เปิดนาที! พ่อค้าถูกโจ๋ขนพวกตื้บสลบฉุนให้เลื่อนถาด แก๊งตลาดงัดคลิปโต้โดนแทงก่อน (คลิป)

จากกรณีมีการเผยแพร่คลิปในติ๊กต็อกนาทีพ่อค้าขายกุ้งภายในตลาดบางใหญ่ ได้ถูกชายสักลาย นุ่งกางเกงยีนส์ สวมรองเท้าแตะ ถอดเสื้อ กระทืบจนสลบนอนหงายเลือดอาบปาก

โดยคลิปแรกปรากฎภาพกลุ่มชายประมาณ 4-5 คน ซึ่งพยายามฉุดกระชากดึงห้ามกันไว้ แต่ห้ามชายที่ถอดเสื้อไว้ไม่อยู่ ชายดังกล่าวเข้าไปเตะพ่อค้าขายกุ้งจนล้มลงกับพื้นก่อนมีการระบุว่า ”กูบอกให้มึงนอน“

ต่อมาคลิปที่ 2 ปรากฎภาพพร้อมด้วยเสียงกรี๊ด โดยในเหตุการณ์พบลูกน้องผู้หญิงมีสีหน้าท่าทางตกใจ ก่อนคลิปจะหันไปพบพ่อค้าขายกุ้งนอนหงายสลบอยู่

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี ตรวจสอบคลิปวงจรปิดภายในตลาด โดยคลิปวงจรปิดที่ 1 พบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นวันที่ 4 ม.ค. 65 เวลา 02.47 น. มุมกล้องไกล ๆ เห็นกลุ่มชายฉกรรจ์กำลังรุมทำร้าย นายเส็ง เจ้าของร้านกุ้ง โดยที่พ่อค้าแม่ค้าคนอื่น ๆ จำนวนไม่น้อยกว่า 10 คน ได้แต่ยืนมอง ต่อมาในเวลา 02.48 น. นายเส็ง วิ่งหนีจนถูกกระทืบล้มลงที่บริเวณหน้าร้านของตัวเอง ก่อนที่กลุ่มชายฉกรรจ์วิ่งมาเตะซ้ำ ซึ่งจากนั้นก็พากันเดินหนีไปอย่างหน้าตาเฉย

นายเส็ง พลอยศรีธรรมชาติ อายุ 56 ปี เจ้าร้านขายกุ้งในตลาดสดบางใหญ่ ที่ถูกกลุ่มชายฉกรรจ์รุมทำร้าย เผยว่า ได้เข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บางใหญ่ เพื่อมอบหลักฐานเป็นวงจรปิดเพิ่มเติม พร้อมให้ปากคำเพื่อประกอบในการติดตามตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุ ตนมีแผลฉกรรจ์ 2 จุดใหญ่ ๆ คือ บริเวณริมฝีปากและจมูก เย็บ 3-4 เข็ม และแผลฟกช้ำตามร่างกายหลายจุด เช่น ใบหน้า โหนกแก้มเป็นรอยร้องเท้า และแผ่นหลังช้ำเขียว

นายเส็ง เล่าต่อว่า เรื่องที่เกิดขึ้นมีสาเหตุมาจากตนมีการขยับถาดปลาหมึกออกมาจากหน้าร้านนิดเดียว กระทั่งมีพนักงานตลาดเข้ามาตักเตือนว่าให้ขยับถาด ตนเองจึงแก้ไขและเก็บถาดเข้าไปภายในร้าน แต่มีช่วงหนึ่งที่ตนเองตอบกลับไปว่า “ถ้าร้านผมเก็บร้านอื่นต้องเก็บบ้าง ให้เป็นระบบเดียวกัน”

ซึ่งจุดนี้อาจทำให้ พนักงานคนที่มาตักเตือนไม่พอใจ โทรไปฟ้องเพื่อนที่ชื่อว่านายกบให้เข้ามาตบตน พร้อมพวกเข้ามาล้อมที่ร้าน ตนก็ต้องสู้โดยหยิบมีดแทงสวนเพื่อป้องกันตัว แต่นาทีนั้นนายกบลื่นล้มไม่รู้ว่ามีดถูกตัวใคร ส่วนตนก็ลื่นล้มเช่นกันและถูกแย่งมีดอออกจากมือ ยืนยันแทงไปครั้งเดียวจนมีดบาดมือขวาของตน จากนั้นถูกรุมทำร้าย โดยจับขาสองข้างยกขึ้นและปล่อยลงรุมกระทืบซ้ำ จนสลบแล้วยังรุมกระทืบตนอีก ยืนยันทั้งหมดคือพวกพ้องของพนักงานตลาดตนจำหน้าได้หมดทุกคนและเป็นบุคคลที่ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน

ตนมองว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นเพราะตนเองเป็นคนที่ไม่ได้ยอมเหมือนผู้ค้าในตลาดคนอื่น ๆ แต่กลับกันกับเจ้าหน้าที่คนนี้ เป็นคนที่ไม่ยอมคนและต้องใหญ่กว่าคนอื่น จึงมีปัญหาขึ้น นายเส็ง ตั้งคำถามว่า “เป็นเพราะอะไร ในตลาดเป็นมาเฟียร์หรืออย่างไร หรือนักเลง หรือเป็นอันธพาลขอให้ตลาดพิจารณาด้วย”

สำหรับการตักเตือนเรื่องจัดระเบียบของต่าง ๆ หน้าร้านมีการตักเตือนทุกร้านอยู่ แต่บางร้านก็ไม่เก็บ ซึ่งส่วนตัวมองว่าที่ผ่านมาตนมีแต่คนรักและไม่เคยมีปัญหากับใคร แต่มาเกิดเหตุแบบนี้ตนคงไม่ไปขายของที่ตลาดอีกแล้ว และจะเซ้งร้านให้กับคนอื่น เพราะอยู่ไปก็อันตราย อีกครั้งหลังเกิดเหตุก็ไม่คนของตลาดติดต่อเข้ามาดูแลแต่อย่างใด

ส่วนวันนี้เดินทางเข้าให้ปากคำเพิ่มเติมเนื่องจากฝ่ายคู่กรณีมีการร้องตำรวจว่าตนเองพยายามฆ่า แต่วันนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดใดกับตน สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนขอให้ผู้จัดการตลาดดูแลลูกน้องให้ดี ไม่ใช่มาทำร้ายผู้ค้าในตลาดพร้อมยืนยันว่าร้านอื่นมีความรู้สึกเช่นเดียวกับตนเองแต่ไม่มีใครกล้าพูดหรือโต้เถียงแบบตน ยืนยันว่าทุกร้านไม่มีใครชอบพนักงานตลาดชุดนี้เลยเพราะทำตัวเป็นมาเฟียร์ เวลาพูดจาก็จะเบ่งและใช้คำหยาบคาย

ด้าน นายณัฐพงษ์ บูรณพาส หรือ กบ อายุ 36 ปี อายุ 36 ปี คู่กรณี เปิดเผยกับทีมข่าวภายหลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน โดยพบมีบาดแผลถูกแทง 4 จุด คือ ที่ ชายโครงข้างซ้าย, ราวนมขวา และมือ 2 ข้าง โดยยังไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาแต่พนักงานสอบสวนจะเรียกสอบปากคำอีกครั้งในวันอาทิตย์

นายณัฐพงษ์ เปิดเผยในมุมของตนเองว่า วันดังกล่าวไปซื้อของ ก่อนจะเห็นนายเส็งเถียงกับพนักงานตลาดซึ่งตนรู้จัก และก็รู้จักนายเส็งในฐานะที่ตนเคยไปซื้อของแต่ไม่สนิท จึงเดินเข้าไปถามนายเส็งว่ามีปัญหาอะไรกับพนักงานตลาด เขาทำหน้าที่ของเขา แต่พูดจบนายเส็งก็คว้ามีดแทงตนเองเลย การกระทำแบบนี้เป็นการพยายามฆ่า

ยืนยันไม่มีใครโทรตามให้ไปเครียร์กับนายเส็ง แต่อยู่ตรงนั้นพอดี และไม่ได้ตบหัวนายเส็งอย่างที่นายเส็งบอกกับทีมข่าว พร้อมตั้งคำถามว่าจะตบหัวทำไมและแค่ไปถามเฉย ๆ โดยไม่ได้พกอาวุธไป ตนจึงขอให้นายเส็งพูดความจริง และไม่ต้องเซ้งร้านหนีเพราะเป็นคนกระทำหรือแทงคนอื่นจะกลัวทำไม

สำหรับตนตอนนี้เจ็บตัวไม่ว่าแต่ส่งสารน้อง ๆ ที่เห็นตนเองโดนแทงและเข้าไปช่วยต้องมาโดนคดี อย่างไรก็ตามไม่มีอะไรจะฝากถึงนายเส็ง นอกจากให้พูดความจริง และยืนยันในตลาดไม่มีมาเฟียร์ ตนกับพนักงานที่ไปเตือนนายเส็งแค่รู้จักกันในฐานะที่ตนไปซื้อของในตลาดแห่งนี้บ่อย ๆ และไม่เคยมีปัญหากับนายเส็งมาก่อน