว่า “ตำรวจที่ไม่ดี จะไม่เก็บไว้ในองค์กร” ส่วนคลิปหลักฐานของตำรวจรีดไถเงินที่นายชูวิทย์อ้างว่า มีการส่งเงินให้นั้น ตำรวจยังไม่มีและหากคุณชูวิทย์มีจริงก็นำมาส่งให้ตนเองได้เลย ส่วนประเด็นการรับสารภาพของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตั้งด่านนั้น จากการสอบครั้งแรกหลังเกิดเรื่อง ตำรวจที่ตั้งด่านทั้ง 7 ยืนยันว่าไม่มีใครเรียกรับผลประโยชน์ แต่ขณะนี้ตอนเช้าวันนี้ตนเองยังไม่ทราบว่า ทั้งหมดรับสารภาพแล้วหรือยัง และจะมีการกลับคำให้การหรือไม่ขอตรวจสอบเพิ่มเติมก่อน แต่หากหลักฐานชัดก็จะดำเนินคดีเพิ่มเติมทุกนายแน่นอน

สำหรับกรณีที่นายชูวิทย์ ให้ข้อมูลว่ามีหญิงไทยเป็นผู้ส่งมอบเงินจำนวน 27,000 บาท ให้ตำรวจนั้น ตนเองได้เร่งรัดติดตามบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดมาสอบสวน ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างรอข้อมูลเพิ่มเติมว่ามีบุคคลนอกเหนือจากคนขับรถหญิงชาวไต้หวันและเพื่อนชาย 3 คน เข้ามาที่ด่านเพิ่มเติมหรือไม่

ขณะที่เพื่อนชายทั้ง 3 คนที่เดินทางมากับดาราสาวไต้หวัน ก็ได้พยายามติดต่อให้เข้ามาให้การแล้ว เพราะการจะดำเนินคดีเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์จะต้องสอบสวนทั้งผู้ให้และผู้รับให้ชัดเจน แต่การประสานงานกับทางไต้หวันต้องทำผ่านเจ้าหน้าที่ เพราะได้ประสานงานโดยตรงไปแล้วแต่ไม่ได้รับการตอบรับ

นอกจากนี้ มีรายงานข่าวว่าจากภาพวงจรปิดที่ปรากฎที่บริเวณด่าน ตำรวจได้มุ่งเป้าการสอบสวนข้อเท็จจริงไปที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย ที่มีลักษณะการยืนอยู่ใกล้ชิดกับกลุ่มของนักท่องเที่ยวมากที่สุด แต่ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่ามีการกระทำความผิดจริงหรือไม่ ส่วนที่มีรายงานว่า ในขณะเกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ 1 นายที่ไม่ได้เข้าเวรในวันดังกล่าว แต่เดินทางเข้ามาที่ด่านก็อยู่ระหว่างให้ชุดสืบสวนดำเนินการตรวจสอบอยู่เช่นกัน อย่างไรก็ตามช่วงบ่ายของวันนี้จะมีการเรียกตำรวจชุดตั้งด่านทั้งหมด 7 นาย มาสอบปากคำอย่างละเอียดอีกครั้ง

พล.ต.ท.ธิติ บอกทิ้งท้ายว่า ตนเองขอโทษพี่น้องประชาชนที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น และยืนยันจะทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมาเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมา เนื่องจากการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นการทำลายภาพลักษณ์องค์กรตำรวจเป็นอย่างมาก ซึ่งตนเองหากพบเจ้าหน้าที่นายใดจะทำความผิดตนเองจะดำเนินการขั้นเด็ดขาดไม่มีละเว้นแน่นอน

982703

ทั้งนี้ ตำรวจฝ่ายป้องกันและปราบปรามของ สน.ห้วยขวาง จำนวน 5 นาย จาก 14 นาย ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ได้เข้าให้สอบปากคำ โดยมี พลตำรวจตรีนิตินันท์ เพชรบรม รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ปฏิบัติหน้าที่งานด้านเจร ตำรวจกองบัญชาการตำรวจนครบาล เป็นผู้สอบสวนข้อเท็จจริง

การสอบปากคำใช้เวลานานกว่า 2 ชั่วโมง ก่อนออกมาเปิดเผยว่า วันนี้เรียกสอบตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้ามาภายในห้องประชุมจำนวน 5 นาย จากทั้งหมด 14 นาย เบื้องต้นจากการสอบปากคำตำรวจที่เกี่ยวข้อง “ปฎิเสธเรื่องรับเงิน” ส่วนรายละเอียดทั้งหมดในวันนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะในช่วงเย็นวันนี้ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลจะเป็นผู้สอบปากคำตำรวจที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วยตัวเอง ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล โดยขณะนี้มีตำรวจที่เกี่ยวข้องอยู่ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลแล้วบางส่วน ซึ่งจะตามไปที่กองบัญชาการตำรวจนครบาลเพื่อให้ปากคำกับผู้บังคับบัญชา

พร้อมทั้งยังปฏิเสธเรื่องผู้หญิงที่เป็นคนจ่ายเงินให้กับตำรวจ โดยบอกว่าข้อมูลนี้มาจากนายชูวิทย์ ขณะที่จากการตรวจสอบพบข้อมูลว่า มีตำรวจ 4 นาย ในที่เกิดเหตุอยู่ใกล้ชิดกับดาราสาวไต้หวันจำนวน 4 คน ตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบและพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป

มีรายงานว่า ประเด็นในการสอบสวนครั้งนี้ เป็นการสอบเรื่องคำให้การของตำรวจและพยาน ที่อยู่ในที่เกิดเหตุว่าสอดคล้องกันหรือไม่ รวมถึงคำให้การของพยานของผู้เสียหายที่จะนำมาประกอบกันว่าพฤติการณ์นั้นมีความผิดตรงไหน จะไล่เรียงเหตุ มีใครบ้างและทำหน้าที่อะไร รวมถึงจะต้องดูว่าเงินนั้นได้มาจากใคร ได้มาอย่างไร ความเสียหายตกที่ใคร

ซึ่งการสอบสวนจะรู้ผลทันทีภายในวันนี้ ส่วนจะมีความผิดอะไรบ้าง เบื้องต้นจะเป็นความผิดอาญา ม.157 ฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่ ส่วนความผิดอื่น ๆ ต้องรอตรวจสอบก่อน เมื่อเเล้วเสร็จก็จะนำสำนวนส่งไปยัง ป.ป.ช. และ ปปท. ต่อไป

388853

ขณะเดียวกันทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้สำรวจบริเวณด้านหน้าห้องฝ่ายป้องกันปราบปราม ของ สน.ห้วยขวาง ซึ่งเป็นห้องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 14 นาย ที่ปฎิบัติงานอยู่หน้าด่านในวันเกิดเหตุเคยทำงานอยู่ พบว่าหลังจากเกิดเหตุบรรยากาศภายในห้องเงียบเหงาแทบไม่มีความเคลื่อนไหว

บริเวณหน้าห้องฝ่ายปราบปราม ทีมข่าวสังเกตเห็นเอกสารประกาศของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราม ติดประกาศอยู่ ภายในเอกสาร มีชื่อ ตำแหน่ง ของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปราบ ที่ระบุการเข้าเวรในแต่ละวันว่ามีใครบ้าง

558504

ซึ่งจากการตรวจสอบในคืนวันที่ 5 ม.ค. 66 ช่วงเวลา 00.01-08.00 น. เป็นต้นไปในคืนเกิดเหตุ ทีมข่าวพบมีเจ้าหน้าที่สายตรวจ ทั้งสิ้น 14 นาย ซึ่งเป็นทีมสายตรวจผลัด 223

281576

ต่อมาเพจของ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ได้โพสต์คลิปขอโทษ พร้อมกับระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊ก เตรียมเปิดบทสัมภาษณ์คนจ่ายเงิน 27,000.- โดยมีข้อความระบุไว้วว่า “ขอโทษ อันหยูชิง (安于晴) สาวไต้หวัน ที่ตำรวจไทยบางคนทำให้ได้รับความเสียหาย ในนามประชาชนคนไทย ผมต้องขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้น หวังเป็นอย่างยิ่งว่าชาวไต้หวันจะให้อภัย และยังคงไว้วางใจมาเที่ยวประเทศไทยอีกครั้ง และผมยืนยันจะติดตามเรื่องนี้ เพื่อให้ความจริงปรากฏ โปรดติดตามคลิปต่อไป สัมภาษณ์ชายสิงคโปร์ที่อยู่กลุ่มเดียวกันกับดาราสาวไต้หวัน และเป็นคนจ่ายเงินให้กับตำรวจ 27,000 บาท"

โดยบางช่วงบางตอนในคลิป นายชูวิทย์บอกว่า “ภาพลักษณ์ประเทศไทยขณะนี้ เสียหายไปมาก เพราะตำรวจไทยไปรีดไถ่เงินเขา เขาแห่กันมาเที่ยวแทนที่จะกลัวโจรปล้นแต่กลับโดนตำรวยปล้น และยิ่งไปกว่านั้นเป็นตำรวจที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง ผบช.น. มีคลิปทุกอย่างอยู่ในมือหมดแล้ว แต่วันนี้ท่านไม่ได้ออกมาปกป้องประเทศชาติ ไม่ได้ปกป้องภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทยแต่ท่านปกป้องตัวเอง เที่ยวไปทำลายพยานหลักฐานซึ่งมันไม่มีที่ไหนในโลก ซึ่งต่อไป นายกรัฐมนตรี บิ๊กเด่น ผบ.ตร. จะยังไว้ใจ ผบช.น. คนนี้ถึงเมื่อไหร่ โดยเรื่องทั้งหมดนี้อยากให้ตำรวจออกมายอมรับผิด ซึ่งตนเองในฐานะเป็นชาวไทยคนหนึ่งอยากจะขอโทษชาวไต้หวันและดาราสาวไต้หวันมากๆ ที่มาไทยแล้วต้องเจอเรื่องแบบนี้ขึ้น”

