บึ้มสนั่นแม่กลอง! เรือบรรทุกน้ำมันระเบิดดับ 2 ชาวบ้านโอดบ้านพัง-หมาตาย ผู้ว่าสั่งด่วนเยียวยา (คลิป)

เมื่อเวลา 09.15 น. วันที่ 17 ม.ค. 66 ผู้สื่อข่าวรายงาน เกิดเหตุระเบิดเรือบรรทุกน้ำมันสมุธซี 22 ซึ่งจอดซ่อมบำรุงอยู่ภายในอู่ต่อเรือแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ม.8 ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ส่งผลให้เกิดไฟลุกไหม้และมีผู้บาดเจ็บกว่าหลายสิบราย 

สำหรับเรือทุกน้ำมันสมุธซี 22 เริ่มใบอนุญาตใช้เรือเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 65 และหมดอายุใบอนุญาตใช้เรือ วันที่ 30 พ.ค. 66 โดยระบุประเภทการใช้บรรทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันที่มีจุดวาบไฟต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส ประเภทเรือกลเดินทะเลเฉพาะเขต เขตการเดินเรือลำน้ำและทะเลระหว่าง จ.ตราด กับ จ.นราธิวาส

ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ได้ภาพวงจรปิดนาทีที่เกิดเหตุ โดยจากกล้องวงจรปิดอู่ท่าเรือฝั่งตรงข้าม เผยให้เห็นนาทีขณะเรือบรรทุกน้ำมันระเบิดภายในอู่ต่อเรือสมุทรสงคราม โดยตอนเกิดเหตุมีเสียงดังสนั่น 2-3 ครั้ง ซึ่งมีเศษชิ้นเรือถูกระเบิดกระเด็นออกบางส่วนแล้วตกที่ทะเล จากนั้นมีเปลวเพลิงลุกไหม้โหมอย่างรุนแรง

ขณะที่กล้องวงจรปิดบริเวณท่าเรือที่เกิดเหตุ จะเห็นภาพนาทีที่เรือบรรทุกน้ำมันระเบิด โดยระเบิดบริเวณด้านหน้าหัวเรือ แล้วลามมาระเบิดที่บริเวณกลางเรือ จากนั้นไฟลุกไหม้โหมกระหน่ำ ซึ่งตอนนั้นมีคนนั่งตกปลาอยู่ ก็ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหนีตายรีบวิ่งออกจากจุดเกิดเหตุ

หลังเกิดเหตุทางอาสาสมัครกู้ภัย 100 ราย และเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจังหวัดสมุทรสงครามอีก 100 ราย เข้าพื้นที่เร่งควบคุมเพลิงและควบคุมสถานการณ์โดยเร็ว โดยจากภาพมุมสูงจะเห็นว่าเจ้าหน้าที่ที่ควบคุมเพลิงระดมฉีดน้ำใส่บริเวณหัวเรือ ซึ่งแม้จะควบคุมเพลิงไหม้ได้แล้ว แต่ยังคงมีระเบิดจากภายในและยังคงปะทุระเบิดเสียงดังเรื่อย ๆ เจ้าหน้าที่จึงต้องระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมความร้อนในจุดเกิดเหตุตลอด และมีควันร้อนยังคงระอุ มีควันขึ้นมาหนา ปกคลุมหัวเรือ ส่งผลให้ทีมที่ปฏิบัติหน้าที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังและเซฟตัวเองตลอด ซึ่งความเสียหายบนเรือที่เกิดขึ้น บริเวณหัวเรือเสียหายหนัก

ขณะที่เกิดเหตุ มีชาวบ้านได้บันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ ปรากฎภาพควันดำลอยสูงขึ้นฟ้า พร้อมบรรยายว่ามีเสียงดังสนั่นเกิดขึ้นต่อเนื่องในช่วงเวลา 09.12. น.

นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเรือบรรทุกน้ำมันที่เข้ามาซ่อมในวงรอบได้ระเบิดขึ้น เบื้องต้นทราบว่าเจ้าหน้าที่กำลังควบคุมเพลิงแต่ค่อนข้างยาก เนื่องจากยังมีน้ำมันตกค้างในเรือ จึงขอสนับสนุนรถดัลเพลิงชนิดโฟมจากหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยควบคุม และประสานกรมธุรกิจพลังงานให้ส่งผู้เชี่ยวชาญและเครื่องมือต่าง ๆ มาช่วยเหลือ

เบื้องต้นในส่วนที่ได้รับผลกระทบมีผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้า 4 ราย อยู่ในระดับสีเขียวทั้งหมด มีผู้สูญหาย 6-7 ราย ซึ่งกำลังค้นหาทั้งภายนอกและภายในเรือ อย่างไรก็ตามได้รับแจ้งจากผู้เชี่ยวชาญว่า อาจจะเกิดระเบิดซ้ำได้ จึงต้องกันพื้นที่ไม่ให้เข้าใกล้บริเวณดังกล่าว และจะไปตั้งศูนย์ช่วยเหลือที่วัดปากสมุทร ต.แหลมใหญ่ อ.เมืองสมุทรสงคราม

จากการสอบสวนเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ทราบว่าเรือบรรทุกน้ำมันดังกล่าวมีน้ำมันเตาอยู่ 25,000 ลิตร และน้ำมันดีเซลค้างอยู่ 20,000 ลิตร ได้มาจอดซ่อมบำรุงภายในท่าเรือแห่งนี้

ก่อนเกิดเหตุสันนิษฐานว่าสาเหตุน่าจะเกิดจากการซ่อมหน้าเรือที่มีการอ๊อกเหล็กเชื่อมเหล็ก ซึ่งมีน้ำมันตกค้างอยู่แล้วเกิดการปะทุจากการเชื่อมเหล็ก จึงเกิดการระเบิดขึ้น ณ เกิดเหตุมีผู้ปฏิบัติงาน 10 คน มีผู้ปฏิบัติงานบนฝั่ง 30 คน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แรงระเบิดดังกล่าวทำให้บ้านที่อยู่ใกล้เคียงโดนแรงอัด ได้รับความเสียหายและยังมีเสียงดังไกลไปรัศมีหลาย 10 กิโมเมตร จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีผู้เสียชีวิต 2 ราย เป็นชาย ขาขวาขาดกระเด็นไปไกล 500 เมตร นำศพขึ้นที่วัดปากสมุทร ต.แหลมใหญ่ ตรวจสอบแล้วยืนยันว่าคือ นายทุ่ย ชาวพม่า ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ 

เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บ ณ เวลา 16.54 น. จำนวน 4 คน คือ นายวินเท ชาวพม่า, นายยาซา ชาวมอญ, นายอ่าว ชาวพม่า และนายสมพงษ์ ใจวิถี อายุ 35 ปี เป็นคนไทย

ส่วนรายชื่อผู้สูญหาย 6 คนคือ นายวิเชียร บุญเลิศ คนไทย ส่วนที่เหลือเป็นชาวพม่าประกอบด้วย นายอาโถ, นายโซล, นายตี๋ละ, นายซอมิน และ นายกูแง

คนงานซ่อมเรือ เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังเชื่อมเรืออยู่ จู่ ๆ ก็มีเสียงระเบิดด้านหลังที่เพื่อนคนงานกำลังเชื่อมอยู่ ตนจึงรีบกระโดดหนีตายได้รับบาดจ็บที่หลัง

ทั้งนี้ ทีมข่าวอัมรินทร์ ทีวี ได้สำรวจความเสียหายที่เกิดขึ้น ใกล้จุดเกิดเหตุพบว่ามีชาวบ้านที่ได้รับความเสียหายประมาณเกือบ 70 ราย โดยแต่ละหลังได้รับความเสียหายทั้งบริเวณภายนอกและในบ้าน ซึ่งกล้องวงจรปิดภายในบ้านสามารถบันทึกภาพแรงสั่นสะเทือนได้ 

โดย ชาวบ้านบอกกับว่า ช่วงเกิดเหตุได้ยินเสียงดังสนั่นทั่วบริเวณดังกล่าว จากนั้นในตัวบ้านก็เกิดการสั่นสะเทือน ซึ่งทุกคนก็รีบออกมาจากจุดเกิดเหตุ และหลังจากเหตุการณ์สงบก็ได้กลับเข้าไปในบ้านพัก และพบความเสียหายที่เกิดขึ้น บ้างหลังฝ้าถล่มลงมาและประตูไม่สามารถปิดได้ ซึ่งขณะนี้ชาวบ้านเดือดร้อนหนักเนื่องจากไม่สามารถพักอาศัยในบ้านได้และอยากเรียกร้องให้มีหน่วยงานที่เข้ามารับผิดชอบ

