เปลี่ยนชื่อ “กฎหมายนิรโทษกรรมการเมือง” หวังลดแรงต้าน

12 ธ.ค. 65

“หมอระวี” ลุยต่อ เปลี่ยนชื่อกฎหมายนิรโทษกรรมการเมือง เป็นร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข เตรียมล่าชื่อ ส.ส.ชงเข้าสภาฯ สัปดาห์หน้า

วันที่ 12 ธ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวการพยายามผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการนิรโทษกรรมคดีการเมือง ที่นำโดย นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ว่า ล่าสุด นพ.ระวี ได้มีการปรับเปลี่ยนชื่อ และเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว โดยล่าสุดได้เปลี่ยนชื่อเป็น ร่าง พ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข เพื่อลดแรงต้าน และเตรียมเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในสัปดาห์หน้า ที่ก่อนหน้านี้ได้มีการเดินสายหารือกับทั้ง ส.ส.รัฐบาล ฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา ตลอดจนแกนนำกลุ่มสีเสื้อทางการเมืองหลายกลุ่ม เพื่อขอความเห็นและให้ช่วยสนันสนุนร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว เข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในสัปดาห์หน้า หากได้รับเสียงสนับสนุนจาก ส.ส.ที่ต้องมี ส.ส.ลงชื่อด้วยจำนวนหนึ่ง

สำหรับเนื้อหาในร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ระบุเหตุผลในการเสนอร่างกฎหมายฉบับนี้ว่า โดยที่เป็นการสมควรมีกฎหมายว่าด้วยการสร้างเสริมสังคมสันติสุข โดยให้มีการนิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองการแสดงออกทางการเมืองของประชาชน

ส่วนเนื้อหาในร่างดังกล่าว มีสาระสำคัญ เช่น มาตรา 2 พ.ร.บ.นี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป

มาตรา 3 ให้บรรดาการกระทำใดๆ ของบุคคลที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมืองหรือบุคคล ซึ่งไม่ได้เข้าร่วมการชุมนุมทางการเมือง แต่กระทำการนั้นมีมูลเหตุเกี่ยวข้องหรือเกี่ยวเนื่องกับความขัดแย้งทางการเมืองโดยการกล่าวด้วยวาจาหรือโฆษณาด้วยวิธีการใด เพื่อเรียกร้องหรือให้มีการต่อต้านรัฐ การป้องกันตนการต่อสู้ขัดขืนการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือการชุมนุม การประท้วงหรือการแสดงออกด้วยวิธีการใดๆ อันอาจเป็นการกระทบต่อชีวิต ร่างกายสุขภาพทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างหนึ่งอย่างใดของบุคคลอื่น ซึ่งเป็นเหตุการณ์สืบเนื่องจากการชุมนุมทางการเมืองหรือการแสดงออกทางการเมืองตามบัญชีแนบท้าย ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ย. 2549 ถึงวันที่ 30 พ.ย. 2565 ไม่เป็นความผิดทั้งทางอาญาและทางแพ่งต่อไปและให้ผู้กระทำการนั้นพ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิดและความรับผิดโดยสิ้นเชิง

เนื้อหาในร่างระบุว่า ทั้งนี้ การกระทำความผิดในวรรคหนึ่ง ไม่รวมถึงการกระทำความผิดฐานทุจริตหรือประพฤติมิชอบ-การกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือเป็นการกระทำที่ส่งผลให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย

มาตรา 4 เมื่อ พ.ร.บ.นี้มีผลใช้บังคับแล้ว ถ้าผู้กระทำการตามมาตรา 3 วรรคหนึ่งยังมิได้ถูกฟ้องต่อศาลหรืออยู่ในระหว่างการสอบสวนให้พนักงานสอบสวนผู้ซึ่งมีอำนาจสอบสวนหรือพนักงานอัยการระงับการสอบสวนหรือการฟ้องร้องหากถูกฟ้องต่อศาลแล้วให้พนักงานอัยการหรือองค์กรที่เกี่ยวข้องระงับการฟ้องหรือให้ถอนฟ้องถ้าผู้นั้นอยู่ในระหว่างการพิจารณาคดีไม่ว่าจำเลยร้องขอหรือศาลเห็นเอง ให้ศาลมีคำสั่งจำหน่ายคดีในกรณีที่ได้มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษบุคคลใดก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับให้ถือว่าบุคคลนั้นไม่เคยต้องคำพิพากษาว่าได้กระทำความผิดถ้าผู้นั้นอยู่ระหว่างการรับโทษให้การลงโทษนั้นสิ้นสุดลงและปล่อยตัวผู้นั้น

มาตรา 5 ในกรณีที่การกระทำผิดตามมาตรา 3 ก่อให้เกิดความเสียหายทางแพ่งแก่หน่วยงานของรัฐ ให้ความเสียหายทางแพ่งนั้นเป็นอันระงับไปกรณีตามวรรคแรก ถ้ามีการดำเนินคดีถึงที่สุดและมีการบังคับคดีไปแล้วเพียงใดก็ให้การบังคับคดีนั้นสิ้นสุดลงและให้คืนทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดแก่ผู้ที่ได้รับนิรโทษกรรมโดยเร็ว ถ้าอยู่ระหว่างการบังคับคดีก็ให้ยกเลิกการบังคับคดีนั้น

มาตรา 6 การนิรโทษกรรมตาม พ.ร.บ.นี้ไม่เป็นการตัดสิทธิของบุคคล ซึ่งไม่ใช่องค์กรหรือหน่วยงานของรัฐในการเรียกร้องค่าเสียหายในทางแพ่งจากการกระทำของบุคคลใดซึ่งพ้นจากความรับผิดตามพระราชบัญญัตินี้และทำให้ตนต้องได้รับความเสียหาย

มาตรา 7 เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติงานตาม พ.ร.บ.นี้ให้ รมว.ยุติธรรมแต่งตั้ง “คณะกรรมการกลั่นกรองคดีที่จะได้รับการนิรโทษกรรม”มีจำนวนไม่เกิน 7 คน ภายใน 60 วันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติมีผลบังคับใช้ มีหน้าที่ 

(1) รับเรื่องจากผู้ต้องหาคดีตามมาตรา 3 ที่ต้องการได้รับการนิรโทษกรรม 

(2) พิจารณาว่าคดีที่ยื่นเข้ามาตามข้อ (1) คดีใดอยู่ในเงื่อนไขที่จะได้รับการนิรโทษกรรม 

(3)แจ้งความคิดเห็นของกรรมการกลั่นกรองคดีที่จได้รับการนิรโทษกรรมไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัตินี้

คำชี้ขาดของคณะกรรมการกลั่นกรองคดีให้เป็นที่สุดและให้หน่วยงาน หรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ปฏิบัติไปตามคำชี้ขาดโดยพลัน คณะกรรมการกลั่นกรองคดีที่จะได้รับการนิรโทษกรรมมีวาระ 10 เดือนนับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้ง

มาตรา 8 หากผู้ที่ได้รับการนิรโทษกรรมตาม พ.ร.บ.นี้กระทำความผิดซ้ำภายหลังจากได้รับนิรโทษกรรมตาม พ.ร.บ.นี้แล้ว ห้ามมิให้ศาลรอลงอาญาหรือรอการกำหนดโทษตามประมวลกฎหมายอาญาและประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาสำหรับคดีที่กระทำความผิดภายหลังจากได้รับนิรโทษกรรมตามพระราชบัญญัตินี้แล้ว

มาตรา 9 ให้นายกรัฐมนตรีรักษาการตาม พ.ร.บ.นี้

advertisement

คุณอาจสนใจข่าวนี้

ข่าวยอดนิยม