เค้นสอบเนิร์สเซอรีปล่อยเด็กผ้าอุดจมูกโคม่า แม่ทำพิธีเรียกขวัญหวังฟื้น ผปค.ชมดูแลดี (คลิป)

จากกรณีนางสาวพัชรา ร้องเรียนว่า น้องกุน ลูกชายวัย 1 ขวบ 11 เดือน จ้างฝากเลี้ยงที่เนิร์สเซอร์แห่งหนึ่งย่านหนองจอก กรุงเทพฯ ใกล้กับบ้านพัก ต่อมาครูพี่เลี้ยงโทรศัพท์มาแจ้งว่าน้องไม่หายใจแล้ว อ้างว่าเด็กเอาผ้าปิดจมูก ก่อนที่จะรีบนำนำส่งโรงพยาบาล ซึ่งหมอบอกว่าโอกาสรอดแทบจะไม่มี เมื่อคุณแม่ขอดูกล้องวงจรปิด เนิร์สเซอรีกลับแจ้งว่าใช้ไม่ได้นั้น

ข่าวที่เกี่ยวข้อง
แม่ใจสลายลูกเข้าเนิร์สเซอรีวันเดียวโคม่า ครูอ้างผ้าห่มอุด-กล้องพัง (คลิป)

วันที่ 21 ม.ค. 66 ทีมข่าวเดินทางไปที่เนิร์สเซอรีที่เกิดเหตุ ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่งย่านหนองจอก กรุงเทพฯ โดยพบว่าหลังจากเกิดเหตุ ยังคงมีการปิดให้บริการ ประกอบกับวันนี้เป็นวันเสาร์-อาทิตย์ ปกติเนิร์สเซอรีดังกล่าวจะปิดให้บริการและรับฝากเด็กในช่วงวันหยุดอยู่แล้ว

วันนี้ทีมข่าวสังเกตว่าก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ครูแอน เจ้าของเนิร์สเซอรี่ และครูหนิง ครูผู้ช่วย ก็ไม่ได้เดินทางมา ส่วนภายในเนิร์สเซอรีมีการเก็บของเล่นและของใช้สำหรับการดูแลเด็กเอาไว้เป็นอย่างดี มีการจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ กล้องวงจรปิดตามที่แม่ของ น้องกุนตั้งข้อสังเกตว่ากล้องใช้การได้หรือไม่นั้น มีลักษณะเหมือนใช้การไม่ได้ ไม่มีสถานะของไฟหน้ากล้องติด เพราะโดยปกติหากกล้องใช้งานได้จะมีไฟกระพริบสีเขียวหรือสีแดง เพื่อเป็นการบ่งบอกถึงสถานะการใช้งาน

พ.ต.อ.ประเสริฐ สอนแจ่ม ผกก.สน.หนองจอก ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากระทำการโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส จับตัวของครูแอนซึ่งเป็นเจ้าของและรวมถึงครูหนิงครูผู้ช่วยแล้ว แต่การเข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเป็นการมอบตัวไม่ใช่เป็นการจับกุม จึงได้มีการปล่อยตัวชั่วคราว

ซึ่งหลังจากนี้หากเกิดอะไรขึ้นกับตัวของน้องกุน ก็อาจมีการแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมภายหลัง ซึ่งทางด้านของตำรวจก็ยังอยากให้เกิดปาฏิหาริย์ให้น้องกลับมาเป็นปกติ ส่วนแนวทางเรื่องของการสืบสวนสอบสวน ในประเด็นเรื่องของกล้องวงจรปิดภายในเนิร์สเชอรี ตามที่แม่ของน้องกุนสงสัย เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้มีการตรวจยึดอุปกรณ์บันทึกของกล้องวงจรปิดส่งให้กับกองพิสูจน์หลักฐานทำการตรวจสอบเกี่ยวกับสถานะการใช้งานว่าใช้ได้จริงหรือไม่ ทั้งนี้ มีการสอบพยานเพิ่มเติม เพราะตำรวจยังไม่ปักใจเชื่อเกี่ยวกับการคลุมโปงหรือผ้าที่ติดตัวน้องจะเป็นเหตุทำให้เกิดอุบัติเหตุหยุดหายใจ ทั้งนี้ ถ้าหากมีแนวความคืบหน้าเกี่ยวกับการสืบสวนสอบสวนจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาอื่นต่อไป

นางสาวไอศครีม (นามสมมติ) ผู้ปกครองของเด็ก มีลูกสาววัย 2 ขวบ 9 เดือน ฝากเลี้ยงที่เนิร์สเซอรี เปิดเผยว่า ตั้งแต่ที่ตนเองย้ายเข้ามาอยู่ในหมู่บ้าน ก็เห็นว่ามีการเปิดเนิร์สเซอรี่ที่สโมสรของหมู่บ้านนานหลายปีแล้ว แต่จำไม่ได้ว่าตั้งแต่แรกเป็นครูแอนเป็นเจ้าของหรือไม่ หรือว่าเป็นการเช่าช่วงต่อจากคนอื่น แต่ตนเองได้มีการจัดส่งลูกไปอยู่กับเนิร์สเซอรี่ดังกล่าว เกือบจะครบ 1 ปีแล้ว และหลังจากที่ลูกสาวอายุครบ 3 ขวบ ก็จะย้ายไปเรียนอีกแห่งในเมือง แต่ยอมรับว่าตลอดช่วง 1 ปี ที่ส่งลูกสาวไปฝากเลี้ยงที่เนิร์สเซอรี่นั้น ลูกสาวมีพัฒนาการที่ดีขึ้น เรื่องของการคิดและการอ่านออกเสียง รวมถึงพัฒนาการเรื่องของการใช้ชีวิตประจำวัน

ส่วนมาตรการเรื่องของการดูแลเด็ก ครูทั้ง 2 ก็มีการดูแลเด็กอย่างดี สำหรับกรณีเรื่องของกล้องวงจรปิดภายในของศูนย์เนิร์สเซอรี ที่แม่ของน้องกุน ตั้งข้อสังเกตนั้น ตนเองยอมรับว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยอุ่นใจมาโดยตลอด คิดว่ากล้องจะใช้ได้ แต่หลังจากวันนี้ครูออกมายืนยันว่ามีการถอดปลั๊ก หรือว่าระบบอินเทอร์เน็ตใช้การไม่ได้จึงมีการถอดซิมการ์ดเมมเมอรี่ ตนเองก็ตกใจเหมือนกัน เพราะเข้าใจมาโดยตลอดว่าถ้าหากเกิดเหตุอะไรขึ้น กล้องก็จะสามารถบันทึกเหตุการณ์ภายในเนิร์สเซอรีได้ แต่แม้ว่าวันนี้ปัญหาเรื่องกล้องอาจจะเป็นเรื่องที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่ค่อนข้างสงสัย เวลาที่เด็กมีปัญหาหรือเด็กกำลังทำกิจกรรม ครูพี่เลี้ยง ก็จะมีการส่งคลิปและรายงานบอกในไลน์ตลอด อย่างน้อยก็เป็นการสร้างความอุ่นใจได้ในระดับหนึ่ง

หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ขึ้น ตนเองก็ไม่รู้ว่าเนิร์สเซอรี่จะยังคงเปิดให้บริการได้ต่อหรือไม่ หากถูกสั่งปิดหรือถูกตรวจสอบ ตนเองก็จะมีการจัดส่งลูกไปเรียนหรือไปฝากที่อื่นก่อน แต่ถ้าหากสามารถที่จะกลับมาเปิดได้ ตนเองก็อยากให้ทางเนิร์สเซอรีมีการปรับปรุงเรื่องของระบบกล้องวงจรปิดที่จะดูแลความปลอดภัยให้แก่เด็ก ๆ แล้วตนเองก็เตรียมที่จะป้องกันชั้นที่ 2 โดยจะมีการจัดซื้ออุปกรณ์สมาร์ตวอช เพื่อที่จะติดตามความเคลื่อนไหวของลูกมีการแจ้งเตือน และสามารถที่จะรับรู้เกี่ยวกับกิจกรรมรวมถึงฟังเสียงได้ อย่างน้อยก็เป็นการสร้างความอุ่นใจเอาไว้ในในดับหนึ่ง

