ขาสั้นมวยหมู่รุมตื๊บเด็กพิเศษม้ามฉีกปืนตบซ้ำ แม่ผวาแจ้งจับยังขู่ฆ่า (คลิป)

จากกรณี น.ส.ณัฐกาญจน์ (สงวนนามสกุล) หรือ ทราย อายุ 35 ปี แม่ค้าขายข้าวหมกไก่ภายในซอยสามัคคี ต.ท่าทราย อ.เมือง จ.นนทบุรี ร้องเรียนผ่านสื่อฯ ว่า นายกร บุตรชาย นักเรียนชั้น ม.3 เป็นเด็กพิการสมาธิสั้น ได้ถูกกลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมแห่งหนึ่ง รุมทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสม้ามฉีก เบ้าตาขวาถูกด้ามปืนตีจนบวมเป่ง เหตุเกิดภายในซอยวัดกู้ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 

วันที่ 24 ม.ค. 66 ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดก่อนถึงบริเวณจุดเกิดเหตุลานกว้างติดกับริมแม่น้ำ ในวันที่ 17 ม.ค. 66 ช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุประมาณ 15.55 น. จะมีกลุ่มเด็กนักเรียนใส่เสื้อนักเรียนสีขาว กางเกงสีดำ 3 คน เดินผ่านกล้องร้านแห่งหนึ่ง มีลักษณะไปก้มหยิบหินหน้าร้าน ซึ่งตามที่พยานเห็นเหตุการณ์บอกว่าในช่วงเกิดเหตุจะมีกลุ่มคนก่อเหตุทั้งใส่ชุดนักเรียนและใส่ชุดลำลอง บางส่วนไม่มีอาวุธแต่ใช้ก้อนหินเขวี้ยงปา โดยภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ซึ่งเป็นกลุ่มที่ใส่ชุดนักเรียนกำลังหยิบก้อนหิน

และภายหลังเกิดเหตุ ช่วงเวลาประมาณ 16.43 น. กลุ่มคนก่อเหตุ 10 คน ตามที่ชาวบ้านเห็น มีการแยกย้ายหลบหนีตามซอยภายในชุมชน บางส่วนเดินย้อนกลับทางเดิน บางส่วนออกไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ที่จอดรออยู่ ซึ่งมีกล้องวงจรปิดใกล้ที่เกิดเหตุจับภาพได้ช่วงเวลาหลังเกิดเหตุ กลุ่มแรกจะเด็กนักเรียนที่ใส่ชุดพละและชุดลำลองวิ่งออกมาจากจุดเกิดเหตุ เพื่อเข้าไปภายในซอยในชุมชน และจะมีเด็กบางคนสังเกตว่าเป็นกางเกงขายาวสีดำ วิ่งผ่านกล้องเพื่อไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์

และนอกจากนี้ มีกล้องวงจรปิดภายในซอยชุมชน เวลาประมาณ 16.47 น. จับภาพกลุ่มรถมอเตอร์ไซค์ ของกลุ่มนักเรียนซึ่งใส่ชุดลำลอง ใส่เสื้อแขนยาวสวมหมวกกันน็อก ใช้รถมอเตอร์ไชค์ 3 คัน ขับหนีออกท้ายซอยไปทางวัดกู้ ซึ่งจับภาพเอาไว้ได้ 5 คน

วันที่ 24 ม.ค. 66 ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังท่าน้ำวัดกู้ เชื่อมต่อมายังหลังวัดบ่อ ต.บางพูด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ซึ่งจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณริมแม่น้ำ มีศาลาและมีลานกว้างซึ่งเป็นสนามหญ้า โดยในวันเกิดเหตุตัวของเด็กนักเรียนชั้น ม.3 มากับเพื่อนผู้หญิงคนสนิทที่มาให้อาหารปลาบริเวณจุดดังกล่าว ก่อนที่จะเผชิญหน้ากับกลุ่มคนก่อเหตุประมาณ 10 คน และถูกหาเรื่องจนกระทั่งถูกรุมกระทืบในเวลาต่อมา