ทั้นนี้ นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสงคราม ได้มอบให้ อบต.แหลมใหญ่ ตั้งกองอำนวยการร่วมศูนย์บัญชาการเหตุการณ์ ที่ วัดปากสมุทร ต.แหลมใหญ่ อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม ซึ่งเป็นการบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือสนับสนุน เพื่อลงทะเบียนผู้ได้รับความเสียหาย

ขณะที่ นายวาสุกี ด้วงกำเนิด อายุ 48 ปี และ นางไพรินทร์ ด้วงกำเนิด อายุ 40 ปี สองสามีผู้ประกอบการหอยดองและปลาหมึกแห้งในพื้นที่ ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูความเสียหายภายในบ้าน ที่กระจกแตก โคมไฟตกแตก ผนังบ้านร้าว นอกจากนี้ยังมีสุนัขเพศผู้พันธ์อเมริกันบลูลี่ อายุ 1 ปี ตกใจตาย สร้างความโศรกเศร้าให้ครอบครัวอย่างมาก

นางไพรินทร์ เล่าว่า ตอนเกิดเหตุตนทำงานอยู่ในบ้าน จู่ ๆ ได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่น จึงให้คนงานรีบปิดแก็ส ปิดเตา แล้วรีบออกจากบ้าน เมื่อเหตุการณ์สงบจึงเข้ามาสำรวจก็พบความเสียหายดังกล่าว และพบว่าสุนัขที่ตนรักต้องมาตกใจตายจากไป ตนจึงได้นำศพสุนัขไปแช่เย็นไว้เพื่อนำไปสวดศพและเผาที่วัดช่องลมพรุ่งนี้

ด้าน นายวาสุกี บอกว่า สุนัขตัวนี้ตนตั้งชื่อ คิงคอง พันธ์อเมริกันบลูลี่ ซื้อมา 50,000 บาท เลี้ยงมากได้ 1 ปี รักมากนอนกอดทุกคืน ความเสียหายทั้งในบ้านและวัตถุดิบหอยปลาหมึกที่เสียหายเกือบ 200,000 บาท ตนอยากให้ผู้ประกอบการรับผิดชอบทั้งหมด ไม่ต้องการอะไรเพิ่มเติม ขอให้ทำกลับมาเหมือนเดิม

นาวาเอก อชิตะสิน กำมะณี รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสมุทรสงคราม เปิดเผยความคืบหน้าล่าสุดว่า ปฏิบัติการช่วงบ่ายจะเน้นการฉีดโฟมเพื่อดับความร้อนบนเรือ สมูทซี 22 ขณะจอดซ่อมอยู่เรือ ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอยู่ระหว่างการพิสูจน์ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

โดยจากข้อมูลที่รับทราบ เรือมีตันน้ำหนักเรือ 2,996 ตันกรอสส์ แจ้งเข้าอู่เมื่อวันที่ 12 ม.ค. 66 ในเรือมีน้ำมันเตาและดีเซลคงค้างมีลูกเรือ 17 คน ไม่ได้รับบาตเจ็บ ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บเบื้องต้นจำนวน 4 ราย เป็นช่างเชื่อมบนเรือ นำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระพุทธเลิศหลัา รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลจำนวน 3 ราย กลับบ้านได้แล้ว 1 ราย มีผู้สูญหายรวม 5 ราย พบผู้เสียชีวิต 2 ราย อยู่ระหว่างพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้อยู่ระหว่างการสอบสวนของตำรวจพิสูจน์หลักฐานและผู้เกี่ยวข้อง โดยสามารถควบคุมเพลิงได้เวลา 15.30 น.

ส่วนความเสียหายบ้านเรือนที่ได้รับผลกระทบประมาณ 70 หลังคาเรือน ซึ่งจากนี้จะมีการสำรวจความเสียหาย ทั้งบ้านเรือนและเรือ ผลกระทบสิ่งแวดล้อม เบื้องต้นไม่พบมีน้ำมันจากบนเรือไหลลงสู่ทะเล