สืบเนื่องจากกรณีที่โลกโซเชียลร้อนระอุ มีการคาดเดาและพูดถึงเป็นอย่างมาก สำหรับประเด็นที่วันที่ 7 ม.ค. 66 ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้โพสต์ข้อความผ่านแฟนเพจ ระบุว่า "ผัวช็อค เจอภาพเมียเป็นชู้กับอดีตรองนายกรัฐมนตรี คุณ ก. มาปรึกษาผมว่าช่วงปีที่ผ่านมาภรรยามีท่าทีเปลี่ยนไป จึงแอบเอาโทรศัพท์มาเช็ค ปรากฎว่าเจอภาพโป๊เปลือยของภรรยา แล้วที่ช็อคยิ่งกว่าคือคนที่ถ่ายรูปคู่เปลือยด้วยกันนั้นคืออดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่ใครๆ ก็รู้จัก จึงมาปรึกษาจะทำอย่างไรต่อไป" ทั้งนี้ เมื่อโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ชาวโซเชียลต่างแห่คอมเมนต์แสดงความคิดเห็นกันเป็นจำนวนมาก
ต่อมาเช้าของวันที่ 8 ม.ค. 66 ทนายตั้ม ได้โพสต์ย้ำถึงเรื่องดังกล่าวอีกว่า "คดีนี้มาปรึกษาผมตั้งแต่ปีที่แล้ว ผมก็ทำเรื่องฟ้องหย่าภรรยา ฟ้องชู้ที่เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีไปแล้ว แต่ปรากฎว่าได้มีการข่มขู่ คุกคามคุณ ก. มาตลอด คุณ ก.เลยอยากจะให้เรื่องนี้ออกสู่สาธารณะ เพื่อป้องกันตัวหากเป็นอะไร และอยากให้ประชาชนได้รู้พฤติกรรมของนักการเมืองใหญ่คนนี้ จึงขอให้ผมช่วยดำเนินการให้ เรื่องนี้ค่อนข้างจะเสี่ยงกับผม จึงไม่อาจทำอะไรให้ถูกใจทุกคนได้ ผมเลยต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง และพยายามให้กระทบกับพรรคการเมืองที่เกี่ยวข้องให้น้อยที่สุด แต่ทุกคนจะได้รู้แน่นอนครับ #ถ้าเปิดไลน์คนที่เรารักแล้วเจอแชทแบบนี้เป็นคุณจะรู้สึกอย่างไรครับ"
"ทนายตั้ม ษิทรา" ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงถึงประเด็นร้อนที่เกิดขึ้น พร้อมมีการนำหลักฐานเกี่ยวกับคดีที่สามารถเปิดเผยได้บางส่วน พร้อมชี้แจงปมที่ทางทนายตั้มเองโดนโจมตีกล่าวหาว่าเป็นเกมทางการเมือง หวังดิสเครดิตใครบางคนหรือไม่ ทนายตั้ม ได้มีการพูดคุยกับทางผู้เสียหายชึ่งเป็นชายวัยประมาณ 40 ปี โดยเป็นการคุยเป็ยการส่วนตัวก่อนที่จะมีการแถลงข่าว
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ม.ค. 66 ที่ Sittra Law Firm ทนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ได้แถลงข่าวหลังจากที่ นาย ก. (นามสมมติ) ลูกความของตนมาปรึกษา หลังจากที่ทราบว่าอดีตรองนายกรัฐมนตรีเป็นชู้กับภรรยาของตัวเอง
เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา คุณ ก. ลูกความของตน มีภรรยาที่จดทะเบียนสมรสแล้ว ภรรยาทำงานที่โรงแรมแห่งหรูแห่งหนึ่ง ช่วงเดือน ต.ค. 65 ที่ผ่านมา เขาสังเกตเห็นว่าภรรยามีท่าทีเปลี่ยนไป จึงได้แอบดูพฤติกรรมมาโดยตลอด เขาได้ไปเปิดดูโทรศัพท์ของภรรยา ก็ไปเห็นข้อความในไลน์ที่คุยอยู่กับชายอีกคนในลักษณะชู้สาว นอกจากนี้ มีภาพถ่ายที่โป๊เปลือย แนบชิดสนิทสนมกันจำนวนมาก เขาก็รู้สึกตกใจแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าฝ่ายชายเป็นใคร เขายิ่งรู้สึกตกใจมากกว่า เพราะเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรีที่มีชื่อเสียงและทุกคนรู้จักดี
ซึ่งรูปที่คุณ ก. เห็น น่าจะจะเกิดขึ้นเมื่อ ต.ค. 65 โดยหลังจากที่รู้เรื่องแล้ว เขาก็ได้พูดคุยกับภรรยา และขอหย่า แต่ภรรยาไม่ยอมหย่า อ้างว่ายังรักอยู่ โดย คุณ ก. ทราบดีว่าอดีตรองนายกรัฐมนตรีก็รู้ดีว่าฝ่ายหญิงมีสามีแล้ว แต่ก็ยังมีพฤติกรรมดังกล่าว โดยคุณ ก. ได้มาปรึกษาคดีความกับตนว่าจะสามารถฟ้องหย่าได้หรือไม่ ตนจึงได้แนะนำข้อกฎหมายไปว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีอาญา สามารถฟ้องหย่าและเรียกค่าทดแทนจากภรรยาและชู้ได้ ตนจึงได้ทำการฟ้องคดีแพ่งและฟ้องหย่าไปเมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 66 ที่ผ่านมา
โดยหลังจากที่อดีตรองนายกรัฐมนตรีก็ทราบเรื่องว่า คุณ ก. ทราบเรื่องแล้ว เขาก็ถูกข่มเหง ถูกระราน โดยมีชายฉกรรจ์ สวมชุดดำ ตามมาที่คอนโด นอกจากนี้ อดีตรองนายกรัฐมนตรียังได้ฟ้องร้องภรรยาของ คุณ ก. ในข้อหาฉ้อโกงเนื่องจากอ้างว่าฝ่ายหญิงไปหลอกลวงเขาด้วย ตำรวจ สน.บางยี่ขัน จึงได้เรียก คุณ ก. และภรรยาเข้าไปพบตำรวจ แต่เมื่อไปถึงแล้ว คุณ ก. ก็เจออดีตรองนายกรัฐมนตรีคนนี้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกันพร้อมหน้าทั้ง 3 คน มีชายฉกรรจ์ 6-7 คน มาล้อม คุณ ก. เอาไว้ แล้วตำรวจก็เดินออกจากห้องไปทำให้ คุณ ก. รู้สึกไม่ปลอดภัย จึงได้ปรึกษาตนให้ทำเรื่องนี้ให้เป็นข่าว เนื่องจากว่าถ้าหากเป็นอะไรไป จะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ เนื่องจากคุณ ก. ไม่เคยมีศัตรู นอกจากอดีตรองนายกรัฐมนตรีคนนี้
"เขาเป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ชอบตีกอล์ฟ แต่ไม่ชอบสนามกอล์ฟอัลไพน์ มีอายุมากแล้ว เคยเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยเมื่อปี 51 และพ้นจากสมาชิกเมื่อปี 61 แล้วมาก่อเหตุปี 65" คำใบ้จากทนายตั้ม
ทีมข่าวถามว่าใช่หนึ่งในบุคคลที่ออกมาปฎิเสธหรือไม่ ทางทนายตั้มได้สอบถามว่าขอรายชื่อที่ออกมาปฎิเสธ ทีมข่าวก็ได้บอกรายชื่อ 1.นายปลอดประสพ สุรัสวดี ทนายตั้มบอกว่า "มีใครอีก" นักข่าวบอกว่า "นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ" ทนายตั้มเองย้อนถามว่า "เขาเองออกมาปฏิเสธเหรอ คุณยงยุทธเขาออกมาปฏิเสธเหรอครับ แล้วมีใครอีก" ก่อนที่ทางทีมข่าวจะบอกว่า นายยุคล ลิ้มแหลมทอง ทนายตั้มบอกว่า "ไม่เกี่ยวครับ"
ทั้งนี้ ตนเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย ไปสมัครสมาชิก เพราะเห็นว่าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคประชาธิปไตย และนโยบายที่ผ่านมา เขาทำได้จริงแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ได้จึงได้พาสมัครเป็นสมาชิก แต่การที่ตนออกมาพูดเรื่องนี้ ไม่ทราบว่าพรรคเพื่อไทยมาเกี่ยวอะไรด้วย เพราะบุคคลคนดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากว่าไม่ได้อยู่พรรคเพื่อไทยมาตั้งแต่ปี 2561 ผ่านมา 5 ปีแล้ว และ เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่ออกมาจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย ตอนนี้เขาไม่มีตำแหน่งทางการเมืองแล้ว
ทั้งนี้ เรื่องดังกล่าวที่มีชายฉกรรจ์ไปสู่ลูกความของตน ตนได้ทำเรื่องร้องไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอคุ้มครองความปลอดภัยให้แก่ลูกความแล้ว และในวันที่ 21 มี.ค. นี้ จะเป็นวันขึ้นศาลเยาวชนครอบครัวกลาง
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีทนายตั้ม ษิทรา เบี้ยบังเกิด ออกมาแถลงเพิ่มปมอดีตรองนายกรัฐมนตรี มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภรรยาของคนอื่น โดยบอกคำใบ้เป็นอดีตรองนายกรัฐมนตรี ที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงมหาดไทย ชอบตีกอล์ฟ แต่ไม่ชอบสนามกอล์ฟอัลไพน์ มีอายุมากแล้ว เคยเป็นสมาชิกพรรค พท. เมื่อปี 51 และพ้นจากสมาชิก เมื่อปี 61 ซึ่งมีการเดากันว่าเป็น นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ อดีตรองนายกฯ อดีตรมว.มหาดไทย และอดีตหัวหน้าพรรค พท. จะมีผลกระทบต่อพรรค พท. หรือไม่ ว่า เป็นการคาดเดาของสื่อและของคนที่เกี่ยวข้องว่าบุคคลดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับพรรค พท. และเรื่องนี้ก็ยังไม่ชัดเจน
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า แต่เมื่อมีการคาดเดาระบุว่าอดีตเคยเป็นสมาชิกพรรค พท. ซึ่งหากอดีตเคยเป็นสมาชิกพรรค พท. ถามว่าจะกระทบต่อพรรค พท.หรือไม่ อย่างไรนั้น ก็ต้องดูข้อเท็จจริง ถ้าท่านนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรค พท. และปัจจุบันไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค พท.เลย ในมุมของข้อกฎหมาย ความรับผิดชอบก็ไม่มี หมายความว่าเราเองก็ไม่มีอำนาจและหน้าที่ที่จะไปต้องคณะกรรมการสอบเรื่องนี้ตามข้อบังคับพรรค ตรงนี้เราทำไม่ได้อยู่แล้ว ที่สำคัญหากเรื่องเกิดขึ้นในขณะที่เขาไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค ก็ยิ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับพรรรค ฉะนั้นในมุมของพรรคก็ไม่มีความเป็นห่วง หรือกังวลอะไร นอกจากนี้เมื่อถามว่านายยงยุทธยังเป็นสมาชิกของพรรค พท. หรือไม่ นพ.ชลน่าน บอกว่า "ไม่เป็นครับ"
ขณะที่เฟซบุ๊ก "ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ" โพสต์ภาพระบุว่า "พาครอบครัวมาพักผ่อนที่พัทยา บังเอิญเจอท่านรัฐมนตรีสมศักดิ์ เทพสุทิน ท่านบอกว่าพรุ่งนี้จะนำเงินเยียวยาไปมอบแก่ผู้เสียหาย กรณีผับเมาเท้นบี ได้มีโอกาสคุยกันเรื่องรองนายกรัฐมนตรีที่เป็นข่าว ท่านบอกว่าถ้าคนที่ยังมีสติสัมปชัญญะ ไม่น่าจะทำแบบนี้ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับพรรคการเมืองแน่นอน ยังไงขอเป็นกำลังใจให้ ขอให้ทนายตั้มลุยทำความดีเพื่อสังคมต่อไป"
