"เอ็ม" แจงคลิปโวยในผับเจ๊ม้าตบ ต้นเหตุดีเจอยากรู้ ขอเข้าถ้ำถือศีลตัดขาดตั้ม (คลิป)

กรณี "เอ็ม นันทวัฒน์ ผ่องบุรุษ" คู่กรณี "ม้า อรนภา กฤษฎี" โดดขึ้นเวทีผับดัง จ.เชียงใหม่ ตะโกนออกไมค์ว่า "ผมโดนตบ ไม่ได้โดนแตะ"

กระทั่งล่าสุดเฟชบุ๊กของทนายตั้ม มีการลงข้อความว่า "มีไม่กี่ครั้งในชีวิตหรอกครับ ที่ผมไปต่อไม่ได้กับลูกความ ปกติก็เกื้อหนุน ให้คำปรึกษา และแนะนำกันจนสุดทางทั้งนั้น แต่กับลูกความหรือว่าที่ลูกความ ที่ไม่ฟัง ไม่สนใจคำแนะนำ ต้องการแต่พื้นที่สื่อและเป็นข่าว ผมขอบาย วันนึงจะเอาอย่างหนึ่ง พรุ่งนี้เอาอีกอย่าง บอกอย่าไปออกข่าวไว้ค่อยกลับมาคุยกันก่อน จะได้พูดสิ่งที่ควรพูดก็ไม่ทำ พอทัวร์ลงมาร้องขอให้ช่วยแถลงอีกรอบ พอไม่ทำ ขึ้นเวทีในผับไปประกาศเอง คนประเภทนี้อย่าพบ อย่าเจอกันอีกเลย ผมกลัว คดีมันไม่ได้พลิกหรอกครับ ทุกอย่างเกิดขึ้นจริง แต่มันจะมีกี่ครั้งที่ผู้เสียหายจากการถูกทำร้ายถูกทัวร์ลง อันนี้ต้องพิจารณาตัวเองนะครับว่าเป็นเพราะนิสัยหรืออะไร" นั้น

ล่าสุด 7 ธ.ค. 65 ทีมข่าวอมรินทร์ ทีวี สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์กับ "เอ็ม นันทวัฒน์" เปิดใจว่า ตอนนี้ข่าวออกไปเยอะมาก ตนเองมาที่เชียงใหม่เพื่อมาปฏิบัติธรรม ตอนนี้ตนเองกำลังจะเข้าป่า งดใช้โทรศัพท์ อยากสงบ ตอนที่ตนเองไปปฏิบัติธรรมอยากให้สื่อนำเสนอข่าวด้วย ไม่อยากให้คนอื่นมองตนเองในด้านลบ ตั้งใจจะไปถือศีล 5 วันอยู่ในถ้ำ เป็นที่ไม่ค่อยมีสัญญาณเท่าไร ขอไม่ระบุวัด ตนเองอยากมาพักใจ หลังจากเจอกระแสที่กรุงเทพฯอย่างหนัก

เมื่อคืนไปเที่ยวมาจริง เพราะเราก็มีปัญหาเยอะ เลยอยากเที่ยว ตอนนั้นเมาแค่กรึ่ม ๆ คนก็สนุก ๆ กัน คนก็ตะโกนถามว่า "สรุปโดนตบหรือโดนเตะ ๆ" พี่ดีเจที่เขาเปิดเพลงไม่รู้เรื่อง มี MC ยื่นไมค์มาให้ตอบว่าตนโดนตบหรือโดนเตะ ตนก็เลยพูดว่า "โดนตบครับ ผมพูดความจริงครับ ขอให้ทุกคนเอ็นจอยนะครับ"

แต่ที่โกรธคือคนอัดคลิป เพราะแอบอัดคลิปตนไป ตอนไปเที่ยวตนเองก็ค่อนข้างระวังตัวด้วยส่วนหนึ่ง แต่นี่เอาคลิปไปเผยแพร่ เขาก็โทร.มาขอโทษแล้ว บอกว่าขอโทษที่รู้เท่าไหร่ถึงการณ์ ตนเองยังตำหนิไปเลยว่า "อย่ามาใช้คำว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ เดี๋ยวตนเองทำธุระอะไรเสร็จแล้วมาคุยกันหน่อย เพราะถ้าแค่ลงสตอรี่ยังพอรับได้ แต่นี่เขาส่งไปให้สื่อมวลชน มันทำให้ผมเสียหายนะ ทำคนเข้าใจได้โดยที่ไม่รู้ข้อเท็จจริง"

ส่วนเรื่องทนายตั้ม ตนเองไม่อยากพูดถึง เขาไม่รับทำคดีก็ไม่เป็นไร ทนายมีเยอะแยะ เดี๋ยวผมหาคนอื่นก็ได้ ขอให้ตนเองทำภาระกิจเรื่องปฏิบัติให้เสร็จก่อนค่อยกลับไปเคลียร์เรื่องคดีพี่ม้าต่อ เรื่องนี้มันต้องจบแบบที่ผมไม่ผิด และพ่อแม่ของตนเองต้องไม่โดนด่าแบบนี้ ตนเองรู้ว่าทนายตั้มเป็นคนยังไง ผมฝากไว้แค่นี้แหละ เพราะเรื่องจริงมีเพียงหนึ่งเดียวอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่กลัวอะไรแล้วว่าจะมีงานในวงการบันเทิงหรือว่าไม่มีงาน ถ้าเกิดคนเราพูดความจริงแล้วไม่มีงานก็ตามนั้นเลย ตอนนี้ตนเองไม่เครียดแล้ว เพราะได้อยู่ในสถานที่สงบ มีหลวงพี่ให้คำแนะนำเรื่องธรรมะก็สบายใจ ตนเองต้องปิดเครื่องถือศีลแล้ว อีก 5 วันค่อยเปิดเครื่อง ขอมาเพิ่มสติให้กับตนเองก่อน เพราะรู้เลยว่าวงการบันเทิงเป็นเรื่องใหม่สำหรับตนเองมาก ๆ และเรายังตามคนไม่ทันอีกเยอะ