ตีแสกหน้า! แฉภาพแววตาเศร้า ทหารเรือล่มไร้ชูชีพ ญาติพูดทั้งน้ำตาขอทัพเรือแจง (คลิป)

วันที่ 20 ธ.ค. 65 พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) และพลเรือเอกชลธิศ นาวานุเคราะห์ เสนาธิการทหารเรือ แถลงข่าวกรณีเหตุเรือหลวง (ร.ล.) สุโขทัย ประสบเหตุการณ์พายุคลื่นลมแรงกลางทะเลอ่าวไทย บริเวณพื้นที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อช่วงค่ำวันที่ 18 ธ.ค. 65 ล่าสุดพบผู้เสียชีวิต 6 ราย และสูญหายอีก 23 ราย

โดยเมื่อช่วงเวลาประมาณ 10.30 น. พล.ร.ท.พิชัย ล้อชูสกุล ผบท.ร.ภาค1 เดินทางมาร่วมประชุมติดตามความคืบหน้า และสรุปแผนการค้นหา ซึ่งภายหลังการประชุม พล.ร.ท.พิชัย เผยว่า เบื้องต้นในฐานะผู้บัญชาการกองทัพเรือภาคที่ 1 ในฐานะผู้ปฏิบัติงาน ได้มีการสรุปแผนและดำเนินการในการจัดส่งเรือหลวงไปประจำการในการค้นหาพื้นที่อ่าวไทย

เริ่มต้นจากจุดที่ประสบเหตุหรือจุดที่เรือจม และเป็นไปตามการคำนวณของกรมอุทกศาสตร์ คาดการณ์ว่าคลื่นลมจะไหลพัดพาลงสู่จังหวัดภาคใต้โดยเฉพาะ จ.ชุมพร จึงได้มีการใช้เรือหลวงจำนวน 4 ลำ ในการค้นหาบนผิวน้ำ จากเดิมที่ประสบเหตุจนกระทั่งการค้นหาเมื่อวานนี้พบว่าคลื่นลมสูงถึง 6 เมตร แต่ปรากฏว่าวันนี้คลื่นลมมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เหลือเพียง 2 เมตร ประกอบกับเรื่องของอุณหภูมิอากาศก็ดีขึ้น ทำให้วิสัยทัศน์รวมถึงสภาพอากาศเอื้ออำนวยต่อการปฎิบัติงานของเรือหลวงในวันนี้

ระหว่างวงแถลงข่าว นางมาลินี ผลุดผ่อง น้าของญาติจ่าโทสหรัฐ อีสา ผู้สูญหาย เข้ามากลางวงกันแถลง ทวงถามเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยของเรือ ภาพจำของประชาชนที่เห็นเรือหลวงหรือเรือรบที่มีศักยภาพสูง มีความน่าเชื่อถือ แต่กลับเกิดอุบัติเหตุ และที่สำคัญยังพบว่ามีอุปกรณ์ โดยเฉพาะเรื่องของชูชีพไม่เพียงพอต่อกำลังพลที่อยู่บนเรือ บางคนมีเพียงแค่ห่วงยางที่ใช้แทนชูชีพ เจ้าตัวในฐานะญาติ

ด้าน พล.ร.ท.พิชัย ยังไม่ได้มีการชี้แจง หรือตอบคำถามญาติ บอกว่าเรื่องทั้งหมดนี้ทางด้านของผู้บัญชาการทหารเรือจะเป็นคนตอบคำถาม และชี้แจงสังคม รวมถึงญาติ เกี่ยวกับข้อสงสัยใน 8 ประเด็น

นางมาลินี ผลุดผ่อง น้าของญาติผู้สูญหาย เปิดเผยว่า การที่ตนเองเข้าไปถามกับผู้บัญชาการทหารเรือภาค 1 ไม่ได้เป็นการตำหนิหรือเข้าไปโจมตี แต่ต้องการที่จะสอบถามเกี่ยวกับข้อข้องใจ และนำข้อมูลไปแลกเปลี่ยน ซึ่งส่วนตัวก็มีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเรือหลวงและเรือที่ใช้ในกองทัพเรือ มีความสามารถ มีความปลอดภัยสูง แต่กลับเกิดอุบัติเหตุขึ้น และสิ่งที่ตนเองเข้าใจมากที่สุดก็คือเรื่องของชูชีพที่ไม่เพียงพอต่อจำนวนกำลังพล เพราะในวันเกิดเหตุนั้นหลานชายได้มีการโทรมาหาที่บ้าน ซึ่งจำได้ว่าเป็นช่วงเวลาก่อน 19.00 น. เจ้าโทรมาบอกว่าไม่สามารถที่จะเอาอะไรไปได้ เพราะเนื่องจากเรือกำลังจะจม สิ่งที่มีอยู่ตอนนี้ก็คือห่วงยาง ซึ่งไม่ใช่ชูชีพ เพราะชูชีพนั้นไม่พอ หลานชายยังบอกว่านอกจากเจ้าตัวจะไม่มีชูชีพแล้ว เพื่อนที่อยู่ด้วยกันก็ไม่มีชูชีพเหมือนกัน ทั้งหลานชายและเพื่อนของหลานชายที่ไม่มีชูชีพตอนนี้ทั้งคู่ ก็มีชื่ออยู่ในจำนวน 30 ผู้สูญหาย

ตนเองได้มาย้อนดูภาพที่มีการถ่ายบนเรือเอาไว้ เป็นภาพสุดท้ายที่เห็นว่าหลานชายยืนอยู่บนกราบเรือ ขณะที่เรือกำลังเอียงซ้ายที่กำลังจะจมทะเล ภาพดังกล่าวปรากฏว่าหลานชายนั่งอยู่คนสุดท้ายด้านในสุด ไม่มีชูชีพ และไม่รู้ว่าตอนนั้นเจ้าตัวกำลังกอดห่วงยางหรือว่าไม่มีอะไรติดตัวเลย จากภาพดังกล่าวจึงเป็นภาพเบาะแสสุดท้ายที่ทำให้ครอบครัวรู้ว่าหลานชายอยู่บนเรือ จากนั้นก็ขาดการติดต่อไปจนถึงวันนี้

นอกจากนี้ มีคลิปการค้นหาลูกเรือที่ยังสูญหายกลางทะล โดยการใช้เรือยางที่ต้องต่อสู้กับกระแสลมและคลื่นลมแรง

ขณะที่ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าเรือประมงในพื้นที่ อ.บางสะพาน ที่กำลังออกหาปลาในช่วงกลางดึก สามารถช่วยเหลือลูกเรือเรือหลวงสุโขทัยได้เพิ่มเติมอีก 2 นาย ขณะลอยคออยู่กลางทะเล ท่ามกลางคลื่นลมทะเลแรงและอากาศหนาวเย็น