หนุ่มเมาคลั่งฆ่าพ่อเลี้ยงอ้างแค้นแทงจู๋ แฉก่อนตายสืบเมียคบชู้ (คลิป)

22 ม.ค. 66

วันที่ 22 ม.ค.66 เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ชีพ 1669 สระบุรี ได้รับแจ้งว่า มีผู้เสียชีวิตในบ้าน จึงได้แจ้งไปยัง พ.ต.ต.ภัทรพล ปิ่นทอง สารวัตรสอบสวน สภ.แก่งคอย อ.แก่งคอย จ.สระบุรี ได้รับทราบ จากนั้นได้ประสานเจ้าหน้าที่อาสากู้ภัยมูลนิธิปอเต็กตึ้ง สระบุรี เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ

306388

จุดเกิดเหตุเป็นห้องเช่าในพื้นที่ ม.7 ต.ทับกวาง อ.แก่งคอย จ.สระบุรี เมื่อเข้าไปถึงพบศพชายทราบชื่อ นายวโรรัตน์ พ่อเลี้ยง อายุ 54 ปี อยู่ ต.บ่อถ้ำ อ.ขาณุวรลักษณ์บุรี จ.กำแพงเพชร สวมกางเกงขาสั้นสีดำ ไม่สวมเสื้อนอนเสียชีวิต อยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ บริเวณหน้าอกขวามีรอยถูกแทงด้วยอาวุธมีด จำนวน 1 แผล มีเลือดไหลนองอยู่ใกล้ ๆ ศพ

146496

ส่วนอีก 1 รายผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ นายธีระพงษ์ อับโพธิ์ไทร ลูกเลี้ยง อายุ 23 ปี อยู่ ต.บ่อถ้ำ อ.ขาณุวรลักษณ์บุรี จ.กำแพงเพชร นอนอยู่ไม่ห่างศพผู้ตาย พบว่ามีร่องรอยถูกแทงด้วยอาวุธมีดบริเวณอวัยวะเพศ โดยมีเลือดไหลออกเต็มกางเกงยีนส์ที่สวมใส่ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และยังพบอาวุธมีดพกขนาด 3 นิ้ว จำนวน 1 เล่ม ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ

461233

จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พบว่าในห้องยังมีขวดเหล้า 40 ดีกรีตั้งอยู่จำนวน 2 ขวด ซึ่งขวดหนึ่งดื่มไปหมดแล้ว และยังพบอีกขวดเปิดอยู่ พร้อมด้วยข้าวของกระจัดกระจายเสียหายเต็มห้อง 

868548

ล่าสุดทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ลักษณะเป็นห้องเช่า ซึ่งทางครอบครัวได้เก็บทำความสะอาดคราบเลือดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทีมข่าวได้กล้องวงจรปิด บ้านข้างจุดเกิดเหตุมา กล้องตัวที่ 1 มีสองมุม มุมแรกเห็นผู้ตาย ขับรถกระบะออกจากบ้าน แล้วถอยหลังมาตกข้างทางก่อนจะโวยวายให้เพื่อนมาช่วยยกรถ 

กล้องตัวที่ 2 เวลา 00.37 น. เป็นตอนเกิดเหตุ ได้ยินเสียงภรรยาคนตาย บอกลูกชายว่า “พอแล้วลูก วางมีด ฟังแม่ อย่าๆๆๆ” จากนั้นก็มีเสียงผู้ก่อเกตุด่าคนตายเป็นระยะ กล้อง 3 เวลา 00.43 น. คนก่อเหตุ พูดหลังแทงคนนายว่า “ตายไหม ไอ้ สั… ไอ้แม่ เย…. ปล่อยให้มันตายไป และกล้องตัวที่ 4 เวลา 02.45 น. เป็นช่วงเจ้าหน้าที่มาคุมตัวผู้ก่อเหตุไปโรงพัก

