ลูกสาววัย 14 นั่งรถทัวร์จากเชียงรายไปหาแม่ที่บุรีรัมย์ เพื่อให้พาไปทำบัตรประชาชน เจ้าหน้าที่ปฏิเสธออกบัตรให้เพราะหน้าแม่กับลูกไม่เหมือนกัน
ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านใน อ.หนองหงส์ จ.บุรีรัมย์ มีเด็กหญิงวัย 14 ปี ชาวจังหวัดเชียงราย นำหลักฐานเป็นใบสูติบัตรตัวจริงของตัวเอง พร้อมสำเนารับรองผลการเรียน สำเนารับรองการเป็นนักเรียนของโรงเรียน ตชด.เจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 3 ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย แล้วนั่งรถทัวร์เดินทางมายังจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อมาหา นางสาววิไล ทองตัน อายุ 40 ปี แม่ของตัวเองที่ไม่ได้เจอกันมาตั้งแต่เด็กเพราะพ่อกับแม่แยกทางกัน พ่อไปทำงานประเทศเกาหลีแล้วหายตัวไป กระทั่งมาพบแม่ทางเฟซบุ๊กก่อนจะเดินทางมาหาแม่เพื่ออยากจะทำบัตรประชาชนเป็นของตัวเองครั้งแรก แต่นายอำเภอหนองหงส์ปฏิเสธการทำบัตรประชาชนให้ ระบุว่าหน้าตาแม่กับลูกไม่เหมือนกัน ซึ่งจะต้องหาหลักฐานตัวจริงมาประกอบ เพราะสูติบัตรอย่างเดียวไม่เพียงพอ ทำให้ ด.ญ.วัย 14 ปี ถึงกับน้ำตาซึมเพราะเป็นความหวังเดียวคือ ผู้ปกครองที่ไปยืนยันตัวตน
ล่าสุด ด.ญ.วัย 14 ปี ได้โทรศัพท์ไปหาครูและผู้ใหญ่บ้านที่บ้านเกิด โดยครูจะส่งหลักฐานตัวจริงมาให้ทั้งหมดทางไปรษณีย์แบบ EMS มาที่บุรีรัมย์เพื่อนำไปเป็นหลักฐานตามคำร้องขอของเจ้าหน้าที่ คาดว่าเอกสารจะมาถึงที่บุรีรัมย์ภายใน 1-2 วันนี้
นางสาววิไล เล่าว่า ตนเป็นชาว จ.อุดรธานี แยกทางกับสามีชาวเชียงรายตั้งแต่ลูกสาวคลอดได้ไม่นาน สามีไปทำงานประเทศเกาหลีและไม่เคยกลับบ้านเลย ส่วนลูกสาวให้ปู่กับย่าเลี้ยงที่เชียงราย ตนได้สามีใหม่จึงย้ายมาอยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์แล้วขาดการติดต่อกัน ก่อนที่ลูกสาวจะทักมาที่เฟซบุ๊กเพราะค้นหาจากชื่อแม่ในใบเกิด จนได้พูดคุยสานสัมพันธ์แม่ลูกกันอีกครั้ง
นางสาววิไล บอกอีกว่า ตนวิ่งเต้นเพื่อจะทำบัตรประชาชนให้ลูกสาว 2-3 วัน ซึ่งได้รับคำตอบจากปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียนว่า "ถ้าได้เอกสารตัวจริงมาทั้งหมดจะทำบัตรประชาชนให้” ตอนนี้ลูกสาวลาโรงเรียนมา 4 วันแล้ว คาดว่าจะต้องลาต่อไปอีกจนกว่าเรื่องจะจบ แต่ตนยังหวั่นใจว่าถ้าได้เอกสารมาครบทางอำเภอจะออกบัตรประชาชนให้อีกหรือไม่ เพราะทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายอำเภอตามคำกล่าวอ้างของปลัดอำเภอฝ่ายทะเบียน แต่ถ้าหากไม่ได้อีกตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปเหมือนกัน
