แฉเล่ห์โกงแก๊งคอลฯ สวมรอยตร.ป่วยมะเร็ง เหยื่อเสียรู้หวิดสูญเป็นแสน (คลิป)

25 ม.ค. 66

กรณีนายหนุ่ย (นามสมมติ) ร้องเรียนกับทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ว่าถูกมิจฉาชีพแอบอ้างเป็นตำรวจสถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ และตำรวจนายหนึ่งยศ พันตำรวจตรี อ้างว่าบัญชีเงินฝากของธนาคาร ถูกกลุ่มมิจฉาชีพนำไปใช้ในการแอบอ้าง ทำสิ่งผิดกฎหมาย ให้โอนเงินเข้าบัญชีเจ้าหน้าที่ เพื่อตรวจสอบเส้นทางการเงิน แต่หลังจากโอนเงินไปให้ตรวจสอบแล้ว กลับตรวจสอบพบว่าเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจไซเบอร์

582715

นายหนุ่ยได้มอบหลักฐานให้กับทีมข่าว แชตสนทนาของมิจฉาชีพที่สร้างไลน์ ตั้งชื่อเป็นสถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ โดยได้พูดคุยกันตั้งแต่วันที่ 18 ม.ค.66 โดยวันแรกมีการขอสำเนาบัตรประชาชนของผู้เสียหาย หลังจากนั้นได้สนทนากันเพิ่มเติม และได้ขอยอดเงินคงเหลือในบัญชีต่าง ๆ ของผู้เสียหาย ผู้เสียหายได้เขียนยอดคงเหลือของบัญชีแต่ละธนาคารส่งไป แต่มิจฉาชีพขอให้บันทึกภาพหน้าจอแล้วส่งมา

577964

ต่อมาวันที่ 19 ม.ค. 66 มิจฉาชีพด้วยส่งเอกสารมาแล้วให้ผู้เสียหายทำความเข้าใจอ้างว่าจะมีการบันทึกเสียง เวลา 16.20 น. ได้พูดคุยกัน ประมาณ 13 นาที และสุดท้ายวันที่ 20 ม.ค. 66 มิจฉาชีพให้ส่งสเตตเมนต์ของผู้เสียหายไปให้ หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงได้โอนเงินเข้าบัญชี นายกิตติศักดิ์ ดวงฤทัย เป็นจำนวน 26,000 บาท ผู้เสียหายได้ส่งสลิปให้กับมิจฉาชีพ และยังให้แอดไลน์กับตำรวจที่ดูแลคดีโดยตรง

954238

โดยผู้เสียหายได้คุยกับมิจฉาชีพ ก่อนหน้านี้ใช้ชื่อ พันตำรวจตรีสุริยา สารคูณ ล่าสุดเปลี่ยนชื่อเป็น สภ.เมืองบุรีรัมย์ แล้ว โดยไม่ได้มีการบล็อกผู้เสียหาย แต่ยังส่งข้อความมาอีกว่าให้สนใจเรื่องคดี และอ้างว่าอาจเชื่อมโยงกับคดีตู้ห่าวอีกด้วย นอกจากนี้ มีเสียงสนทนาที่ผู้เสียหายได้คุยกับมิจฉาชีพที่ปลอมตัวอ้างเป็นพันตำรวจตรีสุริยา สารคูณ โดยเป็นการพูดคุยหลังจากที่ได้โอนเงินจำนวน 26,000 บาทไปแล้ว มิจฉาชีพจะขอให้โอนเงินมาเพิ่มอีก

791426

นายหนุ่ย (นามสมมติ) ผู้เสียหาย เล่าว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.66 ช่วงเย็น มีเบอร์แปลกโทรเข้ามาหาตนเอง ขณะนั้นระบุว่าเป็นธนาคาร ซึ่งแจ้งว่าตรวจสอบพบว่ามีผู้แอบอ้างนำบัญชีของตนเองไปทำเรื่องผิดกฎหมาย ที่ จ.บุรีรัมย์ จากนั้นให้ตนเองกดเลขเพื่อโอนสายติดต่อกับพนักงานธนาคาร เมื่อติดต่อกับพนักงานธนาคาร ได้ให้ตนเองจดข้อความว่า มีบุคคลแอบอ้าง เอาเอกสารไปเปิดบัตรเครดิต และจดรายละเอียดธนาคารที่เกิดเรื่องนำไปแจ้งกับตำรวจ และแจ้งว่าจะโอนสายให้พูดคุยกับตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ให้

หลังจากโอนสายไปหาตำรวจ ในโทรศัพท์ระบุเบอร์ 191 จริง ตำรวจอ้างว่าเป็นตำรวจ สภ.เมืองบุรีรมย์ และขอตรวจสอบเส้นทางการเงินของตนเอง ให้แอดไลน์ แล้วไปคุยรายละเอียดกันต่อทางไลน์ และยังส่งเอกสารราชการของ ป.ป.ช. มาให้ดู มีชื่อบุคคลอ้างเป็นคณะกรรมกลาง ตรวจสอบการฟอกเงิน ตนเองจึงเริ่มเชื่อและยังไม่ได้เอะใจ เพราะมีเอกสารราชการจริง และเบอร์ที่โทรคุยก่อนหน้านี้ก็เป็นเบอร์ 191 โดยตำรวจอ้างว่าให้โอนเงินเข้าบัญชี ตามชื่อที่ระบุในเอกสารเพื่อตรวจสอบ เป็นเวลา 15 นาที หลังจากนั้นจะโอนเงินคืนให้

