คู่เขยเดือดบุกฆ่ากลางตลาดแค้นฝังหุ่นแจกกล้วย ญาติโต้ไม่สู้ก็ตาย (คลิป)

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 5 ม.ค. 66 ตำรวจ สภ.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี รับแจ้งเหตุ มีเหตุยิงกันบริเวณตลาดนัดช่องด่าน ที่เกิดพบชาวบ้านที่มาเดินจ่ายตลาดจำนวนมาก กำลังตื่นตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตรวจสอบพบศพ นายสมชาย แต่เจริญ อายุ 59 ปี เป็นชาวบ้านหนองกรับ ต.ดอนแสลบ อ.ห้วยกระเจา ถูกยิงด้วยอาวุธปีนลูกโม่ .38 บริเวณศีรษะ ขมับซ้าย และขวา หัวไหล่ซ้าย ด้านหลัง รวม 4 นัด นอนเสียชีวิตจมกองเลือด

ด้านผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายวินัย เหมือนปิ้น อายุ 45 ปี เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ที่บ้านโป้งรี ต.หนองรี อ.บ่อพลอย ซึ่งได้รับบาดเจ็บบริเวณชายโครงซ้าย หลังมีการต่อสู้ทะเลาะกันที่ตลาด จากนั้นได้ขับรถไปมอบตัวที่ สภ.หนองรี พร้อมอาวุธปืน เจ้าหน้าที่จึงได้ควบคุมตัวแล้วนำส่งไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ รพ.พหลพลพายุหาเสนา

วันที่ 6 ม.ค. 65 นายธาดา แต่เจริญ อายุ 32 ปี ลูกชายคนตาย เปิดเผยว่า นายสมชายพ่อของตนเองมีศักดิ์เป็นเขยพี่ ส่วนนายวินัยคนก่อเหตุเป็นเขยน้อง ที่ต่างคนต่างเข้ามาเป็นเขยและครอบครัวฝั่งบ้านของแม่ แล้วทั้งคู่ก็รู้จักกันมานานเกินกว่า 10 ปี ส่วนตัวก็ไม่คิดว่าพ่อจะถูกเคยด้วยกันยิงจนตาย

หากย้อนกลับไปช่วงประมาณ 3 ปีก่อน เป็นช่วงงานรวมญาติ ทุกคนกลับมาบ้านเพื่อร่วมงานทำบุญใหญ่ โดยงานในวันดังกล่าวจัดขึ้นที่บ้านของยาย ที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ลูกหลานทุกคนเข้ามารวมตัวกัน จากนั้นปรากฏว่าตัวของนายวินัยเขยน้อง ได้ทะเลาะมีปากเสียงกับนางอ้วนภรรยาของเจ้าตัวเอง โดยพ่อของตน ไม่อยากให้ผัวเมียทะเลาะกัน จึงได้มีการห้ามปรามและขอให้ไปทะเลาะกันที่อื่น ประกอบกับมีการพูดแบบภาษาชาวบ้าน มึง กู และมีติดอุทานท้ายว่า "ค*ย" จึงเป็นเหตุที่ทำให้นายวินัยคนก่อเหตุไม่พอใจนับตั้งแต่วันนั้น

หลังจากที่พ่อไปเตือนพร้อมกับมีการอุทานคำดังกล่าวออกไป ทำให้ตัวของนายวินัยเกิดความไม่พอใจ ทุกครั้งที่เผชิญหน้า หรือเจอคนในครอบครัวตนเอง และรวมถึงแม่ ก็มักจะมีอาการไม่พอใจ แล้วพยายามข่มขู่ พูดมาตลอด 2 ปี "กูจะฆ่ามัน จะยิงทิ้ง จะยิงให้ตายทั้ง 3 คน"