783888

ด้าน นางราตรี เหมือนเงิน 47 ปี ภรรยาของ นายวโรรัตน์ ผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 19.00 น. วันที่ 21 มกราคม 2566 ตัวเอง, สามี และลูกชายซึ่งเป็นลูกติด ได้นั่งดื่มเหล้ากัน 3 คน แต่จะมีเพื่อนผู้ชายของสามีนอนหลับอยู่ในห้องด้วยอีก 1 คน

cg-1

พอดื่มเหล้าได้สักพัก ทั้งสามีและตัวเองก็มีอาการเมาเหล้า จากนั้นสามีได้พูดขึ้นมาว่า “อยากได้เตาแก๊สและเงิน 600 บาท คืน” ซึ่งเป็นเตาแก๊สของสามีที่เอาไปไว้บ้านแม่ของตัวเองอีกหลังหนึ่ง จากนั้นสามีก็โทรศัพท์ไปด่าแม่ตัวเองที่บ้านเรื่องเตาแก๊ส ตัวเองจึงบอกสามีว่า “ถ้าอยากได้ก็ไปเอามา จะบ่น จะด่าแม่ตัวเองทำไม”

หลังจากโวยวายเสร็จ นายวโรรัตน์ สามีตัวเอง ได้เดินไปขับรถกระบะคันสีเขียวของเขาที่หน้าบ้าน ด้วยความเมาจึงขับรถตกร่องข้างทางที่บริเวณป่าหน้าบ้าน

262508

จากนั้นสามีเดินเข้ามานั่งในวงเหล้าอีกครั้ง พร้อมด่าตัวเอง หึงหวงตัวเองว่าตัวเองไปมีผู้ชายคนใหม่ แล้ว นายวโรรัตน์ ผูุ้เป็นสามี ก็เอาขวดเหล้ามาตีหัวตัวเองจนหัวแตก มีเลือดไหล  นายธีรพงษ์ ลูกชายตัวเองจึงพูดขึ้นมาว่า “พ่อเอาขวดตีหัวตัวเองทำไม” ทำให้นายวโรรัตน์ ไม่พอใจ แล้วพูดคำหยาบด่าลูกชายตัวเองว่า “เป็นไรละ” จากนั้นสามีก็หยิบมีดมาแทงอัณฑะลูกชาย ลูกชายจึงขว้ามีดอีกเล่ม แทงสวนกลับไป จนสามีตัวเองนอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น

หลังเกิดเหตุ ลูกชายเข้ามากราบเท้าตัวเอง แล้วก็บอกว่าเขาขอโทษ ที่ลงมือก่อเหตุ ซึ่งลูกชายตัวเองไม่ได้ตั้งใจก่อเหตุในครั้งนี้ และที่ผ่านมาลูกชายกับสามีก็ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน แต่ตัวเองและสามีนั้นจะทะเลาะกันเป็นประจำ เพราะสามีขี้เมาแล้วหึงหวงตัวเองอยู่เรื่อย ๆ

483502

ทั้งนี้ตัวเองไม่ทีเงินทำศพสามี คงต้องปล่อยให้ญาติของสามีมารับศพกลับไปบำเพ็ญกุศลต่อไป ส่วนเรื่องคดีของลูกชาย ตัวเองก็คงไม่มีเงินไปประกันตัวลูกชาย ปล่อยให้ลูกชายถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

819383

ด้าน นางสาวพิกุล นามสมมติ เพื่อนบ้าน เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า เหตุที่เกิดขึ้นตัวเองรู้สึกสงสาร นายวโรรัตน์ ผู้เสียชีวิต เนื่องจากเขาเป็นคนดี ช่วยเหลือตัวเองมาตลอด ก่อนเกิดเหตุ 1 สัปดาห์ นายวโรรัตน์ ได้มาระบายกับตัวเองว่า ถึงเมียผมจะมีคนอื่น ผมก็ยังรักเขา เขายังมีทะเบียนสมรสด้วยกัน โดยตัวเองก็ขอยืนยันว่า ภรรยาผู้ตายมีชายอื่นจริง ๆ

และตัวเองคิดว่า ถ้าหลังเกิดเหตุภรรยาผู้ตายโทรแจ้งเจ้าหน้าที่แต่แรก นายวโรรัตน์ คงไม่ตาย เพราะเหตุที่เกิดขึ้นก็มีพยานได้ยินว่า หลังเกิดเหตุ ผู้ก่อเหตุได้บอกกับแม่ของเขาว่า ไม่ต้องโทรแจ้งเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล และปล่อยให้ยายวโรรัตน์ตายไปเลย แล้วผู้ก่อเหตุก็ไปกระทืบคนตายซ้ำอีกด้วย

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ทุบโต๊ะข่าว เป็นกระแส