812775

กระทั่งวันที่ 20 ม.ค. 66 ตนเองได้โอนเงินเข้าชื่อบัญชีที่ระบุไว้ในเอกสาร จำนวน 26,000 บาท แต่ผ่านไปนานกว่า 30 นาที ก็เงียบหาย จากนั้นไลน์ของ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ยังให้ติดต่อกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลคดีโดยตรง ตนเองจึงแอดไลน์ไปทันที แต่เมื่อพูดคุยกันตำรวจที่ดูแลคดีอ้างอีกว่าจะขอเงินเพิ่มอีก 100,000 บาท ตนเองจึงเริ่มเอะใจ และสืบหาข้อมูล ตรวจสอบตามชื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขึ้นในไลน์ เมื่อตรวจสอบไปก็พบว่าตำรวจนายดังกล่าวเป็นตำรวจจริง แต่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องเรียกเงินแต่อย่างใด จึงมั่นใจว่าถูกมิจฉาชีพหลอก จนถึงตอนนี้มิจฉาชีพกลุ่มดังกล่าวยังไม่ได้บล็อกไลน์ตนเอง และเมื่อวานนี้ยังส่งข้อความมาหาอ้างว่าให้สนใจคดีความด้วย แถมขู่ให้ระวังตัว ตนเองจึงเข้าแจ้งความออนไลน์ ซึ่งเป็นส่วนของตำรวจไซเบอร์ในวันเดียวกัน โดยตำรวจจะนัดสอบปากคำในวันที่ 20 ก.พ. 66 ซึ่งตนเองมองว่าค่อนข้างช้ามาก จึงอยากจะนำเรื่องราวมาเตือนภัย และเป็นอุทาหรณ์ให้กับคนอื่น เพราะไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องแบบนี้กับตัว

446273

ด้านนางสาวอรดี (นามสมมติ) ภรรยาของ พ.ต.ท.สุริยา สารคูณ สารวัตรป้องกันและปราบปราม เปิดใจว่าไม่มีทางเป็นไปได้ และมองเหตุการดังกล่าวเป็นการนำชื่อตำแหน่ง ในฐานะเจ้าหน้าที่ตำรวจไปแอบอ้างคล้ายเคสเก่าที่เป็นข่าว ส่วนที่ทราบเรื่องนั้นมาจากช่วงวันที่ 20 ม.ค. ที่ผ่านมา ทางผู้เสียหายได้มีการค้นหาเบอร์ และติดต่อตามลื่อที่ทางมิจฉาชีพได้แอบอ้าง ก่อนที่ทางผู้เสียหายจะโทรเข้ามาที่เบอร์ของแฟนตน พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่ามีการหลอกให้โอนเงินไป ตนเองตกใจพร้อมชี้แจงว่าน่าจะเป็นมิจฉาชีพ เพราะจากที่ได้รับทราบข้อมูล ช่วงที่เกิดเหตุเป็นวันที่ 18 ม.ค. ไม่มีทางที่สามีของตนจะติดต่อสื่อสารได้

960353

สามีของตนเช้าพักรักษาตัวด้วยอาการป่วยมะเร็ง ตั้งแต่วันที่ 11 ม.ค. ก่อนที่จะเข้าห้องไอซียู ในวันที่ 13 ม.ค. ซึ่งเขาเองไม่มีสติและไม่สามารถสื่อสารได้ โทรศัพท์ของเขาตนเองก็เป็นคนถือไว้ตลอด ขณะที่ข้อพิรุธต่อมาคือเรื่องของตำแหน่ง และยศของสามีก็ไม่ตรงตามที่ทีการกล่าวอ้าง ยศของสามีตนนั้นเป็น พ.ต.ท. ไม่ใช่ พ.ต.ต. ตามที่มืจฉาชีพกล่าวอ้าง ตลอดจนในส่วนของสังกัดนั้น สามีของตนไม่ได้อยู่ในส่วนของ สภ.เมืองบุรีรัมย์ แต่เขาเองย้ายไปอยู่ สภ.หนองสองห้องนานกว่า 1 ปีแล้ว

905899

รวมไปถึงตัวไลน์ของสามี รูปโพรไฟล์ไม่ได้เป็นแบบที่มิจฉาชีพกล่าวอ้าง รวมไปถึงในส่วนของบัญชีที่ทางมิจฉาชีพให้โอนไปนั้น ตรวจสอบแล้วเป็นบุคคลที่อยู่ในพื้นที่ จ.จันทบุรี ไม่ได้เป็นญาติหรือบุคคลรู้จักกับทางฝั่งตนหรือสามึแม้แต่นิดเดียว หนำช้ำเบอร์โทรที่ติดต่อก็ไม่ตรงกัน

 

 

advertisement

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส