"ชัชชาติ" เผยทำดีที่สุดแล้วหลัง BTS ปรับค่าโดยสารขึ้นหลังยื้อมา 2 เดือน ชี้การจ่ายหนี้ต้องรอบคอบเพราะเป็นภาษีประชาชน
วันที่ 1 ธ.ค. นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีการประกาศปรับอัตราค่าโดยสารรถไฟฟ้า BTS ที่จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2566 นี้ ว่า เป็นไปตามกฎสัมปทาน เพราะมีโอกาสปรับขึ้นตามอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นสัญญาที่มีมานาน โดย 2 เดือนก่อนหน้านี้ มีการเจรจาให้ชะลอการปรับอัตราค่าโดยสาร ซึ่งเป็นการปรับพร้อมสายสีน้ำเงินจากเท่าที่ฟังรายงานมาจาก รศ.ดร.วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ขณะนี้พยายามให้มีการเจรจาชะลอให้มากที่สุดแล้ว ต้องบอกว่านี่เป็นสัญญาที่มีโอกาสปรับขึ้นตามกรอบที่ทำสัญญาไว้ล่วงหน้า ถือเป็นสิทธิ์ของ BTS ทั้งนี้ ถือเป็นข้อผูกพันโดยตามรูปแบบสัมปทาน อย่างมากทำได้เพียงแค่ขอความร่วมมือหาก BTS ไม่ตกลง กทม.ก็ไม่มีอำนาจสั่งให้ BTS ชะลอการปรับอัตราค่าโดยสารไปมากกว่านี้ได้
เมื่อถามถึงกรณีที่หลายฝ่ายแสดงความคิดเห็นว่าการปรับอัตราค่าโดยสารของ BTS ในครั้งนี้จะใช้เป็นเครื่องมือต่อรองในการทวงหนี้รถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และ แบริ่ง-สมุทรปราการ หรือไม่ นายชัชชาติกล่าวว่า รายได้ของ BTS ขึ้นอยู่กับจำนวนของผู้โดยสาร ส่วนต่อขยายที่ 2 มีผู้โดยสารใช้บริการเป็นจำนวนมาก โดยได้ค่าแรกเข้าเป็นหลัก 1,000 ล้านบาท หากนำผู้โดยสารเข้าระบบ 100,000 คน คิด 10 บาทต่อคน วันหนึ่งเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท
อย่างไรก็ตาม คงต้องมีการเจรจาเพราะการชำระหนี้ ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าง่ายคงจ่ายไปตั้งแต่ 3-4 ปีแล้ว เป็นเรื่องทางด้านเทคนิคการเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จะเอาเงิน กทม.มาจ่ายเลยก็เป็นไปได้ยาก เพราะต้องผ่านระบบงบประมาณผ่านการอนุมัติของสภา กทม.
ทั้งนี้ นายชัชชาติ ยังกล่าวทิ้งท้ายว่า จะพยายามทำให้ดีที่สุด และหาจุดที่จะทำอย่างไรให้ไปด้วยกันได้ทั้งคู่ โดยยืนยันว่า การจ่ายเงินของ กทม.ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย 100% เพราะมีตัวอย่างให้เห็นหลายกรณีแล้ว ที่สุดท้ายโดนเช็คบิลย้อนหลัง ที่สำคัญเงินจำนวนนี้เป็นเงินภาษีของประชาชน ถือเป็นบทเรียนว่า บางอย่างหากทำให้ครบถ้วนก็จะง่าย ดีกว่าทำเร็วแต่อาจจะมีปัญหาตามมาในระยะยาว จึงต้องทำด้วยความรอบคอบ ไม่มีเจตนาแกล้งใครยืนยันโดยตลอด แต่อย่างที่บอกพอมีปัญหาเรื่องข้อกำหนด ข้อระเบียบราชการ จึงมีกฎที่ต้องทำตาม