แต่แม้ว่าบริเวณริมแม่น้ำ จะเป็นพื้นที่สาธารณะสำหรับให้ชาวบ้านมาให้อาหารปลาและพักผ่อน แต่บริเวณพื้นที่ซอยชุมชน มีการเขียนป้าย “พื้นที่ส่วนบุคคล ห้ามเด็กนักเรียน นักเลง มั่วสุม” ซึ่งมีการเขียนป้ายประกาศชัดเจน แต่บริเวณจุดดังกล่าวมักจะมีกลุ่มเด็กนักเรียนมามั่วสุมกันเป็นจำนวนมาก จึงทำให้เกิดเหตุบ่อยครั้ง ซึ่งชาวบ้านให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่าก่อนหน้าก็เพิ่งจะมีเหตุไล่ฟันกัน

น.ส.กาแฟ (นามสมมติ) ชาวบ้านในพื้นที่ ในฐานะคนเห็นเหตุการณ์ เผยว่า ในวันเกิดเหตุคือวันที่ 17 ม.ค. 66 ตนสังเกตุเห็นว่า ตัวของน้องนักเรียนชั้น ม.3 มากับเพื่อนผู้หญิงคาดว่าเป็นแฟนสาว โดยตัวของคนเจ็บใส่เสื้อสีขาวกางเกงยีนส์ คาดว่าวันดังกล่าวนั้นไม่ได้มาเรียน แต่ตั้งใจที่จะพาเพื่อนมาเที่ยวริมน้ำ หลังจากนั้นได้เผชิญหน้ากับกลุ่มคนก่อเหตุ ซึ่งได้เข้าไปมีเรื่องกัน ก่อนที่จะถูกกลุ่มนักเรียนฝั่งตรงข้าม บางคนใส่ชุดนักเรียนบบางคนใส่ชุดลำลองเข้ารุมทำร้าย โดยอ้างว่าตัวของน้องคนเจ็บมีอาวุธปืนจึงพากันมารุมกระทืบ ซึ่งการทำร้ายร่างกายนั้น ทุกคนเน้นกระทืบบริเวณใบหน้า จนกระทั่งน้องคนเจ็บอยู่ในอาการสะบักสะบอม และบางคนหิ้วปีกลากไปกระทืบต่อที่อื่น เพราะเนื่องจากตอนนั้นเริ่มมีชาวบ้านเข้ามาเห็นเหตุการณ์และเข้าไปห้าม

ทั้งนี้ตนเองไม่ได้เห็นกับตาว่า มีอาวุธปืนอยู่ในมือของเด็กคนเจ็บหรือไม่ แต่สิ่งที่ได้ยินคือกลุ่มที่กำลังรุมกระทืบตะโกนพูดขึ้นมาว่า “มันมีปืน” แต่สิ่งที่ชาวบ้านและคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเห็น คือกลุ่มที่มารุมกระทืบ 10 คน มีหนึ่งในนั้นพกอาวุธปืนมาด้วย และมีชาวบ้านเข้าไปพยามห้ามเหตุการณ์ ยังถูกใช้อาวุธปืนหันปลายกระบอกไปหา แล้วบอกว่า “อย่ามายุ่ง” จะทำให้ชาวบ้านไม่มีใครกล้าเข้าไปห้ามปรามในขณะที่เด็กกำลังมีเรื่องกัน แต่ในระหว่างนั้นจะได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงที่มากับน้องคนเจ็บตะโกนบอกกับกลุ่มที่กำลังกระทืบ ขอไม่ให้มีการทำร้ายร่างกาย พูดทำนองว่า “พอแล้วหนู ขอเถอะ อย่า อย่าทำ พอ ๆ” และนอกจากนี้ยังสังเกตว่ามีเด็กบางคนไม่ได้มีอาวุธในมือแต่มีการใช้ก้อนหินในการเขวี้ยงปา

หลังจากเกิดเหตุ กลุ่มเด็กต่างคนต่างแยกย้าย ซึ่งบางส่วนวิ่งหนีเข้าไปภายในซอยชุมชน บางส่วนวิ่งออกไปทางวัดบ่อ แต่ส่วนน้องคนเจ็บถูกหิ้วปีกไปแถวท่าเรือปากเกล็ด ตอนนั้นน่าจะไม่ได้สติแล้วเพราะถูกกระทืบบริเวณใบหน้าและหัว สภาพค่อนข้างเจ็บสาหัส มีเพื่อนบางส่วนที่ตามมาด้วยกันเท่านั้นที่ช่วยหิ้วปีกพาหนี

สำหรับชนวนเหตุตนเองก็ไม่ทราบว่า เด็กทั้ง 2 ฝ่ายรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ เพราะโดยส่วนใหญ่เด็กนักเรียนและรวมไปถึงเด็กอาชีวะชอบมามีเรื่องบริเวณริมฝั่งท้ายวัดระหว่างวัดกู้กับวัดบ่อ ตนเองพบเห็นแบบนี้เป็นประจำ ส่วนตัวก็อยากให้หน่วยงานและรวมถึงตำรวจเข้ามาแก้ไขปัญหาบ้าง เนื่องจากจุดเกิดเหตุเป็นที่มั่วสุมของเด็กวัยรุ่น

ทีมข่าวได้รับภาพนิ่งจากพลเมืองดี ซึ่งมีการถ่ายรูปพรรณสันฐานและใบหน้าของกลุ่มเด็กที่ก่อเหตุได้ชัดเจน โดยส่วนใหญ่สังเกตว่าจะเป็นเด็กและเยาวชน ซึ่งมีการสวมใส่เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว มีการสวมใส่หมวกแก๊ปและฮูดคุมหัว ซึ่งพยาน ต้องการชี้ให้เห็นว่าก่อนและหลังเกิดเหตุรูปประพรรณสันฐานชัดขนาดนี้ เจ้าหน้าที่ยังรอการตรวจสอบเรื่องอะไรอยู่ ฉะนั้นจึงอยากที่จะมีการเปิดเผยภาพดังกล่าวเพื่อให้คดีมีความคืบหน้า และรวมถึงเด็กคนเจ็บได้รับความเป็นธรรม

โดยภาพที่ทีมข่าวได้รับมาเพิ่มเติม จะเป็นภาพก่อนที่จะมีการรุมกระทืบ โดยจะเห็นว่ากลุ่มเด็กที่สวมใส่เสื้อแขนยาวจะเข้าไปเคลียร์กับเด็กนักเรียนชั้น ม.3 คนเจ็บ ซึ่งในภาพจะเห็นว่าเจ้าตัวใส่เสื้อสีขาวแขนสั้น กางเกงยีนส์ อยู่วงล้อมตรงกลาง และยังมีภาพนิ่งที่พลเมืองดีถ่ายเอาไว้ได้จะเห็นกลุ่มที่เข้ามาหาเรื่องคนอื่น โดยเป็นรูปประพรรณสันฐานที่ชัดเจนมากขึ้น

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางเข้ามาพูดคุยกับ น.ส.ณัฐกาญจน์ แม่ของเด็ก ม.3 ผู้เสียหาย เผยถึงคืบหน้าว่า หลังจากที่ตนได้มีการแจ้งความกับทางเจ้าที่ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ ตนได้ให้ลูกชายของตนไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านญาติชั่วคราวภายใน จ.ชลบุรี เนื่องจาก เมื่อวานที่ผ่านมา ได้มีเพื่อนของลูกชายได้ส่งแชตเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นแชตพูดคุยกันระหว่างเพื่อนของลูกชายกับรุ่นพี่ที่รู้จัก โดยทางรุ่นพี่ได้มีการเตือนว่า “ให้ลูกชายตนระวังไว้ตัว ให้ดี รู้บ้านแล้ว กลุ่มผู้ก่อเหตุกำลังจะตามล่าไอกอ มันขู่ว่า จะตามเก็บศพไอกอ"

ตนพยามสอบถามลูกชายว่า เคยมีปัญหาอะไรกับใครที่ไหนหรือไม่ ซึ่งทางลูกชายก็ยืนยันว่า ไม่เคยมีปัญหาหรือรู้จักกับกลุ่มผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุ ต้องการอะไร และเหตุใดมาทำร้ายร่างลูกชายตนขนาดนี้ ที่ผ่านมาลูกชายก็ไม่เคยมีพฤติกรรมไปมีเรื่องกับใครที่ไหน เนื่องด้วยเขาเป็นเด็กสมาธิสั้นไม่เหมือนเด็กปกติทั่วไป

ส่วนอาการบาดเจ็บของลูกชาย ณ ตอนนี้ ดีขึ้นมากแล้ว แต่ยังคงมีอาการเจ็บท้องเล็กน้อย หลังเกิดเหตุตนยังไม่รับการติดต่อจากทางโรงเรียนต้นสังกัดของกลุ่มผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด ทั้งนี้ตนอยากให้กลุ่มผู้ก่อเหตุเข้า มอบตัวกับทางเจ้าที่ตำรวจและออกมาแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด และตนอยากจะถามกับกลุ่มผู้ก่อเหตุว่า ลูกชายตนไปทำอะไรให้ สร้างความเดือดร้อนอะไรให้ถึงมาทำลูกตนแบบนี้

ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังโรงเรียนโพธิ์นิมิตรวิทยา ภายในซอยวัดกู้ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี โดยได้รับการเปิดเผยจาก นายปวริศร์ โตน้ำ รอง ผอ.กลุ่มการบริหารงานกิจการโรงเรียน ว่าเบื้องต้นตนได้ดำเนินการเรียกเด็กและผู้ปกครองมาพูดคุย ตอนนี้รอทางผู้เสียหายไปแจ้งความและมาติดต่อทางเราหรือไม่ ซึ่งทางโรงเรียนจะได้ประสานและดำเนินการแก้ไขให้ซึ่งมันก็เงียบไป เราไม่ได้เห็นเหตุการณ์ การ สืบจากเด็กเขาก็ให้แค่ข้อมูลเบื้องต้นเท่าที่ให้ได้ ทางโรงเรียนต้องรอดูว่าเด็กที่เจ็บว่าแจ้งความแล้วหรือไม่ การสืบสวนต่อว่าผู้ที่กระทำคือใคร ต้องรอเจ้าหน้าที่จัดการ เมื่อเรื่องมาถึงโรงเรียนเรายินดีให้ความร่วมมือไม่ได้ปกป้อง ผิดว่าไปตามผิด ทางเราไม่ได้นิ่งนอนใจ เหตุเกิดวันพฤหัสบดีตนเรียกเด็กกับผู้ปกครองมาพูดคุยวันศุกร์ แต่ตนได้บอกกับผู้ปกครองไหว่าตนไม่รู้ว่าเด็กที่ถูกกระทำเจ็บมากน้อยแค่ไหน เพราะเราไม่มีข้อมูลต้องรอฟังว่าเรื่องจะดำเนินการอย่างไร

ถ้าเรื่องมาถึงทางโรงเรียนตั้งแต่วันศุกร์ ทางโรงเรียนจะได้นำส่งรายชื่อให้ เด็กเขาก็ยอมรับเพราะมันมีภาพที่เกิดเหตุ ทางโรงเรียนมีมาตรการการลงโทษอยู่แล้ว คือว่ากล่าวตักเตือน สุดท้ายคือปรับพฤติกรรม ระเบียบนักเรียนมีเท่านี้ จะไล่ออกมันไม่มีในระเบียบอยู่แล้ว เรื่องทำร้ายเป็นคดีก็อีกเรื่อง ถ้าทำผิดจริงเด็กก็ต้องเข้าสู่กระบวนการทางโรงเรียนจะไม่ก้าวล่วง ถ้าเสร็จสิ้นกระบวนการเด็กก็ต้องกลับมาที่เรา มันทำได้เพียงเท่านี้ คือถ้าเด็กจะย้ายไปที่ไหนเราก็ต้องให้เขาไป โรงเรียนต้องทำความเข้าใจกับผู้ปกครองหากอยู่ที่นี่แล้วไม่เหมาะสมและมีปัจจัยอื่นเพื่อทำความเข้าใจ