ซึ่งตอนแรกก็ได้แต่พูดให้คนในบ้านหรือคนรอบข้างฟัง แต่ช่วงหลังเริ่มมีการโทรมาขู่ จนกระทั่งเผชิญหน้ากันที่งานศพของญาติเมื่อเดือนต.ค. 64 โดยนายวินัยได้มีการเอาอาวุธปืนบุกไปที่งานศพของญาติ จะก่อเหตุยิงพ่อและแม่ของตนเอง แต่โชคดีที่ได้งานมีญาติคนอื่นรวมถึงคนร่วมงานอยู่กันหลายคน ทำให้นายวินัยเก็บปืนและหนีกลับบ้าน ด้วยเหตุการณ์วันดังกล่าวตนเองจึงตัดสินใจให้พ่อและแม่ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้ หลังจากนั้นอีกหลายครั้งก็พยามที่จะขับวนตามหาพ่อและครอบครัวของตนเอง เพื่อที่จะหาเรื่องและก่อเหตุ แต่โชคดีที่ช่วงระยะหลังพ่อไปอยู่กรุงเทพฯ ไม่ค่อยอยู่บ้าน

จนกระทั่งวันเกิดเหตุคือเมื่อวานนี้ พ่อเดินทางกลับมาจากกรุงเทพมาที่บ้านในจังหวัดกาญจนบุรี บอกกับญาติพี่น้องว่าเตรียมที่จะทำกับข้าวกินกันในช่วงเย็น พ่อได้มีการแวะซื้อหมูที่ตลาด แต่ก็ไม่คิดว่าตัวของนายวินัยจะบุกไปก่อเหตุยิงพ่อตาย ชนวนเหตุทั้งหมดตนเองก็ยืนยันว่าเป็นเพียงแค่เรื่องการถูกตักเตือน มีการพูดด้วยถ้อยคำแค่นั้น แต่ตนเองในฐานะที่เป็นลูกก็เคยโทร.ไปขอโทษแล้ว ไม่คิดด้วยซ้ำว่ายังคงเจ็บแค้นฝังใจ แล้วมาก่อเหตุกันแบบนี้

นายมานะ เหมือนปั้น อายุ 50 ปี พี่ชายมือยิง เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยได้ยินน้องชายบ่นให้ฟังตลอดว่าถูกคู่เขยพูดจาหยาบคายและมีการแจกกล้วยให้ และการแจกนั้นไม่ใช่เพียงแค่ครั้งเดียวยังมีหลายครั้ง น้องชายก็พยายามระงับสติอารมณ์ แล้วตนเองก็เคยเตือนว่าถ้าหากมีปัญหามากนักก็ให้ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านจะได้ไม่มีปัญหากับใคร แต่ด้วยตัวของน้องชายซึ่งรักภรรยาและลูกจึงเลือกที่จะอยู่ที่นั่นเพื่อดูแล ตัวเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าน้องชายจะก่อเหตุเพียงเพราะทะเลาะกันเรื่องคำพูด แต่เรื่องที่ลึกกว่านั้นตนเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะมีชนวนเหตุอื่นเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ แต่ถ้าเป็นเรื่องประเด็นที่ดินจึงเชื่อว่าไม่น่าจะใช่ชนวนนี้ เนื่องจากที่ดินและที่บ้านดังกล่าวเป็นของภรรยาน้องชายไม่ใช่ที่ดินของเจ้าตัวจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะทะเลาะกันเรื่องนี้

สำหรับนิสัยของน้องชายเป็นคนอัธยาศัยดี ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้น และเป็นคนขี้เล่น ติดตลก ตนเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าจะใช้ความรุนแรงถึงขั้นพกอาวุธปืนไปยิงใคร แต่ตอนที่มีโอกาสได้ไปเยี่ยมอาการเมื่อเช้า น้องชายให้การเบื้องต้นว่า "ถ้าหากไม่ยิงก่อนคนที่ตายก็อาจจะเป็นน้องชายเพราะถูกอีกฝ่ายใช้อาวุธมีดแทง" การเข้าเยี่ยมเมื่อเช้าตัวเองก็ยังได้สอบถามถึงเหตุผลที่ต้องพกปืนไปในตลาด โดยน้องชายบอกกับตนเองว่า ไม่ได้มีเจตนาเอาปืนไปยิงใคร แต่ที่พกปืนเป็นเพราะว่าพกประจำอยู่ในย่าม เพราะน้องชายแวะซื้อของที่ตลาดก่อนจะไปเลี้ยงช้างในป่า แต่ช่วงที่มาตลาดแล้วประเชิญหน้ากับนายสมชาย จึงคาดว่าน่าจะมีปากเสียงกัน แล้วมีการก่อเหตุดังกล่าวขึ้น

อย่างไรก็ตาม เรื่องของการถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย ตนเองก็ว่าไปตามกระบวนการ เพราะถึงแม้น้องชายจะมีตำแหน่ง เป็นถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน แต่ก็ไม่สามารถที่จะเอาตำแหน่งไปใช้เพื่อเอาตัวรอดจากคดีความอะไรได้ พอดีเมื่อทำผิดก็ต้องยอมรับผิด และเชื่อว่าหน่วยงานต้นสังกัดก็คงจะไม่ให้การช่วยเหลือคนที่กระทำผิดอยู่แล้ว โดยทั้งนี้หลังจากที่น้องชายรักษาตัวดีขึ้นก็ต้องให้ไปรับโทษตามกฏหมาย หากไม่มีเงินประกันก็ต้องติดคุก เพราะก่อเหตุไปแล้ว

และเมื่อเวลา 17.20 น. ที่ผ่านมา ครอบครัวของนายสมชาย คนตาย ได้มีการรับร่างออกมาจากนิติเวชโรงพยาบาล จากนั้นได้มีการนิมนต์พระ1รูป เดินทางมาประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ โดยมีการใช้ผ้าขาวปูบริเวณจุดที่ตาย พร้อมกับนำกองทรายเปื้อนเลือดที่เกิดเหตุกองเอาไว้ในผ้าขาว ญาติพี่น้องต่างอยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ และตัวนางแดงผู้เป็นภรรยานั้นญาติก็ต้องคอยพยุงและอยู่เคียงข้างตลอดเนื่องจากร้องไห้เสียใจอยู่

ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณตลาดที่เกิดเหตุ ภายในตลาดนัทไม่ได้มีกล้องวงจรปิดที่สามารถจับภาพวินาทีทะเลาะหรือถูกยิงได้ แต่จะมีกล้องวงจรปิดฝั่งตรงข้ามตลาด จะจับภาพช่วงเวลาประมาณ 17.18 น. ของวันที่ 5 ม.ค. 66 จะเห็นรถเก๋งเก่าสีดำของนายสมชาย คนตาย ขับเข้ามาจอดฝั่งตรงข้าม ก่อนที่จะไปซื้อหมูสดที่เขียงหมู

และกล้องวงจรปิดตัวเดิม จับภาพได้ต่อหลังจากที่รถกระบะของนายวินัย คนก่อเหตุ ขับเข้ามาจอดบริเวณหน้าตลาด แต่จะเป็นกล้องมุมกล้องไกล จับภาพหลังจากที่ก่อเหตุแล้ว ขึ้นรถลักษณะเดินขากะเผลก ขึ้นรถขับหลบหนี ก่อไปโผล่มอบตัวที่ สภ.หนองรี

มีกล้องวงจรปิดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตลาด จับภาพและเสียงช่วงที่เสียงปืนดังขึ้น แต่ไม่ได้เห็นวินาทีก่อเหตุยิง หรือทะเลาะกัน เป็นเพียงกล้องวงจรปิดภายในร้านขายของชำอีกแห่งจับเสียงและปฏิกิริยาของลูกค้าในร้านเอาไว้เท่านั้น