ความคืบหน้ากรณีพบศพ น.ส.สุพัตรา ยอดแก้ว อายุ 30 ปี ชาว อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ถูกฆาตกรรมยัดถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ทิ้งศพอยู่ในเหวบนเขาสก อ.กะปง จ.พังงา ต่อมาวันที่ 28 ธ.ค. 65 นายสุคนธ์ เเก้วประภาส หรือ เคี่ยม อายุ 38 ปี สามีใหม่ของ น.ส.สุพัตรา ผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี รับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่าภรรยาเเล้วนำศพไปทิ้ง
วันที่ 29 ธ.ค. 65 ตำรวจภูธร จ.พังงา ได้นำตัว นายสุคนธ์ เเก้วประภาส หรือ เคี่ยม อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา มาสอบปากคำที่ สภ.กะปง จ.พังงา ซึ่งทันทีที่มาถึงนักข่าวพยายามสอบถาม นายเคี่ยม ถึงมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุเเต่นายเคี่ยมไม่ตอบคำถามใด ๆ ก่อนถูกนำตัวเข้าห้องสอบสวน
โดย พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เเละ พ.ต.อ.ประวิทย์ เอ้งฉ้วน ผู้กำกับการสืบสวนตำรวจภูธร จ.พังงา ได้เดินทางมาที่ สภ.กะปง เพื่อร่วมสอบปากคำผู้ต้องหาด้วย
ทีมข่าวได้ภาพกล้องวงจรปิดของ อบจ.สุราษฎร์ธานี และกล้องวงจรปิดจากชาวบ้านในเขตพื้นที่อุทยานเขาสกสามารถบันทึกภาพรถ 2 คัน คันแรกเป็นรถเก๋งสีดำเป็นรถขับนำทาง โดยมีเพื่อนของ นายเคี่ยม จำนวน 2 คน เป็นคนขับ ช่วยพาไปยังจุดทิ้งศพ ส่วนคันที่ 2 ที่ขับตามมาเป็นรถกระบะสีบรอนซ์เงินของ นายเคี่ยม ที่ท้ายกระบะจะเห็นว่ามีถัง 200 ลิตร ตั้งอยู่ ซึ่งภายในบรรจุศพของ น.ส.สุพัตรา
จากภาพวงจรปิดจะเห็นว่า รถทั้ง 2 คัน ขับมาด้วยความเร็วและขับตามกันมาติด ๆ มุ่งหน้าไปยังถนนเขาสกช่วงเวลา 23.32 น. รถทั้ง 2 คันได้ขับผ่านแยกเขานาใน อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ก่อนในเวลา 00.08 เข้าสู่วันที่ 8 พ.ย. ได้ขับผ่านสามแยกบ้านสองพี่น้อง อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี
พล.ต.ต.วันชัย เอกพรพิชญ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 เปิดเผยว่า หลังจากพบศพผู้เสียชีวิตเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. ทางผู้บังคับบัญชาก็ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 8 เเละชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.พังงา เร่งคลี่คลายคดีเเละสืบหาตัวผู้กระทำผิด
จนทราบว่าคนร้ายคือ นายสุคนธ์ เเก้วประภาส หรือ เคี่ยม อายุ 38 ปี เพราะพยานหลักฐานทุกอย่างชี้ชัดว่าเป็นผู้ก่อเหตุ จึงได้ขอศาลออกหมายจับ เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่า น.ส.สุพัตรา จริง สาเหตุเกิดจากความหึงหวง
สำหรับเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ผู้ต้องหาได้ขับรถกระบะไปรับผู้ตายมาที่บ้าน จากนั้นเกิดปากเสียงทะเลาะกันอย่างรุนเเรง เเละผู้ต้องหาอ้างว่าถูกผู้ตายพูดจาพาพิงถึงบุพการี จึงบัลดาลโทสะเอาไม้กวาดด้ามหวายทุบตี น.ส.สุพัตรา จนเเน่นิ่ง เเต่ไม่ทราบว่าตอนนั้นเสียชีวิตหรือยัง ทางผู้ต้องหากลัวความผิดจึงได้นำร่างที่หมดสติของ น.ส.สุพัตรา ใส่ถุงเเล้วนำใส่ถังขนาด 200 ลิตร ก่อนจะเผาอุปรกรณ์ที่ใช้ก่อเหตุทิ้ง จากนั้นได้ให้เพื่อน 2 คน ช่วยนำร่างไปทิ้งตรงจุดพบศพ
ทั้งนี้ ในส่วนของการดำเนินคดีขณะนี้อยู่ระหว่างตรวจสอบพยานหลักฐาน รอผลทางนิติวิทยาศาสตร์ เเละรอผลการชันสูตรจากเเพทย์ ว่า น.ส.สุพัตรา เสียชีวิตก่อนถูกยัดใส่ถังหรือหลังถูกยัดใส่ถัง ซึ่งหากเสียชีวิตก่อนจะต้องเเจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเเละร่วมกันปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ เเต่หากตอนยัดใส่ถังยังไม่เสียชีวิตก็จะต้องเเจ้งข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย
ส่วนเพื่อนอีก 2 คน ที่ร่วมก่อเหตุขณะนี้ทางชุดสืบสวนทราบตัวทั้งหมดเเล้ว หลังจากนี้จะขอศาลออกหมายจับ ทั้งนี้ต้องรอผลการตรวจสอบว่าเพื่อนอีก 2 คน ได้ร่วมกันฆ่าด้วยหรือไม่หรือเพียงช่วยอำพรางศพก่อนจะเเจ้งดำเนินคดีต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อช่วงบ่ายของวันเดียวกันนี้ ตำรวจภูธร จ.พังงา พร้อมด้วยตำรวจ สภ.กะปง นำตัว นายสุคนธ์ เเก้วประภาส หรือ เคี่ยม อายุ 38 ปี ผู้ต้องหา มาทำเเผนประกอบคำรับสารภาพในบ้านหลังเกิดเหตุซึ่งเป็นบ้านของนายเคี่ยม ลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียว ตั้งอยู่กลางสวนปาล์มเเละสวนยางพารา อยู่ในพื้นที่หมู่ 14 ต.บ้านเสด็จ อ.เคียนซา จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งวันนี้มีการประสานเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้ามาเก็บหลักฐานในจุดเกิดเหตุเพิ่มเติมด้วย
โดยนายเคี่ยมมีสีหน้าเรียบเฉยไม่มีท่าทีสำนึกผิดเเต่อย่างใด ได้พาตำรวจไปชี้จุดก่อเหตุว่าในวันที่ 7 พ.ย. ได้พาภรรยามาที่บ้านหลังนี้โดยเข้าทางประตูหน้าบ้าน จากนั้นได้มีปากเสียงกันเรื่องความหึงหวงอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ ก่อนที่นายเคี่ยมจะใช้ไม้กวาดด้ามหวายทุบตีศีรษะภรรยาจนเเน่นิ่ง หลังจากตีภรรยาจนนิ่งเเล้วนายเคี่ยมได้เดินไปเอาถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร เเละถุงใส่น้ำยางพารา ที่วางอยู่ข้างบ้านนำมาใส่ร่างของภรรยา
จากนั้นได้โทรเรียกเพื่อน 2 คน ให้มาช่วยกันยกถังใส่ร่างของภรรยาออกทางประตูหลังบ้าน เเล้วช่วยกันยกใส่ท้ายรถกระบะที่จอดอยู่ข้างบ้าน ขับออกไปทิ้งที่จุดพบศพ โดยมีเพื่อน 2 คน ขับรถเก๋งนำหน้า เมื่อไปถึงจุดทิ้งซึ่งระยะทางห่างจากบ้าน 110 กิโลเมตร ก็ได้ช่วยกันเอาถังลงจากรถ เเล้วนายเคี่ยมก็ได้ใช้เท้าถีบถังให้ตกลงไปในเหว หลังจากทิ้งศพเเล้วขากลับได้นำโทรศัพท์ของผู้ตายไปทิ้งบริเวณสะพานคลองศก ต.คลองศก อ.พนม จ.สุราษฎร์ธานี ระยะทางห่างจากจุดทิ้งศพ 25 กิโลเมตร นายเคี่ยมอ้างว่าเมื่อมาถึงจุดนี้ได้ชลอรถเเล้วโยนโทรศัพท์ทิ้งลงไปด้านล่าง
จากนั้นก็ได้ขับรถกลับมาที่บ้าน มาทำลายหลักฐาน เริ่มจากนำไม้กวาด กวาดกองเลือดเข้าไปในห้องน้ำ เเล้วใช้ไฮเตอร์ล้างทำความสะอาดคราบเลืด ก่อนจะเอาไม้กวาดไปเผาทำลายบริเวณสวนปาล์มข้างบ้าน ระยะห่างจากตัวบ้านประมาณ 30 เมตร เเล้วใช้ชีวิตตามปกติ
โดยระหว่างที่ทำเเผน นางละเอียด เเก้วประภาส อายุ 58 ปี เเม่ของนายเคี่ยมได้เดินทางมาดูการทำเเผน ซึ่งทันทีที่เห็นลูกชายถูกตำรวจควบคุมตัวอยู่เเม่ได้ร้องไห้เเล้วพูดว่า "ลูกเเม่" ซึ่งนายเคี่ยมก็ได้ตะโกนบอกเเม่ว่า "ไม่เป็นไรเเม่"
ขณะที่ถูกคุมตัวทำเเผน นายเคี่ยม ไม่ตอบคำถามใด ๆ กับสื่อมวลชน เเต่ได้ตะโกนพูดคุยกับญาติที่มาสังเกตการณ์ประเด็นสำคัญที่นายเคี่ยมพูดคุยเป็นเรื่องการประกันตัวในชั้นศาล โดยฝากให้ญาติคุยเรื่องการเตรียมหลักทรัพย์ประกันตัวกับเเม่ พร้อมทั้งได้ฝากญาติให้ช่วยดูเเลเเม่
นอกจากนี้ ก่อนที่ตำรวจจะควบคุมตัวนายเคี่ยมออกจากบ้าน เเม่ของนายเคี่ยมได้ขออนุญาตเจ้าหน้าที่เพื่อจะพูดคุยกับลูกชายเป็นครั้งเเรกหลังจากถูกควบคุมตัว โดยเเม่บอกกับนายเคี่ยมว่าให้ทำตัวดี ๆ ขณะที่นายเคี่ยมก็บอกกับเเม่ว่าไม่เป็นอะไร
แม่นายเคี่อน ยืนยันกับตำรวจว่าไม่รู้ไม่เห็นกับการกระทำของลูก เเละหลังจากที่ลูกถูกตำรวจควบคุมตัวก็ไม่ได้คุยไม่ได้เจอลูกอีกเลย ส่วน น.ส.สุพัตรา ผู้ตาย เเม่ระบุว่าเคยคบหากับลูกชายเเต่ก็เลิกรากันไปหลายเดือนเเล้ว ไม่ทราบว่าลูกชายไปรับกลับมาตอนไหน เพราะกิจวัตรของเเม่จะต้องไปทำสวนยางพาราเช่นเดียวกับลูกชาย ซึ่งต่างคนต่างมีหน้าที่ ต่างคนต่างทำงาน จึงไม่ค่อยได้เจอกัน
หลังจากรู้ข่าวว่าเจอศพตอนเเรกก็ยังไม่เชื่อว่าลูกชายเป็นคนทำ เพิ่งจะมารู้ความจริงตอนลูกเข้ามอบตัวกับตำรวจ ส่วนเรื่องการประกันตัวเเม่ไม่ตอบคำถาม
ด้าน น.ส.เเคท (นามสมมติ) อายุ 37 ปี เพื่อนสนิทของซึ่งเป็นผู้ติดต่อให้นายเคี่ยมเข้ามอบตัว ได้เดินทางมาที่ สภ.กะปง เพื่อเยี่ยมผู้ต้องหา โดย น.ส.เเคท เปิดเผยว่า ตนเองรู้จักเเละสนิทสนมกับนายเคี่ยมมาหลายปีเเล้ว นายเคี่ยมเป็นคนนิสัยดี เฮฮา เเละเป็นที่รักของเพื่อน ๆ ทุกคน
ส่วน น.ส.สุพัตรา ผู้ตาย ทราบว่าคบหากับนายเคี่ยมมาปีกว่า ๆ เเต่ตนเองไม่ได้รู้จักกับผู้ตายเป็นการส่วนตัว จึงไม่ทราบข้อมูลใด ๆ เกี่ยวกับปมปัญหา ซึ่งหลังจากเห็นข่าวว่ามีผู้พบศพเเละนายเคี่ยมกลายเป็นผู้ต้องสงสัย ตนเองจึงโทรติดต่อไปหานายเคี่ยม ถามว่าอยู่ที่ไหน นายเคี่ยมบอกว่าอยู่เเถวบ้าน เเละเมื่อถามถึงข้อเท็จจริง นายเคี่ยมก็ยอมรับว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุฆ่า น.ส.สุพัตรา
โดยนายเคี่ยมอ้างว่า "รักมากจึงต้องทำ" สาเหตุเกิดจากความหึงหวง เนื่องจากนายเคี่ยมทราบว่าภรรยาปันใจไปให้ชายอื่น จึงลงมือก่อเหตุฆ่า ตนเองหลังจากทราบความจริงก็ได้บอกให้นายเคี่ยมมอบตัว โดยนายเคี่ยมก็คิดจะมอบตัวอยู่เเล้วตนเองจึงประสานผ่านทางกำนันเข้ามอบตัวที่ สภ.เคียนซา เเละจากการที่ได้พูดคุยกันที่โรงพักเมื่อวานนายเคี่ยมมีอาการเครียด น้ำตาซึมอยู่ตลอดเวลา ตนเองก็บอกให้รับโทษตามกฎหมาย ให้รับสารภาพในสิ่งที่ทำลงไป
