ครูบาไก่ แจงดราม่า "สรงน้ำตก-นั่งสกี" รับไม่เหมาะสม แต่ไม่ได้ผิดมากมาย

22 ม.ค. 66

ครูบาไก่ แจงดราม่าภาพภ่าย "สรงน้ำตก-นั่งสกี" เผยเห็นภาพแล้วไม่ได้ตกใจ รับไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่ได้ผิดมากมาย เพราะเป็นภาพที่อยู่กับลูกหลาน

จากกรณีที่เฟซบุ๊กเพจ อีซ้อขยี้ข่าว 2 ได้ออกมาแชร์ภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่งซึ่งกำลังสรงน้ำอยู่ที่น้ำตกพร้อมกับพระสงฆ์อีกรูป โดยทางเพจได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า คุ้นแต่ภาพที่เคร่งขรึมตอนเข้าถ้ำ ส่วนภาพอาบน้ำกับพระหนุ่มที่ลำธารแล้วผลัดกันเอาสบู่ถูหลัง ลูบไล้ให้กัน เอามาลงให้เห็นที่แรก…ครูบาอะไรหว่า” โดยหลังจากที่เพจได้เผยแพร่ภ่พออกไป โลกออนไลน์ต่างพุ่งเป้าไปที่ พระครูสุวิทย์ ชินวโร หรือครูบาไก่

ครูบาไก่

นอกจากภาพของพระสงฆ์ที่น้ำตกแล้วยังมีภาพของ นั่งเจ็ตสกี ที่ทะเล ซึ่งถูกชาวเน็ตวิพากษ์วิจารณ์ไปเป็นอย่างมาก โดยทางเพจ อีซ้อขยี้ข่าว 2 ก็ได้โพสต์ภาพดังกล่าวพร้อมระบุข้อความเพิ่มเติมว่า “มี 2 ทางเลือก ทางที่ 1 คือ สึกเอง ทางที่ 2 คือ จับสึก”

ครูบาไก่

ล่าสุด วันที่ 22 ม.ค.66 พระครูสุวิทย์ ชินวโร หรือครูบาไก่ ได้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวที่เกิดขึ้นผ่านผู้สื่อข่าว โดยกล่าวถึงประเด็นของภาพสรงน้ำที่น้ำตกว่า เห็นภาพที่ที่มีการแชร์ในโซเชียลแล้ว ไม่ได้ตกใจ เป็นภาพที่ถูกถ่ายเมื่อตอนที่ไปกิจนิมนต์ที่กำแพงเพชร ซึ่งที่พักอยู่ใกล้กับน้ำตกคลองลาน ลูกหลานจึงชวนลงเล่นน้ำในน้ำตก จึงลงไปสรงน้ำด้วย

ส่วนภาพที่ ครูบาไก่ นั่งเจ็ตสกี ครั้งรับกิจนิมนต์ไปที่กรุงเทพฯ จึงนั่งเครื่องบินไปเจอกับคณะของทางวัดที่กรุงเทพฯ และถูกนิมนต์ให้พาเด็กวัดไปเที่ยวที่จังหวัดชายทะเล มีการถ่ายรูปตอนนั่งเจ็ตสกี แต่ตอนนั้นไม่คิดอะไร คิดเพียงว่า ให้เด็กวัดและคนติดตามได้เล่นน้ำทะเลกัน ได้สนุกสนานกัน ซึ่งอิคคิวและบุ๋มก็ถ่ายภาพเก็บไว้จำนวนมาก และไม่คิดว่าจะนำภาพเหล่านั้นมาทำร้ายในวันนี้

อย่างไรก็ตาม ครูบาไก่ กล่าวว่า เรื่องของภาพถ่ายที่เกิดขึ้นตนยอมรับว่าไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่ได้ผิดมากมาย เพราะทุกอย่างที่ถ่ายออกมาก็อยู่กับลูกหลานที่มาอยู่ในวัด บางคนก็เป็นสายเลือดเดียวกันเพราะเป็นลูกพี่สาวที่มาอยู่ดูแลในวัด จึงไม่ได้ตกใจ และไม่มีอะไรที่ปิดบังซ่อนเร้น โดยส่วนตัวจึงไม่มีความเคียดแค้นกับสองคนนั้น ส่วนทางกฎหมายนั้น ก็ให้เป็นหน้าที่ของทนายความที่จะดำเนินการ จึงอยากจะบอกว่า ยังมีภาพอะไรเรื่อง อะไรที่ยังไม่พูด ให้รีบนำออกมาพูด จะได้ชี้แจงจะได้เคลียร์ให้มันจบๆ

ทางด้านของ พระพยอม กล่าวว่า กรณีนี้ไม่ควรเผยตัวให้เขาเก็บภาพไปทำอิริยาบถมาประจานมาทำลาย เพราะว่าไม่ระมัดระวังภาษาธรรมะเรียกว่าขาดการสำรวม ถ้าสำรวมดีคงไม่ไปแต่งชุดแบบนั้น หรือถ้าไปอาบน้ำไม่ควรมีภาพเหล่านี้หลุดออกมา ถ้าไม่ให้เขาถ่ายเขาก็คงไม่ถ่าย หรือสถานที่ที่ไปเต็มไปด้วยคนที่พลุกพล่านเขาเรียกที่อโคจร ซึ่งไม่ควรไป

หวังว่าภิกษุรุ่นน้องๆ อย่าคึกคะนองไปทำอะไรไม่ดีให้เขาเก็บภาพมาประจานได้ เชื่อว่าภาพเหล่านี้ยุคนี้เทคโนโลยีมันทันสมัย มันอาจจะทำให้วินาศนาการก็ได้ผู้ที่ถูกถ่ายไม่อยู่ในสภาพสำรวม ขาดความระมัดระวัง จึงมีภัยกับชีวิตพรหมจรรย์ หวังว่าคงจะสำรวม

เวลาเห็นพระทำไม่ดีอย่าไปถือว่าชั่วช่างชีดีช่างสงฆ์ ควรจะช่วยกันปรามหรือติงด้วยความหวังดีโดยบอกคณะสงฆ์หรือฝ่ายปกครองเก็บภาพไว้อย่าไปพูดลอยๆ ภาพแบบนี้ถือว่าใช้ได้มีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ส่วนฝ่ายพระเองต้องศึกษาธรรมวินัยบวชเรียนดี แต่บวชลวงบวชเล่นไม่ดีแน่นอน อยากให้ทั้งฝ่ายฆราวาสและพระช่วยกันจรรโลงศาสนาอย่าให้มีแต่ภาพเสื่อมศรัทธาออกมาเลย

advertisement

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม

ข่าวทั่วไป เป็นกระแส