นางสาวพัชรา แม่น้องกุน เปิดเผยว่า แม้ว่าวันนี้ตนเองทราบว่าพนักงานสอบสวนจะมีการแจ้งข้อกล่าวหาครูแอนและครูหนิง ในข้อหา กระทำการโดยประมาทให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่วนตัวเชื่อว่าข้อหาดังกล่าวยังไม่เพียงพอสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองอยากจะให้พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่ม เกี่ยวกับการให้การเท็จต่อเจ้าพนักงาน เพราะเนื่องจากคำพูดของครูให้การไม่ตรงกันตั้งแต่แรก ครั้งแรกบอกว่าน้องช็อกจากอาการร้องไห้ ครั้งต่อมาบอกว่าช็อกหมดสติ เพราะเนื่องจากผ้าห่มส่วนตัว ซึ่งตนเองมองว่าการให้การดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนคำให้การไปมา จึงไม่รู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไรกันแน่

ส่วนตัวถ้าหากย้อนกลับไป รู้อยู่แล้วตั้งแต่แรกเกี่ยวกับประเด็นเรื่องของกล้องวงจรปิดภายในศูนย์ หากใช้การไม่ได้ตั้งแต่แรก ก็เชื่อได้ว่าผู้ปกครองคนใดก็คงไม่กล้าที่จะนำลูกมาฝากเลี้ยง เพราะถือว่าระบบความปลอดภัยไม่มี ประกอบกับความเชื่อมั่นที่ทุกคนจะนำมาฝากเลี้ยงตั้งแต่แรกก็คงไม่มีเหมือนกัน ทำไมตั้งแต่แรกไม่ยอมพูดว่ากล้องใช้การไม่ได้ แต่เมื่อเกิดเหตุแล้วทำไมถึงพึ่งมาบอก ทำให้เรื่องนี้ค่อนข้างเป็นพิรุธอย่างมาก และถ้าหากย้อนกลับไป ในวันแรกหลังจากเกิดเหตุ ตอนที่มีการนำตัวลูกชายส่งโรงพยาบาลแห่งที่1 ในวันนั้นครูก็ได้ตามไปที่โรงพยาบาล แล้วครูบอกว่าเดี๋ยวจะกลับไปเปิดดูกล้องวงจรปิดว่าเกิดอะไรขึ้น และยืนยันกับตนเองในฐานะแม่ว่ายังไงกล้องก็ใช้ได้ แต่พอส่งน้องไปโรงพยาบาลแห่งที่ 2 และหมอยืนยันว่าน้องอาการแย่ ครูกับเปลี่ยนคำให้การหรือพูดคำพูดใหม่กับครอบครัวว่ากล้องใช้การไม่ได้และไม่ได้เสียบปลั๊ก เรื่องนี้ตนเองมองว่าค่อนข้างเป็นพิรุธหนัก

เมื่อเวลา 16.15 น. นางสาวพรพิมล ย่าของน้องกุล ได้เดินทางมาพร้อมกับคนในครอบครัวและแม่ของน้อง โดยได้มีการนำสวิงจับปลา พร้อมกับโถมีฝาปิด นำธูปจำนวน 9 ดอก มาประกอบพิธีเรียกขวัญตามความเชื่อ เพื่อที่จะมีการซ่อนขวัญ โดยใช้สวิงจับปลา ในการซ่อนขวัญของน้องใส่กระปุก เพื่อที่จะกลับไปไว้ที่โรงพยาบาล เป็นความเชื่อที่หวังให้น้องฟื้นคืนกลับมายังมีปาฏิหาริย์