นายชูวิทย์ ยังโพสต์ทิ้งท้าย “เตรียมพบกับการสัมภาษณ์พยานชาวสิงคโปร์ที่จ่ายเงินให้ตำรวจ และจะเดินทางมาพบผมพรุ่งนี้ โดยผมออกค่าใช่จ่ายให้ทั้งหมด ส่วน 27,000 บาท ผบ.ตร. ต้องหามาคืนเขาเองนะครับ”

159902

และเมื่อช่วง 19.05 น. นายชูวิทย์ ได้มีความเคลื่อนไหวโดยเจ้าตัวลงคลิปพูดคุยกับ นายสกาย หนุ่มชาวสิงคโปร หนึ่งในผู้เสียหาย เพื่อนดาราสาวไต้หวันซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ จากการพูดคุยนายสกายยืนยันว่า ตนเองเป็นคนจ่ายเงินสดจำนวน 27,000 บาท ให้ตำรวจ 1 คน ภายในด่านจริง โดยขณะจ่ายเงินมีตำรวจอยู่ใกล้ ๆ บริเวณดังกล่าวจำนวน 4 นาย ซึ่ง ตำรวจ 1 นาย ที่พวกตนเองยอมจ่ายเงินให้ เพราะพวกตนเองถูกข่มขู่

ตำรวจนายดังกล่าว พยายามถามว่าทำไมไม่ยอมเอาพาสปอร์ตตัวจริงออกมา เนื่องจากในวันนั้นตัวเพื่อนที่เป็นดาราสาวไต้หวันและตนเองไม่ได้เอาพาสปอร์ตตัวจริงออกมา จำเป็นต้องโชว์วีซ่าเพื่อแสดงการเข้าประเทศ ซึ่งตนเองพยายามบอกตำรวจว่า ตนเองมีวีซ่าของสิงคโปร์สามารถอยู่ภายในประเทศไทยได้ 30 วัน แต่ตำรวจนายดังกล่าวยืนยันต้องใช้พาสปอร์ตตัวจริงเท่านั้น จากนั้นตนเองจึงได้โทรศัพท์ให้เพื่อนกลับไปพาสปอร์ตตัวจริงที่โรงแรมเพื่อนำกลับมายืนยันกับตำรวจ แต่ตำรวจนายดังกล่าวไม่ยอมและข่มขู่ อ้างว่าไม่สามารถกลับไปเอาพาสปอร์ตได้ หลังจากนั้นพวกตนเองได้โต้เถียงกับตำรวจนายดังกล่าวอยู่ระยะหนึ่ง

จากนั้นตำรวจได้พูดต่อว่า “ถึงแม้ไม่มีความผิดเรื่องพาสปอร์ต แต่ก็มีความผิดเรื่องพกพาบุหรี่ไฟฟ้า” และต้องถูกดำเนินคดีเนื่องจากผิดกฎหมาย ตนเองจึงถามกลับตำรวจว่า “เรื่องบุหรี่ไฟฟ้า ตนเองยอมรับผิด แต่ตนเองก็สงสัยว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีการวางขายหลายพื้นที่ในเมืองไทยและที่ตลาดห้วยขวางก็มีวางขายไม่มีความผิดมากกว่าหรือ

พอตนเองพูดจบประโยคนี้ ตำรวจนายดังกล่าวได้โมโหขึ้นมาทันทีและสั่งห้ามไม่ให้พวกตนเอง ถ่ายรูปหรือบันทึกคลิปวิดีโอทุกชนิด และข่มขู่เป็นเวลากว่า 1 ชั่วโมง ก่อนที่พวกตนเองจะจ่ายเงินสดจำนวน 27,000 บาท ให้กับตำรวจนายดังกล่าวไป

โดยระหว่างการพูดคุยกัน นายชูวิทย์ พยายามติดต่อขอให้นายสกาย เดินทางมาประเทศไทย เพื่อให้ข้อมูลทั้งหมด โดยจะออกค่าใช้จ่ายการเดินทางทั้งหมดให้และนำเงินจำนวน 27,000 บาท ที่ถูกตำรวจไทยเอาไปส่งคืนให้

ทั้งนี้นายชูวิทย์ ได้แจ้งกับสื่อมวลชนว่า นายสกาย จะเดินทางมาประเทศไทยในวันพรุ่งนี้ เพื่อแถลงรายละเอียดทั้งหมด ซึ่งขอฝากให้ทุกคนรอติดตาม

 

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส